Ulysse Nardin Blast Moonstruck ความเที่ยงตรงแห่งวัฏจักรดวงดาวบนข้อมือคุณ

0

โบยบินสู่จันทรา “ความเรียบง่ายคือความซับซ้อนขั้นสูงสุด” เลโอนาร์โด ดา วินชี ไวยากรณ์แห่งสรวงสวรรค์ กับเรือนเวลาสุดพิเศษ Ulysse Nardin Blast Moonstruck

Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck

Ulysse Nardin Blast Moonstruck ความเที่ยงตรงแห่งวัฏจักรดวงดาวบนข้อมือคุณ

- Advertisement -

ปีนี้ วันที่ 1 กุมภาพันธ์คือวันเริ่มต้นใหม่ของปฏิทินจีนตามจันทรคติหรือวันตรุษจีน และเป็นวันเดียวกับที่ Ulysse Nardin เปิดตัว Moonstruck หนึ่งในผลงานรุ่นพิเศษของกลไกซับซ้อนทางดาราศาสตร์ในอดีตกับ Worldtimer ที่พัฒนาและผลิตขึ้นในโรงงานบรรจุในตัวเรือนทรงเรขาคณิตของ Blast นำเสนอการผจญภัยบนท้องฟ้าครั้งใหม่ให้กับคนที่หลงใหลดวงดาว ด้วยกลไกจักรกลที่ได้รับการคิดค้นขึ้นใหม่

โดยจำลองวิถีโคจรที่มองเห็นได้ของดวงอาทติย์และวัฏจักรของดวงจันทร์ที่มีความเที่ยงตรงแม่นยำที่สุด นาฬิกา Blast รุ่นใหม่สืบเชื้อสายจากผลงานไตรภาคของนาฬิกาดาราศาสตร์ที่ได้รับการสร้างสรรคฺขึ้นเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว โดย Ludwig Oechslin ช่างนาฬิการะดับปรมาจารย์ ผู้นำเสนอองค์ประกอบของกลไกดาราศาสตร์ที่มองเห็นได้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจในบทกวีของจักรวาลที่โอบล้อเรา ด้วยการแสดงผลที่ร่วมสมัยและใช้งานได้ง่าย

“ผมดีใจที่นาฬิกาของผมและนาฬิกาดาราศาสตร์ทำให้ผู้คนเข้าถึงตำแหน่งในจักรวาล และอาจจะทำให้ตระหนักได้ว่า เราไม่ใช่ศูนย์กลางของโลก” Ludwig Oechslin

นาฬิกา Blast Moonstruck จำลองวัฏจักรของดวงจนทร์ ที่ปรากฏขึ้นตามการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ที่โลกหมุนไปโดยรอบ เมื่อเราสังเกตุดวงจันทร์จากโลกและตามแผนภูมิน้ำขึ้นน้ำลง ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การหมุนรอบของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เข้าใจได้ง่ายและชัดเจน การแสดงค่าของ Blast Moonstruck ที่เน้นจุดศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ทำให้เข้าใจได้ง่าย แม้แต่คนที่ไม่มีความรู้ด้านดาราศาสตร์มาก่อน

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวคือแผนที่สำหรับลูกเรือ เป็นสนามเด็กเล่นสำหรับคู่รัก และเป็นปฏิทินดั้งเดิมของอารยะธรรมทั้งหมด เมื่อมองจากพื้นดิน จะเห็นดาวที่เต้นระบำทอแสงระยิบระยับ ทำให้รู้สึกว่าโลกมักเป็นศูนย์กลางของจักรวาลเสมอ มีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นตัวกำหนดวัฏจักรของวัน เดือนและฤดูกาล นักดาราศาสตร์ต้องใช้ความสามารถในการถอดรหัสเพลงวอลทซ์นี้ที่รักษาเวลาได้อย่างเป็นอย่างดี นับตั้งแต่ยุคสำริด พวกเขาจัดทำหอดูดาวที่ทำให้พวกเขาแบ่งปฏิทินได้ใกล้เคียงที่สุด พวกเขาได้สร้างหลักไวยากรณ์แห่งสวรรค์มาหลายชั่วอายุคน

“ทำไมต้องเป็นนาฬิกาดาราศาสตร์? เพราะทุกสิ่งที่มีวัฏจักรปกติสามารถทำซ้ำได้โดยใช้กลไกและอ่านมันบนหน้าปัด เวลาที่ถูกรวบรวมไว้คือศิลปะของช่างนาฬิกา การปลดปล่อยมันเป็นปรัชญา ในทางหนึ่ง นาฬิกา Blast Monstruck ที่ห่อหุ้มเวลาแห่งดวงดาวไว้ แต่มันก็ได้ปลดปล่อยจิตใจ มันเป็นเรื่องง่ายมาก” Ludwig Oechslin

Ulysse Nardin Blast Moonstruck

Attractive Astronomy ดาราศาสตร์ที่น่าดึงดูดใจ

“ดวงอาทิตย์มีพลังที่จะสร้างและทำลายชีวิต ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อกระแสน้ำ และยังรวมถึงบทเพลงและความฝันของเราในยามค่ำคืน”

Blast Moonstruck เช่นเดียวกับนาฬิกาที่รวบรวมข้อมูลด้านดาราศาสตร์อย่างละเอียด พยายามที่จะย่อส่วนจากนาฬิกาป้อมปืนที่น่าเกรงข้าที่สร้างขึ้นในช่วงปลายยุคกลางของเมือง โดยทำหน้าจอให้อ่านค่าและเข้าใจได้ง่าย ให้เป็นผลงานที่สืบทอดจากเครื่องมือทางดาราศาสตร์ในอดีตด้วยกลไกที่ซับซ้อน และมั่นใจได้ว่าเวลาโลกจาก 24 เขตเวลาที่ใช้ตั้งแต่อนุสัญญาวอชิงตันปี 1884 จะแสดงค่าอย่างถูกต้องแม่นยำ อีกทั้งการปรับตั้งเวลาด้วยปุ่มข้างตัวเรือนด้านซ้ายยังสามารถปรับตั้งเวลาหลักให้เดินหน้าหรือถอยหลัง 1 ชั่วโมงอย่างรวดเร็วอีกด้วย

Blast Moonstruck มาพร้อมความซับซ้อนของการแสดงเวลาข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์ที่เที่ยงตรงและแม่นยำสูง เมื่อรวมเข้ากับความซับซ้อนอื่นๆ ก็ทำให้เราสามารถติดตามเวลาที่แท้จริงของดวงอาทิตย์ในขณะที่โลกหมุนไปโดยรอบ เพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับหน้าปัด การแสดงเวลาดาราศาสตร์ที่เปี่ยมประสิทธิภาพนี้มอบให้กับผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่แสวงหานาฬิกาดีที่สุด

และยังรวมถึงเหล่ากะลาสีเรือที่ผู้ผลิตได้รักษษความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นในปี 1846 พวกเขารู้ถึงประโยชน์ที่มากมายจากการแสดงผลที่ยอดเยี่ยมนี้ ในแต่ละวันพวกเขาสามารถคาดการณ์ถึงกระแสน้ำในฤดูใบไม้ผลิได้อย่างรวดเร็วด้วยการสังเกตุการเรียงตัวของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จากข้างขึ้นหรือข้างแรม

Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck

บุรุษผู้อยู่เป็นศูนย์กลางจักรวาลของเขา

Blast Moonstruck ได้รับการออกแบบมาเพื่อสานต่อผลงานไตรภาคสุดอลังการที่ออกแบบโดย Ludwig Oechslin จากปี 1985 นาฬิกาเรือนนี้แยกการแสดงระบบสุริยะของ Copernican ที่ใช้แนวทางการวัดค่าจากจุดศูนย์กลางของโลกที่อ่านและทำความเข้าใจได้ง่าย

เพื่อตอกย้ำความรู้สึกนี้อันเป็นหัวใจของจักรวาลบนพื้นฐานของการอ่านค่านาฬิกา นักออกแบบได้ร่วมมือกับปรมาจารย์ Ludwig Oechslin เลือกที่จะวางซีกโลกเหนือที่มองเห็นจากขั้วโลกเหนือไว้ตรงกลางหน้าปัดบนแผ่นคริสตัลแซฟไฟร์ เพิ่มความน่าสนใจด้วยเอฟเฟกต์ 3 มิติและผนึกด้วยคริสตัลแซฟไฟร์ทรงกล่องที่ปกป้องวงแหวนทองคำ 18 กะรัตที่ได้รับการแกะสลักตัวเลขวันที่ 31 วันของเดือน ที่ชี้บอกด้วยเครื่องหมายสามเหลี่ยมขนาดเล็กเคลือบสารเรืองแสง

การแสดงเวลาโลก – เวลาที่สอง

ภายใต้โครงสร้าง 3 มิตินี้ แสดงถึงความแม่นยำและการออกแบบที่ร่วมสมัยที่เลื่องชื่อของคอลเลกชั่น Blast รูปทรงที่เพรียวลงช่วยให้อ่านค่าได้ง่าย แม้ในที่แสงน้อย เนื่องจากวัสดุเรืองแสงที่อยู่บนแผ่นกลาง แสดงเวลาท้องถิ่น และยังสามารถดูเวลาจากที่ต่างๆ ใน 24 เขตเวลาบนโลกได้อย่างง่ายดาย จากชื่อเมืองบนวงแหวนรอบหน้าปัด และสามารถปรับตั้งได้ง่ายให้เดินหน้าหรือถอยหลัง ด้วยกลไกที่ซับซัอนที่ Ulysse Nardin พัฒนาและใช้มาตลอด ควบคุมด้วยปุ่มกดสี่เหลี่ยมสองอันข้างตัวเรือนด้านซ้าย ฟังก์ชันเวลาโลกใช้ง่ายสะดวกและง่ายดาย มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักเดินทางที่ชีพจรลงเท้า มาพร้อมความซับซ้อนของกลไกดาราศาสตร์ขั้นสูง

จักรวาลของโลกเต้นระบำจังหวะวอลซ์

สำหรับ Ludwig Oechslin ผู้ออกแบบนาฬิกาดาราศาสตร์ในยุค 80 ที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการผลิตมา และทีมพัฒนาของโรงงาน Ulysse Nardin นาฬิกา Moonstruck ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เป็นนาฬิกาซับซ้อนที่ไม่จำเป็น แต่เป็นนาฬิกาที่มีหน้าจอสมเหตุสมผลและมีประสิทธิภาพในการแสดงกลไกของระบบท้องฟ้าให้ทุกคนเข้าใจได้โดยง่าย

ตัวเรือนขนาด 45.0 มิลลิเมตร ทำด้วยเซรามิกสีดำและไทเทเนียมเคลือบดำด้วยเทคนิค DLC ประกอบกับสายหนังจระเข้ หรือสายยางสีดำ นอกจากจะแสดงเวลาที่สังเกตุได้จากพื้นหลังของท้องฟ้ายามค่ำที่แสดงด้วยแผ่นจานซึ่งทำจากอะเวนทูรีนแล้ว เวลาโลกยังอ่านค่าง่ายด้วยชื่อเมืองและจานหมุนที่มีดวงอาทิตย์จะหมุนรอบและเวลาก็จะปรากฏขึ้นที่ 12 นาฬิกา

นอกจากนี้ยังแสดงเวลาไทม์โซนที่สอง โดยเปลี่ยนการแสดงเวลาหลักให้เป็นเวลาต่างไทม์โซนได้ด้วยการปรับตั้งทีละชั่วโมงไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังด้วยแป้นกดสองตัวด้านซ้ายตัวเรือน สำหรับผู้ที่เกรงจะสับสนเวลาจากการอ่านเวลาโลก ตัวอย่างเช่น จากกรุงเทพฯ เมื่อเดินทางไปถึงซูริก แทนที่จะตั้งเวลาหลักให้เป็นกรุงเทพฯและดูเวลาซูริกจากระบบ World Time ก็สามารถปรับตั้งเวลาหลักให้เป็นเวลาของซูริกได้ง่ายๆ ขณะเดียวกันก็ดูเวลากรุงเทพฯจากระบบ World Time แทน ซึ่งสะดวกขึ้น และแน่นอนว่า ผลงานสุดซับซ้อนนี้ยังมาพร้อมการแสดงเวลาของดวงจันทร์ในลักษณะสมจริงโดยเชื่อโยงเส้นทางการแสดงของดวงอาทิตย์แบบ 3 มิติที่ 12 นาฬิกาในการแสดงเวลาโลก

Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck

การแสดงเวลาข้างขึ้นข้างแรมอย่างเที่ยงตรง

ทีมงานที่รับผิดชอบการสร้างผลงาน Moonstruck ได้ลือกภาพพระจันทร์ที่แสดงเวลาข้างขึ้นข้างแรมวางบนช่องหน้าต่างทรงกลมที่จะเคลื่อนไปในเส้นทางวงรีตามการแสดงวงโคจรของมัน ซึ่งอยู่ในระนาบสุริยวิถีเดียวโลก ด้วยเหตุผลด้านหลักการ หน้าต่างนี้จะมีแผ่นดิสก์ดวงจันทร์ที่ขับด้วยชุดเกียร์ที่ซับซ้อน เพื่อให้การแสดงเวลาข้างขึ้นข้างแรมหมุน 1 รอบต่อวันตามดวงอาทิตย์ที่เป็นแหล่งกำเนิดแสงสว่างให้กับดวงจันทร์ และยังทำให้พระจันทร์เต็มดวงเมื่อโคจรรอบโลกในเวลา 29 วัน 12 ชั่วโมง 41 นาทีและ 9.3 วินาทีแทนระยะเวลาของเดือนทางจันทรคติ และแสดงเฟสของดวงจันทร์หรือที่เรียกว่า synodic rotation หรือ คาบไซโนดิกซึ่งระยะเปรียบเทียบการแปรคาบโคจรตามมาตรภูมิศาสตร์ระหว่างโลก-ดวงจันทร์-ดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดเป็นเฟสของดวงจันทร์ ซึ่งจะซ้ำรอบทุกๆ ช่วง 29 วัน 12 ชั่วโมง 44 นาที 2.9 วินาที

เพื่อรักษาความเที่ยงตรงของดวงจันทร์ หน้าต่างนี้จะแสดงภาพดวงจันทร์ในทุก 24 ชั่วโมงของการหมุนรอบด้วยมุมที่สอดคล้องกันในระดับ 1/29.53 ของจันทรคติที่สัมพันธ์กับการหมุนรอบดวงอาทิตย์ ทั้งยังภาพดวงจันทร์ในช่องหน้าต่างแบบเคลื่อนที่พัฒนาให้ปรากฏแสงสว่างหรือหรี่แสงลงเล็กน้อยตามปฏิทินจันทรคติของข้างขึ้นข้างแรมได้อีกด้วย

นาฬิกา Blast Moonstruck เต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์โดยเป็นเครื่องมื่อที่สร้างขึ้นจากแนวคิดเกี่ยวกับระบบสุริยะของเรา ที่ไหนสักแห่งในจักรวาลอันกว้างใหญ่

แม้จะเต็มไปด้วยความซับซ้อนเชิงกลไก แต่การอ่านค่านั้นง่ายและสะดวก เช่นเดียวกับการปรับตั้งค่า เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดสามารถปรับตั้งด้วยเม็ดมะยม และปุ่มกดด้านข้างตัวเรือน ทั้งการตั้วเวลาปกติ เวลาโลกและเวลาต่างไทม์โซน ไปจนถึงวันที่ ซึ่งมาจากการทำงานของกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ UN-106 ถ้าใส่ทุกวันนาฬิกาก็จะแสดงค่าได้อย่างเที่ยงตรง แต่ถ้าจะเก็บไว้นานๆ แนะนำว่าควรมีกล่องหมุนนาฬิกาสำหรับนาฬิกากลไกอัตโนมัติ เพื่อให้ระบบปฏิทินของดวงจันทร์ทำงานอย่างต่อเนื่องและไม่เสียเวลาตั้งใหม่

Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck

หน้าปัดอะเวนจูลีน: ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากความ “บังเอิญ”

หากดวงดวงกระจายบนท้องฟ้าอย่างไม่เป็นระเบียบในจักรวาล อะไรจะดีไปกว่าหน้าปัดแร่สีน้ำเงินเข้มที่มีลายอันละเอียดอ่อนของ Blast Moonstruck ที่ได้รับการตกแต่งด้วยอนุภาคสีทองเล็กๆ แทนดาวบนท้องฟ้า

ตำนานของแร่อะเวนจธลีนถูกเล่าขานในศตวรรษที่ 13 บนเกาะ Murano ในเวนิส ที่บ้านของช่างทำแก้วผู้มีชื่อเสียง ช่างฝีมือที่บังเอิญทำตะไบทองแดงตกลงไปในหม้อหลอมแก้วและเกิดเป็นแก้วอะเวนจูลีนหรือ avventurine ในอิตาลีที่หมายถึง “บังเอิญ”

เอฟเฟกต์บนแร่อะเวนจูลีนที่มนุษย์สร้างขึ้นนี้ทำให้มีลักษณะเหมือนประกายระยิบระยับบนพื้นผิวน้ำในมหาสมุทรที่ลูกค้ามักจะสังเกตุเห็นในยามค่ำคืน

Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck

Ludwig Oechslin

วิศวกรคนนี้เกิดที่ Gabicce Mare ในเมือง Marches ของอิตาลี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ปี 1952 เขากลายเป็นนักวิชาการหลังจากได้รับปริญญาด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์สมัยโบราณและภาษากรีกจากมหาวิทยาลับบาเซิลเมื่อปี 1976 ในปี 1983 เขาได้รับปริญญาดุษฏีบัณฑิตสาขาปรัชญาประวัติศาสตร์การวิจัยและการศึกษา (ฟิสิกส์เชิงทฤษฏี) และดาราศาสตร์ ระหว่างทำงาน จากมหาวิทยาลับเบิร์น และการฟื้นฟูสภาพทางโบราณคดีทางเทคนิคก่อนอุตสาหกรรมจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธรัฐสวิสในเมืองซูกริก (ETHZ) ในปี 1995 ควบคู่ไปกับการศึกษาที่มากมาย เขายังเข้ารับการฝึกงานด้านการผลิตนาฬิกาและกลายเป็นช่างซ่อมนาฬิกาในปี 1984 และกลายเป็นช่างนาฬิการะดับปรมาจารย์ในปี 1993 หลังจากได้รับทักษะเหล่านี้ทั้งหมด และเช่นเดียวกับนักมานุษยวิทยาในยุคเรเนสซองส์ตอนต้น เขาสามารถรวบสาขาวิชาเหล่านี้เพื่อสร้างกลไกนาฬิกา รวมถึงความซับซ้อนด้านดาราศาสตร์ดั้งเดิม หรือผสมผสานโหมดการทำงานที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ตั้งแต่ปี 1983-1990 เขาได้พัฒนานาฬิกาให้กับ Ulysse Nardin เรือนแรกคือ Astrolabium Galileo Galilei กับอีกสองเรือนเพื่อสร้างผลงานไตรภาคที่ยังอยู่ตำนานอันยิ่งใหญ่ของสายอาชีพและเป็นเกณฑ์มาตรฐานของนาฬิกาดาราศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูง เขายังได้รับรางวัล Prix Gaïa ในปี 1995 จากการศึกษานาฬิกาดาราศาสตร์ขนาดใหญ่ และได้สร้างนาฬิกา Freak ในปี 2001 ซึ่งเป็นนาฬิกาเรือนแรกในประวัติศาสตร์การผลิตนาฬิกาที่รวมซิลิคอนเข้ากับกลไกจักรกล ผู้ชื่นชอบในการแสวงหาความรู้ยังเป็นภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ International Museum of La Chaux-du-Fonds ในเมืองลาโช-เดอ-ฟง จากปี 2001-2014

ในเวลาเดียวกัน จิตวิญญาณแห่งการผจญภัยที่เติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับหลักการผลิตนาฬิกาไหลผ่านตัวเขา ในปี 2006 เขาสร้างนาฬิกาแบรนด์ของตนเองในชื่อ Ochs und Junior ทุกวันนี้วิศวกรผู้รอบรู้ที่เป็นทั้งนักวิจัยและนักพัฒนาด้านการออกแบบยังคงเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และเปิดกว้างให้กับช่างนาฬิกาที่เข้าใจยากซึ่งเขามีส่วนในการอนุรักษ์ไว้ในทุกที่

Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck

เกี่ยวกับข้างขึ้นข้างแรม

Nicolaus Copernicus (นิโคลัส โคเปอร์นิคัส) นักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์เกิดในปี 1473 และเสียชีวิตในปี 1543 คือผู้ปฏิวัติวงการดาราศาสตร์ด้วยการเสนอทฤษฏีเกี่ยวกับกฎการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ โดยดาวเคราะห์ทุกดวง รวมทั้งโลกของเรา โคจรรอบดวงอาทิตย์ ทฤษฎีที่ว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะหรือที่เรียกว่า Heliocentric (เฮลิโอเซนทริก) ถูกปฏิเสธมาเป็นเวลานาน เพราะมันขัดแย้งกับความคิดของคนยุคกลางและทางศาสนาที่เชื่อว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์ และโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ทฤษฏีของเขาต่อต้านความเชื่อที่มีอิทธิพลในเวลานั้น

  • ระนาบสุริยวิถี

นี่คือระนาบที่มีดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลาง โดยมีดาวเคราะห์โคจรโดยรอบ รวมทั้งโลกที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ เป็นเส้นสมมุติที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นพื้นฐานของระบบพิกัดที่ใช้ในการกำหนดตำแหน่งของดวงดาว ชื่อระนาบสุริยะถูกตั้งขึ้นเพราะอยู่ในระนาบที่สังเกตเห็นดวงอาทิตย์ ระนาบนี้ทำมุมเอียงกับเส้นศูนย์สูตรฟ้า ด้วยมุม 23° 26’ 13’’ หรือเรียกว่าความเอียงของสุริยวิถี ซึ่งสอดคล้องกับความเอียงของแกนหมุนของโลกและระนาบปกติของวงโครจรโลก ส่วนระนาบวงโคจรของดวงจันทร์เอียงกับระนาบสุริยวิถีเป็นมุมประมาณ 5° 08′ 48”

  • ข้างขึ้นข้างแรม

หมายถึงส่วนของพระจันทร์ที่สว่างจากแสงของดวงอาทิตย์และสังเกตุเห็นจากพื้นโลก เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก รูปแบบของดวงจันทร์จึงเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา เดือนจันทรคติสอดคล้องกับวงโคจรที่สมบูรณ์แบบ โดยมีระยะเวลาเฉลี่ยในการโคจรรอบโลกอยู่ที่ 29 วัน 12 ชั่วโมง 44 นาทีและ 2.9 วินาที หรือ 29.53 วันโดยประมาณ

ดวงจันทร์หมุนรอบตัวมันเองพร้อมๆ กับการโคจรรอบโลก และโลกก็หมุนรอบตัวเองอย่างสมบูรณ์ใน 24 ชั่วโมง   นั่นเป็นเพราะดวงจันทร์หมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ในขณะที่หมุนรอบโลก 1 รอบ ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ในแบบเดียวกันเสมอซึ่งประกอบด้วย

New Moon: เดือนมืด คือระยะที่ดวงจันทร์อยู่ตรงกลางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ในทิศทางเดียวกัน โดยด้านที่รับแสงอาทิตย์หันไปจากโลก ดวงจันทร์จึงดูมืดสนิททั้งดวง และสัมพันธ์กับการเกิดน้ำขึ้นน้ำลงสูงสุด หรือที่เรียกว่าน้ำเกิด (Spring tide)

First Quarter: วันขึ้น 8 ค่ำกับจันทร์ครึ่งดวงแรก เป็นระยะที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งตั้งฉาก (โดยดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกา และดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา) ดวงจันทร์จะอยู่ในระยะข้างขึ้นหรือ Waxing phase ภายใต้เงื่อนไขนี้ ระดับน้ำขึ้นน้ำลงจะเปลี่ยนแปลงน้อยหรือน้ำตาย (Neap tide)

Full Moon: ดวงจันทร์หมุนรอบโลกได้ครึ่งทางและด้านที่รับแสงอาทิตย์จะทับกันสนิทกับด้านที่หันเข้าหาโลก ทำให้เราเห็นดวงจันทร์ทรงกลมเต็มดวง และสัมพันธ์กับปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงสูงสุดหรือน้ำเกิด

Third Quarter: จันทร์ช่วงสองหรือแรม 8 ค่ำ เมื่อดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับดวงจันทร์ (โดยดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกาและดวงจันทร์อยู่ด้านซ้ายของหน้าปัด) ดวงจันทร์จะแสดงข้างแรมและระดับน้ำขึ้นน้ำลงจะเปลี่ยนแปลงน้อยหรือน้ำตาย

Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck Ulysse Nardin Blast Moonstruck

Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck

Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck

Ulysse Nardin Blast Moonstruck
Ulysse Nardin Blast Moonstruck

นาฬิกา Ulysse Nardin Blast Moonstruck เผยโฉมในตัวเรือนเซรามิกสีดำ ไทเทเนียมเคลือบดำด้วยเทคนิค DLC และคริสตัลแซฟไฟร์ ขนาดตัวเรือนอยู่ที่ 45.0 มิลลิเมตร พื้นหน้าปัดโทนสีดำและทอง แสดงฟังก์ชันการทำงานทั้งเวลาชั่วโมงและนาทีด้วยชุดเข็มกลาง วันที่ในวงแหวนสีทองชั้นในที่ชี้บอกด้วยลูกศรเคลือบสารเรืองแสง แสดงข้างขึ้นข้างแรมในช่องหน้าต่างที่จะเผยให้เห็นรูปแบบของดวงจันทร์ในแต่ละช่วงเวลาพร้อมกับการหมุนไปรอบโลกซึ่งแทนที่ด้วยรูปแผนที่กึ่งกลางหน้าปัด แสดงค่าสัมประสิทธิ์ของกระแสน้ำหรือน้ำขึ้นน้ำลง รวมถึงแสดงเวลาโลก โดยมีชื่อเมืองต่างๆ ทั้ง 24 เชตประดับในวงแหวนรอบนอก แสดงเวลากลางวันและกลางคืน และเวลาต่างไทม์โซน ตำแหน่งของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่อยู่รอบโลก

ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ UN-106 ที่ซับซ้อน ประกอบด้วยชิ้นส่วนกลไก 335 ชิ้น ประดับทับทิม 42 เม็ด ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมงหรือ 4 เฮิรตซ์ ขึ้นลานด้วยโรเตอร์ทองโรสโกลด์ 5N สำรองพลังงานได้นาน 50 ชั่วโมง ฝาหลังผนึกคริสตัลแซฟไฟร์เผยให้เห็นกลไกอย่างเต็มตา ประกอบสายหนังจระเข้สีดำ สีเวลเวท หรือสายยาง ถึงจะไม่ใช่ผลงานผลิตจำนวนจำกัด แต่ด้วยความซับซ้อนทำให้ผลิตได้น้อย

การผลิตมีจำนวนจำกัด แต่ไม่ได้ระบุจำนวนที่ชัดเจน ส่วนราคาของ Ulysse Nardin Blast Moonstruck อยู่ที่ 75,000 ฟรังก์สวิสส์