ในที่สุดเซรามิกก็กลายมาเป็นวัสดุสำหรับใช้ในการผลิตตัวเรือนให้กับนาฬิกาในตระกูล Black Bay ของ Tudor สักที และเราต้องบอกว่าแม้จะจ่ายแพงขึ้นจากรุ่นปกติ แต่ก็ถือว่าคุ้มกับสิ่งที่ได้มา
Tudor Black Bay Ceramic แพงขึ้นแต่ก็คุ้มค่ากับวัสดุเทพ
-
การเปิดตัวทางเลือกใหม่ของวัสดุบนตัวเรือนที่คลาสสิคของ Tudor Black Bay
-
ฝาหลังแบบใสมองเห็นกลไกที่ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่าง MT5602-1U
-
ราคาเปิดตัวในเมืองไทยอยู่ที่ 162,300 บาท
หลังทิ้งปริศนาพร้อมข้อความที่ว่า ‘Just One More Thing’ ให้คนเฝ้ารอการติดตามอยู่หลายวันในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ในที่สุด ทิวดอร์ก็เฉลยออกมาแล้วว่าสิ่งที่ทุกคนเฝ้าลุ้นและเฝ้ารออยู่บนโลกออนไลน์คืออะไร ซึ่งจะว่าไปแล้วอาจจะค่อนข้างผิดคาดสักนิด เพราะไม่มีใครคิดว่า Tudor จะนำวัสดุอย่างเซรามิกมาผลิตตัวเรือนให้กับนาฬิกาคลาสสิคอย่าง Black Bay (แบล็คเบย์) แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว กับผลผลิตใหม่ล่าสุด Tudor Black Bay Ceramic
ใครที่คิดว่านี่คือครั้งแรกของ Black Bay กับนาฬิกาแบบตัวเรือนเซรามิกล้วน คงคิดผิด เพราะในปี 2019 Tudor เคยผลิตออกหลังทิ้งปริศนาพร้อมข้อความที่ว่า ‘Just One More Thing’ ให้คนเฝ้ารอการติดตามอยู่หลายวันในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ในที่สุด ทิวดอร์ก็เฉลยออกมาแล้วว่าสิ่งที่ทุกคนเฝ้าลุ้นและเฝ้ารออยู่บนโลกออนไลน์คืออะไร ซึ่งจะว่าไปแล้วอาจจะค่อนข้างผิดคาดสักนิด เพราะไม่มีใครคิดว่า Tudor จะนำวัสดุอย่างเซรามิกมาผลิตตัวเรือนให้กับนาฬิกาคลาสสิคอย่าง Black Bay (แบล็คเบย์) แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว กับผลผลิตใหม่ล่าสุด Tudor Black Bay Ceramic
มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นมีเพียงแค่เรือนและนาฬิการุ่นนั้นถูกส่งไปเข้าสู่งานประมูล Only Watch ขณะที่ในตลาดสิ่งที่ Black Bay มีความใกล้เคียงกับ Black Bay Ceramic มีเพียงแค่สีดำจากการทำ PVD บนตัวเรือนสแตนเลสตีล แต่นั่นคือต้องย้อนกลับไปในปี 2016 กันเลยทีเดียว
นาฬิกาเรือนนี้ถือว่าถือกำเนิดขึ้นบนพื้นฐานของความเหนือชั้นทางด้านเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้ มากับตัวเรือนขนาด 41 มิลลิเมตรที่ผลิตจากเซรามิกแบบโมโนบล็อกมากับพื้นผิวแบบขัดด้านแต่ก็เพิ่มความสวยงามด้วยการขัดเงาตรงเหลี่ยมมุมของตัวเรือนขณะที่ขอบตัวเรือนหรือเบเซลผลิตจากสแตนเลสสตีล 316L และมีการขัดด้านพร้อมกับรมดำ โดยด้านบนจะมีการติดตั้ง Insert ที่เป็นสเกลสำหรับใช้ในการดำน้ำและผลิตจากเซรามิกด้าน
สำหรับหน้าปัดมากับสีดำแต่เพื่อให้ไม่ดำจนกลืนกันไปทั้งเรือนก็มีการแต้มสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวาสีดำเอาไว้ตามหลักชั่วโมง และบนชุดเข็มที่ปลายเข็มชั่วโมงเป็นแบบสโนว์เฟล็คอันเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาดำน้ำ Tudorมาตั้งแต่ปี 1969 ซึ่งตรงนี้ทำให้ตัวนาฬิกาดูสวยและมีความสปอร์ต และสะท้อนสไตล์วินเทจออกมาอย่างเต็มที่
ส่วนสายนั้น ในรุ่นที่ขายในบ้านเราจะมี 2 แบบคือ สายผ้า และสายหนังแบบไฮบริด ซึ่งด้านหน้าจะเป็นหนังแต่มียางวางอยู่ด้านในเพื่อเป็นซับในในการเพิ่มความทนทานต่อความชื้นหรือเหงื่อ เช่นเดียวกับการสวมใส่ลงน้ำ ถือว่าเป็นรูปแบบของการผสมผสานวัสดุที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่น 2 แบบคือ สวยแบบสายหนัง และทนทานแบบสายยาง และตัวบานพับของนาฬิกาเรือนนี้ก็ผลิตจากเซรามิกและเป็นแบบล็อก 2 ชั้นเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
เมื่อพลิกดูด้านหลัง เราจะพบกับฝาหลังแบบใสทำให้สามารถมองเห็นความสวยงามของกลไกที่ผ่านการตกแต่งอย่างสวยงามและเป็นในรหัสใหม่ที่เป็นการปรับปรุงหรืออัพเกรดจากรุ่นเดิม คือ MT5602-1U ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลไกตระกูล MT5602
สิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากตัวเรือนแบบเซรามิกคือ กลไกที่ได้รับการพัฒนาและมีความเที่ยงตรงในระดับมาสเตอร์โครโน ซึ่งต้องบอกว่า Black Bay Ceramic ประสบความสำเร็จในการรับรองนี้จากสถาบัน METAS ที่มีความเข้มงวดในการทดสอบก่อนที่จะให้การรับรอง ซึ่งเหณฑ์ที่สถาบันแห่งนี้กำหนดเอาไว้คือ
- การผลิตตามเกณฑ์สวิสส์เมด
- การรับรองโดยสถาบันการทดสอบ Chronometer (โครโนมิเตอร์) อย่างเป็นทางการของสวิตเซอร์แลนด์ หรือCOSC
- การทำงานอย่างเที่ยงตรงภายใต้อุณหภูมิที่แตกต่างกัน 2 ระดับและ 6 ตำแหน่งในการวางเพื่อทดสอบ กับ 2 รูปแบบของลาน คือ เมื่อขึ้นลานจนเต็ม และขณะที่กำลังลานเหลืออยู่แค่ 33%เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรง
- มีความทนทานต่อสนามแม่เหล็กในระดับ 15,000 Guass
- มีความสามารถในการกันน้ำระดับ 200 เมตรตามมาตรฐานการทดสอบ ISO standard 22810:2010
- ระดับการสำรองพลังงานอยู่ที่ 70 ชั่วโมง
และนี่คือ สิ่งที่กลไก MT5602-1U มีอยู่
ลองมาดูตัวนาฬิกาเวลาอยู่บนข้อมือกันครับ เมื่อดูจากรูปทรงของ Black Bay Ceramic แล้ว แม้ว่าจะเป็นนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่มากนัก เพียง 41 มิลลิเมตร แต่ด้วยความยาวของขาสายและรูปทรงของขาสายทำให้นาฬิกาเรือนนี้มี Lug to Lug ที่ค่อนข้างยาว เวลาสวมอยู่บนข้อมือก็เลยดูเต็มข้อ
สิ่งเดียวที่อาจจะดูแปลกไปหน่อยคือ รูปแบบของสายหนังพับตัวรัดสายแบบบานพับของพวกเขาที่วางรูปแบบสลับจากการสวมสายปกติ ซึ่งเราจะเห็นว่าเมื่อสวมนาฬิกาอยู่บนข้อมือแล้วแทนที่ปลายสายจะโผล่อยู่ด้านบนของตัวนาฬิกา ดันกลับมาโผล่อยู่ที่ด้านล่างแทน ถามว่าใส่สะดวกไหม ก็แค่ช่วงแรกๆ ของการปรับตัวละครับ พอปรับตัวได้ ทุกอย่างก็โอเคไม่มีปัญหา
ถ้าถามว่านาฬิกาเรือนนี้มีความน่าสนใจตรงไหน เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับ Black Bay รุ่นปกติแล้ว ราคาจะต่างกันถึง 3-4 หมื่นบาท ซึ่งแน่นอนว่าความต่างของราคาระดับนี้อย่างที่ผมอธิบายตั้งแต่ต้น คุณจะได้รับสิ่งที่เป็นความเหนือชั้นจากทิวดอร์อย่างเต็มที่ ทั้งตัวเรือนแบบเซรามิก ดีไซน์ที่ออกแบบให้แตกต่างจาก Black Bay ตัวเรือนสตีลที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดอย่างชัดเจน ฝาหลังแบบใสที่ทำให้มองเห็นกลไกภายใน ในขณะที่ Black Bay ขนาด 41 มิลลิเมตรส่วนใหญ่จะเป็นแบบฝาหลังทึบ และที่สำคัญคือ ความยอดเยี่ยมของกลไกที่ผ่านมาตรฐานการทดสอบในระดับมาสเตอร์โครโนมิเตอร์
ผมว่าการจ่ายส่วนต่างในระดับนี้กับได้ความเด่นที่เป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้แตกต่างจากรุ่นธรรมดาได้มากขนาดนี้ ส่วนตัวแล้วผมถือว่าคุ้มมากครับ
รายละเอียดทางเทคนิค : Tudor Black Bay Ceramic
- รหัสรุ่น : m79210cnu-0001
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 41 มิลลิเมตร
- ความหนา : 14.4 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 50 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : เซรามิก
- วัสดุสาย : หนังแบบ Hybrid ด้านในใช้ยาง
- กลไก : MT5602-1U อัตโนมัติมีความเที่ยงตรงระดับ Chronometer
- กำลังสำรอง : 70 ชั่วโมง
- การกันน้ำ : 200 เมตร
- ประทับใจ : ความสวย วัสดุที่เหนือชั้น และกลไกที่ยอดเยี่ยม
- ไม่ประทับใจ : ไม่มี
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/