The Electricianz Cable Z Watch เปลือยหน้าปัดเน้นสีสัน

0

ตอนแรกนึกว่าจะเงียบหายไปกับสายลมแล้วสำหรับแบรนด์ The Electricianz ที่เปิดตัวในเมืองนอกช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเข้ามาขายในบ้านเราด้วย แต่สุดท้ายพวกเขาเตรียมเปิดตัวโฉมใหม่ในชื่อ Cable Z Watch ที่ยังเน้นคอนเซ็ปต์การออกแบบที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า แต่มีหน้าตาและสีสันที่สวยสะดุดตา

The Electricianz Cable Z Watch เปลือบหน้าปัดเน้นสีสัน

The Electricianz Cable Z Watch เปลือยหน้าปัดเน้นสีสัน

  • โมเดลใหม่ซึ่งเป็นรุ่นที่ 5 ที่มีขายอยู่ในตลาดของ The Electricianz
  • ใช้พื้นฐานตัวเรือนและกลไกร่วมกับรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ออกแบบรายละเอียดใหม่
  • ราคาขยับขึ้นจากรุ่นปกติ 1,700 บาทเป็น 435 ฟรังก์สวิสส์
- Advertisement -

ทิ้งระยะไม่นานตอนนี้นาฬิกาอินดี้ที่เข้ามามาเปิดตลาดบ้านเราเมื่อปลายปีที่แล้วอย่าง The Electricianz นำเสนอทางเลือกใหม่ของเรือนเวลาด้วยสีสันที่สดใสและความดิบของสายไฟตามคอนเซ็ปต์ของชื่อแบรนด์ โดยจะใช้ชื่อในการทำตลาดว่า Cable Z Watch

เมื่อนับรวมรุ่นใหม่นี้เข้าไปด้วย ในตอนนี้ The Electricianz มีนาฬิกาอยู่บนโชว์รูมรวมแล้ว 5 รุ่นย่อยบนตัวเรือนแบบเดียวซึ่ง 4 รุ่นที่เปิดตัวออกมาเมื่อประมาณเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้นคือ The Dresscode, The Mokaz, The Ammeter และ The Blackout โดยทั้งหมดมีหน้าตาแบบเดียวกันแต่ต่างกันแค่สี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า Cable Z Watch จะแตกต่างจากเพื่อนร่วมรุ่นก่อนหน้านี้

ตัวนาฬิกาเองก็ยังใช้บอดี้รูปทรงแบบเดียวกันที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตรและผลิตจากส่วนประกอบของไนลอน และมีขาสาย 22 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับชุดหน้าปัดย่อยที่มีขนาด 38 มิลลิเมตร เพียงแต่การตกแต่งพื้นที่ด้านข้างแตกต่างกันออกไป เพราะถ้า 4 รุ่นย่อยแรกคือแผงวงจรหรือ Circuit ที่มีความเป็นระเบียบซึ่งเราพบเห็นได้ตามเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป ในรุ่น Cable Z อาจจะออกแนวยุ่งเหยิงนิดๆ เวลาที่เรามองไปที่สายไฟซึ่งเดินอยู่ในบ้าน และ The Electricianz ก็นำแนวคิดนี้มาใช้ในการตกแต่ง และเติมสีสันเข้าไปผ่านทางสายไฟ ชุดเข็ม ตัวเรือน (ซึ่งใช้ร่วมกับรุ่น The Ammeter) และสายนาโต้ ซึ่งมีให้เลือกทั้งสีฟ้าและสีขาว

ขณะที่กลไกที่ติดตั้งอยู่ในรุ่น Cable Z ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเป็น ELZ In-House Electric Module ที่พัฒนามาจากของ Miyota และในรุ่นใหม่นี้ด้วยการเพิ่มสีสันด้วยการทำให้เห็นการไวริ่งสายไฟ ก็เลนทำให้เรามองไม่เห็นตัวแบตเตอรี่ที่ชัดเจนเหมือนกับ 4 รุ่นแรก (แต่ความจริงก็อยู่ใต้สายไฟนั่นแหละ)

เปิดตัวให้เห็นหน้าตาแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มวางขายอย่างเป็นทางการ บอกแค่ราคาที่ปรับขึ้นมาเป็น 435 ฟรังก์สวิสส์ หรือ 13,465 บาทเท่ากับรุ่น The Blackout แต่แพงกว่ารุ่นธรรมดาอยู่ร่วมๆ 1,700 บาท ใครที่สนใจก็ลองติดต่อที่ตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราได้เลย