TAG Heuer Monza Flyback Chronometer คืนชีพ Monza พร้อมกลไก Flyback

หลังจากมีจุดเริ่มต้นในปี 1976 กับการเฉลิมฉลองความสำเร็จของ Ferrari ในสนามแข่ง F1 ตอนนี้ชื่อของ Monza กลับมาอีกครั้งในฐานะนาฬิการุ่นพิเศษที่ได้รับการผลิตใหม่พร้อมกับความล้ำสมัยของวัสดุกับตัวเรือนผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ขึ้นรูปด้วยกรรมวิธี Forged และ Calibre Heuer 02 COSC Flyback

TAG Heuer Monza Flyback Chronometer คืนชีพ Monza พร้อมกลไก Flyback

• การกลับมาของรุ่น Monza นาฬิกาที่โด่งดังและมีจุดเริ่มต้นในปี 1976
• รุ่นใหม่มากับตัวเรือนที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ขึ้นรูปด้วยกรรมวิธี Forged ไซส์ 42 มิลลิเมตร
• มาพร้อมกลไก Calibre Heuer 02 COSC Flyback

ในงาน LVMH Watch Week 2023 ที่ประเทศสิงคโปร์ TAG Heuer ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ที่ถือว่ามีความโดดเด่นและแตกต่างจากที่เคยมีมาตลอด 160 ปีของแบรนด์ โดย TAG Heuer Monza Flyback Chronometer มาพร้อมกับตัวเรือนที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมกับกลไก Heuer 02 ที่มีความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer และฟังก์ชั่น Flyback ที่สามารถจับเวลาอย่างต่อเนื่องได้

ชื่อ Monza ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 1976 ซึ่งเป็นการผลิตขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวาระพิเศษในการคว้าแชมป์โลก F1 ประเภทนักแข่ง (Driver) ครั้งแรกของ Niki Lauda ในชุดของ Ferrari และในปีนั้นเองทาง Ferrari ก็คว้าแชมป์โลกประเภททีมผู้ผลิต หรือ Constructor ได้ด้วย และแชมป์โลกประเภทนักแข่งของ Lauda

ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีนับจากที่ John Surtees เคยทำได้ในปี 1964 โดยทาง TAG Heuer บอกว่า นาฬิกาเรือนนี้จริงๆ แล้วต้องการที่จะสื่อถึงชื่อ Modena ซึ่งถือเป็นบ้านของทีม Ferrari แต่สุดท้ายด้วยชื่อเสียงของสนามแข่งอย่าง Monza ที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกและเป็นที่รู้จักของผู้ที่ชื่นชอบความเร็วที่มีมากกว่า ทางแบรนด์จึงใช้ชื่อของ Monza แทน เพื่อเป็นการสื่อถึงความสัมพันธ์ของแบรนด์ที่มีต่อโลกมอเตอร์สปอร์ต

สำหรับรุ่นแรกของ Monza มากับรหัส Ref.150.501 มาพร้อมตัวเรือนทรง C-Shaped และเคลือบด้วย PVD สีดำ และมีการติดตั้งเม็ดมะยมในตำแหน่ง 9 นาฬิกาและขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 15 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก Calibre 11 จากนั้น เมื่อเข้าสู่ปี 2000 เพื่อเป็นการเดินหน้าสู่ศตวรรษใหม่ ได้มีการนำชื่อของ Monza กลับมาอีกครั้งกับตัวเรือนทรง Cushion ที่มีขนาด 39 มิลลิเมตร

จากนั้นในปี 2016 เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 40 ปีของชื่อนี้ ทาง TAG Heuer ได้เปิดตัวรุ่นพิเศษสำหรับฉลองความสำเร็จในครั้งนี้ ด้วยการอ้างอิงรูปแบบมาจากรุ่นดั้งเดิมในปี 1976 และขับเคลื่อนด้วยกลไกใหม่ Calibre 17 พร้อมตัวเรือน 42 มิลลิเมตรที่ผลิตจากไทเทเนียมเกรด 5 จากนั้นในปี 2023 ทาง TAG Heuer ได้นำชื่อ Monza กลับมาอีกครั้งพร้อมเปิดตัวในงาน LVMH Watch Week 2023 ที่ประเทศสิงคโปร์

ในรุ่นใหม่จะมากับตัวเรือนที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ขึ้นรูปด้วยกรรมวิธี Forged และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร ส่วนปุ่มกดจะผลิตจากสแตนเลสสตีลพร้อมเคลือบ PVD สีดำ และฝาหลังผลิตจากไทเทเนียมเคลือบ PVD และมีการขัดด้วยน็อต 4 ตัว โดยตัวฝาหลังเป็นแบบใสทำให้สามารถมองเห็นกลไกที่อยู่ด้านหลังได้

ตัวนาฬิกามากับหน้าปัดแบบเปลือย ขอบนอกจะมีสเกลที่สามารถวัดได้ทั้ง Pulsometer ซึ่งเป็นสเกลในการวัดชีพจรโดยมีตัวเลขอยู่ที่ 60-200 ครั้งต่อนาทีซึ่งจะวางตัวอยู่ขอบบนของสเกลในตำแหน่ง 0-3 นาฬิกา และจาก 3-12 นาฬิกาจะเป็น Tachymeter ที่ใช้ในการวัดความเร็วในช่วง 1 กิโลเมตร

นอกจากนั้น สำหรับหน้าปัดย่อยในการจับเวลาจะมีการปูด้วยพื้นใสสีฟ้าเพื่อให้สามารถแยกได้อย่างชัดเจนจากหน้าปัดหลัก โดยจะมีการจัดวางหน้าปัดย่อยในตำแหน่งที่ อาจจะไม่คุ้นตา คือ ตำแหน่ง 3 นาฬิกาสำหรับการจับเวลาสูงสุด 30 นาที และตำแหน่ง 6 นาฬิกาสำหรับเข็มวินาทีของระบบบอกเวลาปกติ และหลักชั่วโมงจะมีการเคลือบด้วยสารเรืองแสง SuperLuminova สีฟ้าที่มีความสวยและแปลกตา

ตัวกลไกที่ขับเคล่อนจะเป็น Calibre Heuer 02 COSC Flyback ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากรุ่นปกติ ด้วยการติดตั้งฟังก์ชั่น Flyback เข้าไปเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการจับเวลา ซึ่งสามารถที่จะกดรีเซ็ตเข็มจับเวลาได้ทันที

โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Start/Stop เพื่อหยุดก่อนที่จะกดปุ่ม Reset และกด Start/Stop อีกครั้งเพื่อจับเวลาใหม่ อีกทั้งตัวกลไกยังมีความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer ตามมาตรฐานสถาบัน C.O.S.C. และมีกำลังสำรอง 80 ชั่วโมง

การทำตลาดจะเริ่มในเดือนมกราคมนี้ โดยจะมีราคาอยู่ที่ 13,850 เหรียญสหรัฐฯ

ข้อมูลทางเทคนิค : TAG Heuer Monza Flyback Chronometer

• รหัส : CR5090.FN6001
• เส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
• ความหนา :3 มิลลิเมตร
• วัสดุตัวเรือน : คาร์บอนไฟเบอร์แบบ Forged
• กระจก : Sapphire พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง 2 ฝั่ง
• กลไก : Calibre Heuer 02 COSC Flyback อัตโนมัติจับเวลาพร้อม Column Wheel และ Vertical Clutch
• ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
• กำลังสำรอง : 80 ชั่วโมง
• การกันน้ำ : 100 เมตร

Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/

YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline