เรื่องราวของ TAG Heuer กับสนามแข่งถูกนำมาถ่ายทอดลงบนเรือนเวลาอีกครั้ง และ Monaco Split-Seconds Chronograph I F1 นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของแบรนด์ในการกลับมาเป็นผู้สนับสนุนในด้านการจับเวลาอย่างเป็นทางการแล้ว ยังเป็นการหวนระลึกถึงนาฬิกาจับเวลาแบบเข็มซ้อนรุ่นดังที่ถูกใช้งานในช่วงทศวรรษที่ 1960 โดยทีมแข่งชั้นนำของโลกอีกด้วย
TAG Heuer Monaco Split-Seconds Chronograph I F1 ฉลองการหวนคืนสังเวียนความเร็ว
-
ฉลองการกลับมาสู่สนามแข่ง F1 อีกครั้งของ TAG Heuer
-
ตัวเรือนผลิตจากเซรามิก และโดดเด่นด้วยฟังก์ชั่น Split-Seconds
-
การผลิตมีเพียง 10 เรือนและเริ่มจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025
การกลับมาสู่สนามแข่ง F1 ในฐานะของผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันถือว่าเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับ DNA ของแบรนด์ที่มีความเกี่ยวพันกับโลกของมอเตอร์สปอร์ตมาตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 1960 จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมในปี 2025 ทาง TAG Heuer ถึงมีเรือนเวลาที่เกี่ยวข้องกับ F1 เปิดตัวออกมามากมาย และ TAG Heuer Monaco Split-Seconds Chronograph I F1 ก็คือหนึ่งในนั้น และจะมีการผลิตออกมาเพียง 10 เรือนเท่านั้น
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
อย่างที่ทราบกันดีว่า TAG Heuer หรือ Heuer ในยุคนั้น มีความเกี่ยวพันกับโลกของมอเตอร์สปอร์ตอย่างมาก ทั้งในฐานะของนาฬิกาและเครื่องมือในการจับเวลา รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งในแง่ภาพลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับจากนักแข่งระดับโลกหลายคน
โดยในทศวรรษที่ 1960 นาฬิกาจับเวลารุ่น Split-Seconds ของ Heuer ในรหัส Ref.11.402 ได้รับการยอมรับให้เป็นเครื่องมือที่ถูกใช้งานในบรรดาทีมแข่งระดับชั้นนำของโลก ซึ่งก็รวมถึง Scuderia Ferrari และถือเป็นรากฐานในการพัฒนากลไกควอตซ์ที่มีระบบ Split-Seconds ที่ถูกเปิดตัวในเวลาต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 1990 และถูกสวมใส่โดยนักแข่งระดับตำนานหลายคน เช่น Ayrton Senna, Gerhard Berger และ Michael Schumacher
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับ TAG Heuer Monaco Split-Seconds Chronograph I F1 ถือว่าเป็นเรือนเวลาที่มีความพิเศษ เพราะถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อแสดงถึงองค์ความรู้ของแบรนด์ในการพัฒนากลไกจับเวลาที่มีความซับซ้อนอย่าง Split-Seconds หรือระบบจับเวลาเข็มซ้อน (Rattrapante)
ขณะเดียวกันก็มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของวัสดุศาสตร์ เพราะตัวเรือนทรงเหลี่ยมไซส์ 41 มิลลิเมตรของนาฬิการุ่น Monaco ได้รับการผลิตจากเซรามิกขาว และผ่านการขัดทรายจนได้ความสวยงามที่ลงตัว พร้อมกับแผ่นฝาหลังแบบปลือยที่ผลิตจากแซฟไฟร์ทั้งแผ่น ทำให้สามารถมองเห็นรายละเอียดของกลไกอย่างเต็มตา และทำให้ตัวเรือนมีความกลมกลืนกันทั้งเรือน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
บนหน้าปัดย่อยของระบบจับเวลาได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบสนามแข่ง โดยมีพื้นผิวเหมือนยางมะตอย ตำแหน่งกริดสตาร์ทสีขาวและสีเหลือง และตัวอักษร F1 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการยกย่องภาษาภาพและจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของกีฬานี้อย่างแท้จริง หน้าปัดยังมีวลีที่โด่งดังจากนักวิจารณ์ชาวอังกฤษอย่าง David Croft ว่า “LIGHTS OUT & AWAY WE GO” ซึ่งแสดงถึงความคาดหวังอันแรงกล้าของการออกสตาร์ทของรถแข่งในการแข่งกรังด์ปรีซ์ทุกครั้ง
สิ่งที่อยู่ในกลไกอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่นจับเวลาแบบ Split-Seconds เป็นรหัส Cal.TH81-00 ถือเป็นกลไกที่มีทั้งความเบาและความบางรุ่นหนึ่งของ TAG Heuer โดยการขัดแต่งด้านหลังของกลไกทำได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะส่วนโค้งของโรเตอร์ที่มีเส้นขาวแดง
ซึ่งเปรียบเสมือนกับขอบของโค้งในสนามแข่งเพื่อให้นักแข่งสามารถมองหา APEX ของโค้งในขณะที่เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง พร้อมกับมีการสลักเรือนที่ผลิตจากจำนวนการผลิต 10 เรือน ส่วนที่เหลือของโรเตอร์มีการขัดจนเกิดเส้น Hairline ขึ้น เปรียบเสมือนกับผิวแทร็กของสนามแข่ง โดยที่บนชิ้นส่วนที่เป็นโลหะของกลไก ซึ่งใช้ไทเทเนียม มีการขัดให้เป็นตารางสี่เหลี่ยมเหมือนกับธงตราหมากรุก
สำหรับกลไกรุ่นนี้จะมีเข็มขาวและแดงในการแยกจับเวลาผ่านปุ่ม หรือ Pusher ที่ผลิตจากเซรามิกที่อยู่ในตำแหน่ง 2 และ 4 นาฬิกา ส่วนอีกฝั่งจะเป็นปุ่มกดระบบสั่งการทำงานของเข็มวินาทีแยก ในตำแหน่ง 8-9-10 นาฬิกา โดยกำลังสำรองจะอยู่ที่ 65 ชั่วโมงเมื่อมีการใช้งานและดูเวลาตามปกติ แต่จะลดเหลือ 55 ชั่วโมงเมื่อมีการใช้งานระบบจับเวลา
การผลิตมีเพียง 10 เรือนเท่านั้น โดยมีราคาอยู่ที่ 155,000 ฟรังก์สวิสส์ และจะเริ่มจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
รายละเอียดทางเทคนิค : TAG Heuer Monaco Split-Seconds Chronograph I F1
-
เส้นผ่านศูนย์กลาง : 41 มิลลิเมตร
-
ความหนา : 15.2 มิลลิเมตร
-
Lug to Lug : 47.9 มิลลิเมตร
-
วัสดุตัวเรือน : เซรามิกสีขาว
-
กระจก : Sapphire ทรงขอบยกสูง
-
กลไก : อัตโนมัติ Cal.TH81-00 พร้อมฟังก์ชันจับเวลา Split-Seconds
-
ความถี่ : 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 5 Hz
-
กำลังสำรอง : 65 ชั่วโมงเมื่อไม่ได้ใช้งานฟังก์ชันจับเวลา และ 55 ชั่วโมงเมื่อมีการใช้งานฟังก์ชั่นจับเวลา
-
การกันน้ำ : 30 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline