TAG Heuer สะท้อนสีสันที่เป็นเรื่องราวในโลกมอเตอร์สปอร์ตออกมาอีกครั้งหนึ่ง กับการเลือกโทนสี British Raving Green มาใช้กับเรือนเวลาของตัวเอง โดย TAG Heuer Monaco Chronograph Racing Green มากับตัวเรือนไทเทเนียม เกรด 2 มีขนาด 39 มิลลิเมตร พร้อมสายหนังสีเขียวขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Sellita SW-300 โดยเป็นรหัส Calibre11 ที่มีกำลังสำรอง 40 ชั่วโมง โดยมีการผลิตออกสู่ตลาด 1,000 เรือน
TAG Heuer Monaco Chronograph Racing Green สีสันแห่งโลกความเร็วทางเรียบ
-
มากับโทนสีเขียวที่เรียกว่า British Racing Green ที่ได้รับความนิยมในช่วงทศวรรษที่ 1920
-
ตัวเรือนไทเทเนียม เกรด 2 มีขนาด 39 มิลลิเมตร พร้อมสายหนังสีเขียว
-
-ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Sellita SW-300 โดยเป็นรหัส Calibre11 ที่มีกำลังสำรอง 40 ชั่วโมง
TAG Heuer นำเรื่องราวจากสนามแข่งมาส่งต่อผ่านทางเรือนเวลาสุดพิเศษอย่าง Monaco Chronograph อีกครั้ง และคราวนี้มากับรุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph Racing Green Monaco Ref. CAW218E.FC6565 เพื่อเฉลิมฉลองให้กับเหล่ารถแข่ง และลวดลายสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของรถเหล่านั้น โดยครั้งนี้เป็นการให้เกียรติกับสีอันเป็นสัญลักษณ์ของอังกฤษ ด้วยการใช้สีที่เรียกว่า British Racing Green ซึ่งได้รับตความยมอย่างมากในรถแข่งยุคทศวรรษที่ 1920 รวมถึงรถแข่งรุ่นหลังๆ
นาฬิกา TAG Heuer เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่มีส่วนร่วมกับการแข่งขันมากที่สุดมาโดยตลอด และนาฬิกาในคอลเลกชัน TAG Heuer Monaco นั้น เป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบของแนวคิดนี้ เมื่อแบรนด์เปิดตัวโมเดลนี้ในปี 1969 โดยนาฬิการุ่นนี้ ได้ปฏิวัติวงการนาฬิกาด้วยการเป็นนาฬิกาโครโนกราฟกันน้ำ และตัวเรือนสี่เหลี่ยมเรือนแรก ที่มีการขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 11 อันล้ำสมัย
และที่มากไปกว่าการออกแบที่โดดเด่น นาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco ยังได้รับการตั้งชื่อตามประเทศโมนาโก ที่เคยเป็นเจ้าภาพของหนึ่งในสนามแข่งรถ Formula 1 ที่โด่งดังที่สุดในโลก ความสัมพันธ์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณของแบรนด์ โดยยังคงเป็นส่วนสำคัญในตัวตนของ TAG Heuer จนถึงทุกวันนี้
สำหรับหลายคน เมื่อพูดถึงนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco ก็มักจะนึกถึงหนึ่งในนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค 70 นั่นก็คือ สตีฟ แม็คควีน เมื่อปี 1970 ขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Le Mans เอง สตีฟ แม็คควีน ผู้เป็นดาวแห่งวงการฮอลลีวูดในยุคนั้น ก็ได้เลือกสวมใส่เครื่องแบบของนักแข่งรถและนาฬิกาแบรนด์ TAG Heuer เหมือนกับ โจเซฟ ซิฟเฟิร์ต นักแข่งมืออาชีพและผู้ฝึกสอนส่วนตัวของเขา ซึ่ง ณ ตอนนั้น แม็คควีน มุ่งหวังที่จะถ่ายทอดบทบาทของนักแข่งรถที่แท้จริงออกมา และนั่นก็ทำให้เขาได้กลายเป็นตำนานด้านสไตล์อย่างรวดเร็ว โดยที่ได้สวมนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco อย่างภาคภูมิใจ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยการผสมผสานวัสดุ เทคโนโลยี
และองค์ประกอบการออกแบบใหม่ ๆ เข้าด้วยกัน ทำให้นาฬิการุ่นนี้กลายเป็นผลงานศิลปะอย่างแท้จริง จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณอันล้ำสมัยของแบรนด์ และเวอร์ชันล่าสุดของนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph Racing Green ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น นาฬิการุ่นนี้ยังคงแสดงความยกย่องที่มีต่อมรดกของการแข่งรถอันน่าทึ่ง และร่องรอยอันไม่อาจลบเลือนที่แบรนด์ได้ฝากไว้ในวงการนี้ต่อเนื่องจากนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph Racing Blue ในปี 2023
ด้วยนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco ที่เป็นตำนาน แบรนด์จึงได้ปูเส้นทางผ่านประวัติศาสตร์หลายทศวรรษ ที่ได้เชื่อมแบรนด์กับโลกของมอเตอร์สปอร์ตเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 จนถึงยุค 1960 นักแข่งรถต่างแข่งขันกันโดดเด่นด้วยสี และลวดลายเฉพาะของรถในแบบของประเทศตัวเอง มากกว่าที่จะเป็นสีของเดิมของรถหรือสีของผู้สนับสนุนในแต่ละประเทศจะมีสีประจำชาติของตัวเอง สีแดงสดใสของอิตาลี สีขาวของเยอรมนีก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีเงินภายหลัง และสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ของฝรั่งเศส
ซึ่งได้ปรากฏใน นาฬิการุ่น Monaco Chronograph Racing Blue เมื่อปีที่แล้ว และสำหรับการเข้าสู่บทใหม่นี้คือสีเขียว British Racing Green อันเป็นที่รู้จัก ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับการสร้างสรรค์นาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph Racing Green ซึ่งเป็นเฉดสีที่เป็นที่รู้จักและเกี่ยวข้องกับวงการมอเตอร์สปอร์ตของอังกฤษที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน
โดยรถคันแรกที่บันทึกว่าใช้สีนี้คือ Napier 50 ที่ชนะการแข่งขัน Gordon Bennett Cup ในปี 1902 ภายใต้การควบคุมของ Selwyn Edge ซึ่งนำไปสู่การเป็นเจ้าภาพการแข่งขันในปี 1903 โดยสหราชอาณาจักร ทีมแข่งรถสมัยใหม่และผู้ผลิตรถยนต์ที่มีชื่อเสียงของอังกฤษยังคงใช้เฉดสีนี้ในรูปแบบต่างๆ ทำให้มันกลายเป็นสีที่ได้รับการยกย่องในโลกของมอเตอร์สปอร์ตและเป็นแรงบันดาลใจให้กับนาฬิกาเรือนนี้
ทุกองค์ประกอบของนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph Racing Green ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งที่เป็นประวัติศาสตร์ของอังกฤษ รวมถึงการใช้สีขาวและสีเหลืองเสริมด้วย และเพื่อสะท้อนธีมนี้ นาฬิการุ่นนี้จะมีหน้าปัดสีเงินขัดเงาแบบ Sunray เพื่อความหรูหราเหนือกาลเวลา ซึ่งย้ำเตือนให้นึกถึงแผงหน้าปัดในรถสปอร์ตของยุคปี 1920 และปี 1930
หน้าปัดประดับด้วยตัวสเกลเวลาชั่วโมงสีเงินที่ขัดเงาแปดจุด และจุดเครื่องหมายที่เคลือบด้วยสารเรืองแสง Super–LumiNova® สีเขียวอ่อน 12 จุด ช่วยให้อ่านเวลาได้ง่าย และจุดที่โดดเด่นคือเครื่องหมาย Faceted Baton ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกามีแถบสีเหลืองสดใส ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับเข็มชี้สีเหลืองตรงกลางของหน้าปัดโครโนกราฟ และเสริมด้วยสัมผัสสีเหลืองบนนาฬิกาเรือนนี้ หน้าปัดย่อยสีเขียวที่หรูหรา แสดงเฉดสีที่มีชีวิตชีวาแต่ซับซ้อน และเป็นเกียรติให้กับสี Racing green แบบดั้งเดิม มรดกยังถูกสะท้อนในนาฬิกานี้ที่มีตราโลโก้ Heuer อันเป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งดึงดูดทั้งนักสะสมและผู้หลงใหลในนาฬิกาและด้วย DNA อันแท้จริงของ Monaco เม็ดมะยมจะอยู่ที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 1969
นาฬิการุ่นนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติ Calibre 11 ที่อยู่ในตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตรไทเทเนียมเกรด 2 ที่ผ่านการพ่นทราย ทำให้นาฬิกามีทั้งความแข็งแรงและเบาสบาย เหมาะสำหรับความรู้สึกแบบสปอร์ต และมีฝาหลังแซฟไฟร์ที่สามารถมองเห็นกลไกภายในของนาฬิกาได้ นาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph Racing Green มาพร้อมสายนาฬิกาสีเขียวแบบเจาะรู ซึ่งสะท้อนถึงความงดงามในสไตล์ของสุภาพบุรุษชาวอังกฤษ สายถูกยึดด้วยตัวล็อคพับที่ทำจากไทเทเนียม พร้อมมีตราโลโก้ Heuer
TAG Heuer Monaco Chronograph Racing Green เป็นรุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน โดยฝาหลังมีการสลักคำว่า “ONE OF 1000” โดยนาฬิกานี้จะถูกนำเสนอในกล่องบรรจุภัณฑ์สีดำที่ออกแบบมาเป็นพิเศษพร้อมรายละเอียดเสริมด้วยสีเหลืองที่สดใสนาฬิกาอันสมบูรณ์แบบ สำหรับสุภาพบุรุษนักขับผู้สมบูรณ์แบบ โดยมีราคาอยู่ที่ 9,300 เหรียญสหรัฐฯ
รายละเอียดทางเทคนิค : TAG Heuer Monaco Chronograph Racing Green
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 39 มิลลิเมตร
- ความหนา : 15.0 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 47.4 มิลลิเมตร
- ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : ไทเทเนียม เกรด 2
- กระจก : Sapphire
- กลไก : อัตโนมัติ Calibre11 พร้อมฟังก์ชั่นจับเวลา
- ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
- กำลังสำรอง : 40 ชั่วโมง
- การกันน้ำ : 100 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline