ปฏิเสธไม่ได้ว่าคอลเล็กชั่น Formula 1 ที่เปิดตัวในปี 1986 เป็นจุดที่ทำให้ TAG Heuer ดังแบบระเบิดระเบ้อทั่วโลก ซึ่งก็รวมถึงเมืองไทยด้วย แน่นอนว่านาฬิการุ่นนั้น คือ นาฬิกาเรือนแรกของใครหลายคน ซึ่งก็รวมถึง Ronnie Frieg ผู้ก่อตั้ง Kith และได้จับมือกับ TAG Heuer ในการนำรุ่นดั้งเดิมของ Formula 1 กลับมาสู่ตลาดอีกครั้งในรูปแบบที่คงกลิ่นอายของรุ่นดั้งเดิมด้วยรุ่น TAG Heuer Formula 1 | Kith แต่ปรับปรุงด้วยความทันสมัยของวัสดุบนตัวเรือน เช่นเดียวกับความพิเศษของการผลิตในแบบ Limited Edition
“ถือเป็นเกียรติสำหรับผมที่ได้มีส่วนร่วมในการทำให้ Formula 1 Series 1 ของ TAG Heuer กลับมามีชีวิตอีกครั้ง TAG Heuer Formula 1 Series 1 สีแดง-ดำ คือนาฬิกาเรือนแรกของผม เป็นเรือนเวลาที่ช่วยให้ผมแสดงออกถึงสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่ง ณ ตอนนี้ได้เผยโฉมให้เห็นในแบบฉบับของ Kith แล้ว” Ronnie Fieg, ผู้ก่อตั้ง Kith กล่าว
นี่คือ จุดเริ่มต้นของการพัฒนาและนำไปสู่การผลิตจริงในที่สุด ซึ่ง Formula 1 รุ่นดั้งเดิมเป็นรากฐานของความสำเร็จและความยั่งยืนของ TAG Heuer โดยมีการผลิตไปมากกว่าสามล้านชิ้น ซึ่งได้รับการชื่นชมจากทั้งชายและหญิงไม่แพ้กันตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ความร่วมมือครั้งใหม่นี้ยังคงนำเสนอตัวเลือกอันวิจิตรไว้หลากหลายรูปแบบ โดยไม่จำเป็นต้องเน้นปริมาณ ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นเครื่องประดับที่มีความสนุกสนานและนำเทรนด์ตั้งแต่แรกเริ่ม
นอกจากนั้น ยังถือเป็นนาฬิการุ่นแรกๆ ที่เกิดขึ้นในยุคของการเข้ารวมกิจการของ Heuer กับ TAG หรือ Techniques d’Avant Garde ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของเทคโนโลยีอากาศยานและรถแข่ง จนทำให้ชื่อแบรนด์เปลี่ยนมาเป็น TAG Heuer จนถึงปัจจุบัน โดย Formula 1 เป็นคอลเล็กชั่นที่มีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2000 ก็หยุดการผลิต แต่สุดท้ายก็กลับมาอีกครั้งในปี 2004 และเป็นคอลเล็กชั่นหลักของแบรนด์จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ด้วยการเพิ่มความหลากหลาย ทั้งรุ่นสำหรับผู้หญิง รุ่นที่มีฟังก์ชั่นปลุกได้ รุ่น Small Second รวมถึงการใช้กลไกอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน Formula 1 รุ่นแรกที่มีทั้งตัวเรือนที่เป็นพลาสติกและสแตนเลสสตีล คือ สิ่งที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างจดจำได้เป็นอย่างดี และนั่นทำให้มีการนำกลับมาผลิตใหม่อีกครั้งจากความร่วมมือกับ Kith และกลายมาเป็น TAG Heuer Formula 1 | Kith ซึ่งจะมีการจำหน่ายด้วยกัน 10 รุ่นย่อย คือ
นอกจากนั้น จะมีการผลิตเป็นเซ็ตพรีอมกล่องแบบ 10 เรือน โดยจะมีการผลิตออกมา 75 เซ็ต แต่ในเมืองไทยไม่มีขาย โดยราคาจะอยู่ในระดับ 18,000 เหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว
ทุกรุ่นจะมากับตัวเรือนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 35 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็น Men’s size ของนาฬิกาเมื่อเหือบ 40 ปีที่แล้ว โดยบนหน้าปัดจะมากับโลโก้ของ TAG Heuer ที่มีการดัดแปลงโดยเอาคำว่า Kith ไปใส่แทน TAG และขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์
ใครที่สนใจก็เตรียมเงินและพร้อมลุยกันได้เลย