ถ้าพูดถึงแบรนด์นาฬิกาที่มีความเกี่ยวพันกับโลกแห่งความเร็ว แน่นอนว่าชื่อของ TAG Heuer จะต้องปรากฏขึ้นมา และหลังจากที่เป็นผู้สนับสนุนงานในด้านต่างๆ ของการแข่งขัน F1 มาอย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้ TAG Heuer ได้กลับมาสู่สนามแข่งอีกครั้ง ในฐานะของผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันในฤดูกาล 2025
TAG Heuer Comes Back to F1 กลับมาอีกครั้งในปี 2025
ชื่อของ TAG Heuer กับโลกแห่งความเร็ว โดยเฉพาะสุดยอดการแข่งขันอย่าง F1 เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ขาด และในปี 2025 พวกเขากลับมาสู่สนามแข่งนี้อีกครั้ง แต่ในฐานะของผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน F1 และถือเป็นการฉลองครบรอบ 75 ปีของการแข่งขัน F1 ยุคใหม่ที่มีจุดเริ่มต้นในปี 1950
เนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ของ Formula 1 ครั้งนี้ TAG Heuer จะกลับมามีบทบาทในฐานะผู้บอกเวลา หรือ Official Timekepping ให้แก่กีฬาอันทรงเกียรตินี้อีกครั้ง ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานที่มีร่วมกันกับ Formula 1 มามากว่าเจ็ดทศวรรษ ทำให้ในปี 2025 นี้ จะเป็นการฟื้นคืนความร่วมมืออันแสนพิเศษ ซึ่งสะท้อนถึงความหรูหรา ความเที่ยงตรง นวัตกรรม ประสิทธิภาพ และความเร็ว
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
TAG Heuer เป็นแบรนด์ลักซ์ชัวรี่แบรนด์แรกที่โลโก้ได้ปรากฏบนรถแข่งใน Formula 1 เมื่อปี 1969 และเป็นแบรนด์แรกที่ให้การสนับสนุนทีมที่แข่งขันในปี 1971 และตลอดเวลาที่อยู่ในสนามแข่งในฐานะของผู้สนับสนุนให้กับทีมต่างๆ จนถึงปัจจุบัน พวกเขามีสถิติอันน่าประทับใจ ด้วยการคว้าแชมป์กรังด์ปรีซ์ 239 ครั้ง จบการแข่งขันบนโพเดี้ยม 613 ครั้ง ทำคะแนนสะสมรวม 9,471 คะแนน คว้าแชมป์โลกประเภททีมผู้ผลิต (World Constructors) 11 สมัย และแชมป์โลกประเภทนักแข่ง (World Drivers) 15 สมัย
สิ่งเหล่านี้ทำให้ TAG Heuer กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Formula 1
ความร่วมมือระหว่าง TAG Heuer และ Formula 1 สะท้อนถึงปรัชญาที่มีร่วมกันระหว่างแบรนด์ระดับตำนานทั้งสองแบรนด์ที่ไม่ได้จำกัดแค่การแข่งขัน แต่ยังครอบคลุมถึงความมุ่งมั่นในวิศวกรรมด้านความแม่นยำ เทคโนโลยีอันล้ำสมัย วัสดุล้ำยุคและความทุ่มเทอย่างไม่มีหยุดยั้งเพื่อก้าวข้ามสถิติ และขีดจำกัดของตัวเอง
ความเชื่อมโยงที่ต่อเนื่องและยาวนานหลายทศวรรษ
TAG Heuer ก่อตั้งขึ้นในปี 1860 และสร้างชื่อเสียงในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์จับเวลาได้ตั้งแต่ช่วงแรกของประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และในปี 1911 ได้เปิดตัว กลไกโครโนกราฟแบบติดตั้งบนแผงหน้าปัด เป็นครั้งแรกของโลก จากนั้นในปี 1916 บริษัทได้เปิดตัว Mikrograph ซึ่งเป็นนาฬิกาจับเวลาที่แม่นยำถึง 1/100 วินาทีเป็นครั้งแรกในโลก จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในด้านความแม่นยำสูงสำหรับการจับเวลาในการแข่งกีฬา
ในช่วงปี 1950 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของ Formula 1 นั้น TAG Heuer (ซึ่งในเวลานั้นยังคงใช้ชื่อว่า Heuer) ได้ตัดสินใจจะผลิตเฉพาะนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นนาฬิกาสำหรับผู้ที่มีเวลาเป็นสิ่งสำคัญ
ในช่วงปี 1960 ซึ่ง Formula 1 เริ่มได้รับความนิยมนั้น Heuer ได้เข้ามามีบทบาทอันใกล้ชิดกับเหล่านักแข่งและกีฬานี้ โดยช่วงเวลาสำคัญแรก คือ การสนับสนุน Jochen Rindt นักแข่ง Formula 1 ชื่อดังที่ต่อมาได้คว้าแชมป์โลกประเภทนักแข่งและประเภททีมในปี 1970 ให้กับ Lotus แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ตลอดชีวิตแห่งการเป็นนักแข่งรถของ Rindt นั้น เขาได้เลือกสวมนาฬิกา Heuer Autavia รุ่น 2446 บนข้อมือ
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
การร่วมงานกับ Scuderia Ferrari และ McLaren
ในปี 1971 Ferrari กำลังมองหาระบบจับเวลาสำหรับ Fiorano สนามทดสอบรถแห่งใหม่ในอิตาลีของพวกเขา และตัวสนามถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการทดสอบรถโดยเฉพาะสำหรับผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ และในฐานะผู้นำด้านอุปกรณ์จับเวลาระดับโลก Heuer จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด โดยบริษัทได้พัฒนาอุปกรณ์ใหม่ที่เรียกว่า Le Mans Centigraph เพื่อช่วยให้ทีมจับเวลาในการทดสอบรถยนต์และนักแข่งในพื้นที่สนามแห่งนี้
นอกจากนั้น ในแง่ของการสนับสนุนนักแข่งเพื่อช่วยในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ยังเป็นกลยุทธ์ที่ถูกใช้อย่างต่อเนื่อง โดย Jack Heuer (แจ็ค ฮอยเออร์) ซีอีโอของบริษัทในขณะนั้น ได้พบกับนักแข่งหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ Jo Siffert (โจ ซิฟเฟิร์ต) จากเมืองฟรีบูร์ก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และทำข้อตกลงให้ Siffert ช่วยโปรโมตและสนับสนุนการเปิดตัว Calibre 11 ซึ่งเป็นกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติที่ได้ปฏิวัติวงการนาฬิกา โดยที่โลโก้ Heuer ได้ปรากฏบนรถแข่ง Rob Walker Lotus 49B ที่ Siffert ใช้แข่งในฤดูกาลปี 1969 รวมถึงบนชุดเครื่องแบบของเขา
นอกจากนั้น Siffert ยังได้สวมนาฬิกา Heuer Autavia รุ่น 1163 หน้าปัดขาวที่ใช้กลไกใหม่ในขณะนั้นอีกด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้ผลิตนาฬิกาหรือแบรนด์หรูใดๆ นอกเหนือจากซัพพลายเออร์ยานยนต์ทั่วไปที่ให้การสนับสนุนแก่นักแข่ง Formula 1 และมีโลโก้ปรากฏอยู่บนรถแข่ง ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของกลยุทธ์การปฏิวัติวงการจาก Jack Heuer ที่เปลี่ยนโฉมการทำการตลาดวงการกีฬาที่เกี่ยวข้องกับการแข่งรถยนต์ไปตลอดกาล
นอกจากนั้น เครื่อง Le Mans Centigraph และ Jean Campiche (จีน คัมพีช) พนักงานของ Heuer ผู้ควบคุมอุปกรณ์นี้ คือผู้ที่ได้รับฉายาว่า “นักเปียโน” ซึ่งเป็นตำนานในประวัติศาสตร์การจับเวลาของโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ต โดยเขาได้เดินทางไปทั่วโลกพร้อมกับทีม Ferrari และทำการจับเวลาอย่างอิสระอยู่ที่ข้างสนาม ช่วยให้ Ferrari นั้นสามารถคว้าแชมป์โลกทั้งประเภทนักแข่งและทีมผู้ผลิตได้ในปี 1975 โดยฝีมือของ Niki Lauda (นิกิ เลาดา)
หลังจากทีมอื่นๆ เช่น BRM, McLaren และ Surtees ได้เห็นความสำเร็จของอุปกรณ์นี้ ทำให้ทีมเหล่านั้นก็ต้องการใช้งานอุปกรณ์นี้เช่นกัน โดยความสัมพันธ์ระหว่าง Heuer กับ Ferrari ยังคงดำเนินไปจนถึงปี 1979 ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นพันธมิตรกับทีม McLaren ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นหนึ่งในความร่วมมือที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ Formula 1 ต่อมาในปี 1985 Heuer ถูกซื้อกิจการโดย Techniques d’Avant Garde Group ซึ่งเป็นเจ้าของทีม McLaren Formula 1 อยู่แล้ว
สิ่งนี้ไม่เพียงแค่ทำให้บริษัทมีชื่อใหม่เป็น TAG Heuer แต่ยังหมายความว่ารูปโลโก้ใหม่ของพวกเขาจะได้ปรากฏอยู่บนกระจกหน้าของรถแข่งรุ่น MP4/2C ซึ่งเป็นคันที่สามารถคว้าแชมป์โลกประเภทนักแข่งได้สำเร็จในปี 1986 โดยมี Alain Prost (อแลง พรอสต์) เป็นผู้ขับ
ในปีเดียวกันนั้น แบรนด์ได้เปิดตัวนาฬิกาเรือนใหม่ที่ได้ปฏิวัติวงการนาฬิกา พร้อมชื่อที่มีความหมายอันน่าทึ่งอย่างนาฬิการุ่น TAG Heuer Formula 1 ซึ่งนาฬิการุ่นนี้ได้กลายมาเป็นความทรงพลังทางวัฒนธรรม ด้วยการออกแบบตัวเรือน สายนาฬิกา และหน้าปัดที่มีสีสันสดใส ทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่เพียงแต่ยืนยันความเชื่อมโยงที่น่าทึ่งของ TAG Heuer กับกีฬามอเตอร์สปอร์ต แต่ยังกลายเป็นนาฬิการุ่นที่ทุกคนต้องมีในยุคนั้นอีกด้วย
อีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญที่เกิดขึ้นในปี 1988 เมื่อนักแข่งรถชาวบราซิลที่กำลังมาแรงชื่อว่า Ayrton Senna (อาอีร์ตง เซนนา) จะเข้าร่วมกับทีม McLaren ในฤดูกาลถัดไปเขาจะสวมนาฬิกาของ TAG Heuer และจะยังคงสวมมันต่อไประหว่างทางไปสู่การเป็นแชมป์โลกประเภทนักแข่ง 2 สมัยติดต่อกันอีกด้วย
ในปี 1992 TAG Heuer ได้ทำข้อตกลงเพื่อเป็นพันธมิตรในการเป็นผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการ ให้กับ Formula 1 โดยใช้ความเชี่ยวชาญอันยอดเยี่ยมของตนในการพัฒนาและเพิ่มความแม่นยำ รวมถึงความน่าเชื่อถือของระบบการจับเวลาในกีฬานี้ นอกจากนี้ระบบยังช่วยในการเก็บข้อมูลและการประมวลผล ซึ่งจะเพิ่มมิติใหม่ในการให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมทางบ้าน รวมถึงโลโก้ TAG Heuer ที่ได้ปรากฏบนจอทีวีทั่วโลกจะกลายเป็นภาพจำที่สำคัญของกีฬา F1
![]() |
![]() |
กาวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่
TAG Heuer ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชัยชนะของ McLaren ในการคว้าแชมป์โลกประเภทนักแข่ง 2 ครั้งในปี 1997 และ 1998 ด้วยฝีมือของ Mika Hakkinen (มิก้า แฮคคิเนน) ก่อนที่จะเข้าสู่ศตวรรษใหม่ในช่วงปี 2000 ถือเป็นยุคที่น่าทึ่งสำหรับ Formula 1 เห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงจากเครื่องยนต์จาก V10 เป็น V8 และการแข่งขันที่เข้มข้นระหว่างนักแข่งที่ได้รับการยอมรับและดาวรุ่งคนใหม่ๆ ที่จะปรากฏตัว ณ สนามแข่งในอนาคต
หนึ่งในนักแข่งหน้าใหม่ที่เข้าร่วมกับทีม McLaren คือ ลู Lewis Hamilton (ลูอิส แฮมิลตัน) ที่มีพรสวรรค์อันหายาก โดยที่เขาได้สร้างสถิติที่น่าทึ่งในการแข่ง F1 และได้สวมใส่นาฬิกา TAG Heuer ที่ข้อมือของเขา ขณะคว้าแชมป์โลกประเภทนักแข่งของตัวเองได้ครั้งแรกในปี 2008
ในปี 2015 หลังประสบความสำเร็จจากความร่วมมือตลอด 30 ปีนั้น TAG Heuer และ McLaren ได้ตัดสินใจแยกทางกัน และเลือกในเส้นทางที่แตกต่าง ต่อมาในปี 2016 TAG Heuer ได้เข้าร่วมกับทีม Red Bull ทีมที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจลืมเลือนได้ใน Formula 1
ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง TAG Heuer และ Oracle Red Bull Racing ส่งผลให้คว้าชัยชนะโลกประเภทนักแข่งได้ถึง 4 สมัย และด้วยความสามารถที่ยอดเยี่ยมของ Max Verstappen (แม็กซ์ เวอร์สแตปเพน) รวมถึงแชมป์โลกประเภททีมผู้ผลิต 2 สมัยติดต่อกัน
ความร่วมมือของ TAG Heuer กับ Oracle Red Bull จะยังคงดำเนินต่อไปพร้อมกับความรับผิดชอบในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการให้แก่ Formula 1
การก้าวเข้าสู่บทใหม่
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของ Liberty Media การแข่งขัน Formula 1 ได้กลายเป็นหนึ่งในรายการกีฬาแห่งความสำเร็จและมีความสำคัญทางวัฒนธรรมมากที่สุด โดยมีฐานแฟนคลับกว่า 750 ล้านคนทั่วโลก และมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียมากกว่า 90 ล้านคน อีกทั้งฐานแฟนคลับยังมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยมีอายุที่น้อยลงและมีความหลากหลายมากขึ้น โดย 42% ของผู้ติดตามชมเป็นผู้หญิง และ 1 ใน 3 มีอายุต่ำกว่า 35 ปี และฤดูกาลปี 2024 ที่ผ่านมา มีผู้ชมถึง 1.5 พันล้านคนที่ติดตามฤดูกาลอันยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งเป็นการแข่งขันที่สูสี ที่ทำให้ได้ลุ้นกันจนถึงโค้งสุดท้ายในศึกที่น่าทึ่งระหว่าง McLaren และ Ferrari เพื่อชิงแชมป์โลกประเภททีมผู้ผลิตที่สนามอาบูดาบี
ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในวงการมอเตอร์สปอร์ตและการเป็นผู้บอกเวลาในการแข่งขัน รวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ Formula 1 อีกด้วย TAG Heuer จึงรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาเป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน Formula 1 อีกครั้งเป็นอย่างมาก
“ในกีฬาที่ถูกนิยามด้วยความแข็งแกร่งทางจิตใจ ความแข็งแกร่งทางร่างกาย กลยุทธ์ นวัตกรรม และประสิทธิภาพ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ TAG Heuer จะอยู่ที่หัวใจของ Formula 1 ในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการ” Antoine Pin CEO ของ TAG Heuer กล่าว “ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายทศวรรษใน Formula 1 ที่เชื่อมโยงเรากับนักแข่งและทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาล เรารู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจที่ชื่อของเราถูกเชื่อมโยงกับสิ่งที่เป็นนิยามของการเป็นผู้ชนะ นั่นก็คือ ‘เวลา’ และในขณะที่ Formula 1 และทีมงานที่ยอดเยี่ยมของพวกเขายังคงสร้างสรรค์ผลงานอันน่าทึ่งเพื่อให้กลายเป็นหนึ่งในสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการกีฬา เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางนี้และสร้างเรื่องราวใหม่ ๆ เพื่อเติมเต็ม TAG Heuer ให้ยิ่งใหญ่ขึ้น”
“การที่มีบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับ Formula 1 มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ ชื่อที่เกี่ยวข้องกับตำนานทั้งในอดีตและปัจจุบัน และมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับกีฬาของเรา รวมถึงสะท้อนคุณค่าของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ด้วยความมุ่งเน้นในด้านนวัตกรรม ความแม่นยำ และความเป็นเลิศแล้วนั้น TAG Heuer จึงเป็นพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุดในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของ Formula 1 และผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่ามรดกที่เรามีร่วมกันนี้จะสามารถสร้างเรื่องราวใหม่ๆ ในอนาคตให้สมกับที่เราฉลองครบรอบ 75 ปีของเราได้อย่างไรบ้าง ” Stefano Domenicali ประธานและ CEO ของ Formula 1 กล่าว
ในปี 2025 นี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นในความสัมพันธ์อันยาวนานหลายทศวรรษระหว่าง TAG Heuer และ Formula 1 ในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการ โดยที่ TAG Heuer จะมีบทบาทสำคัญทั้งในและนอกสนามแข่ง ผ่านการสร้างแบรนด์จากข้างสนาม การจัดกิจกรรมใน Fan Zone และ Paddock Club รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สะท้อนถึงความตื่นเต้นและความเร้าใจของ Formula 1 อีกด้วย และ TAG Heuer จะยังคงเสริมสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของ Formula 1 ต่อไป
#TAG HEUER #Fomula 1
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline