SWATCH x Centre Pompidau คอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดลงสู่ตลาดเมืองไทยแล้ว และทาง SWATCH ได้มีโอกาสเชิญสื่อมวลชนเข้ามาสัมผัสความสวยและลงตัวของนาฬิการุ่นนี้กันถึงสโตร์ที่ Central World

SWATCH เปิดสโตร์เชิญสื่อมวลชนสัมผัส SWATCH x Centre Pompidau
หลังจากเปิดตัวทั่วโลกผ่านทาง Live Streaming เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา และเริ่มวางขายทันทีในบ้านเราในอีก 2 วันต่อมา เมื่อวานนี้ (17 มีนาคม) ทาง SWATCH ประเทศไทยได้เปิดโอกาสให้บรรดาสื่อมวลชนเข้ามาสัมผัสตัวเป็นๆ ของนาฬิกาจากคอลเล็กชั่น SWATCH x Centre Pompidau ซึ่งเป็นการนำนำผลงานชื่อดังที่จัดแสดงใน Centre Pompidou ในฝรั่งเศส มาตีความใหม่เพื่อสร้างสรรค์ผลงานบนตัวเรือนนาฬิกา
SWATCH (สวอท์ช) เปิดประตูพาคุณเข้าสู่โลกแห่งศิลปะไปกับคอลเลคชั่น SWATCH X Centre Pompidou ด้วยการนำ 6 ผลงานระดับมาสเตอร์พีซจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป Centre Pompidou แลนด์มาร์คสำคัญ ณ กรุงปารีส มาบรรจงดีไซน์ลงในนาฬิกา ทั้ง 6 เรือน อันประกอบไปด้วยผลงานจากศิลปินชื่อดังระดับโลก ได้แก่ อาเมเดโอ โมดิลยานิ (Amedeo Modigliani), โรเบิร์ต เดอโลเนย์ (Robert Delaunay), ฟรีดา คาห์โล (Frida Kahlo), เพียต มองเดรียน (Piet Mondrian) และ วาซีลี คันดินสกี (Vassily Kadinsky)
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
แนวคิด Time is what you make of it ที่ Swatch ยึดมั่น และความเชื่อที่ยึดถือว่าชีวิตของคนเราก็ควรต้องมีเวลาให้กับศิลปะและการเสพย์งานศิลป์ นับตั้งแต่ปี 1985 Swatch จึงได้เปิดตัวคอลเลคชั่นศิลปะสุดพิเศษอย่าง ‘Swatch Art Special’ และมีนาฬิกาดีไซน์พิเศษเรือนแรกคือ Kiki Picasso ซึ่งเป็นภาพภรรยาของปีกัสโซ
และต่อมาในปี 2018 จวบจนปัจจุบัน ได้ร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์ต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น Rijksmuseum ที่อัมสเตอร์ดัม, Thyssen-Bornemisza National Museum ที่มาดริด, Musee du Louvre ที่ปารีส และ The Museum of Modern Art (MoMA) ที่นิวยอร์ค เพื่อร่วมกันออกแบบคอลเลคชั่น ‘Museum Journey series’ โดยได้นำเอาผลงานศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับ โลกมาถ่ายทอดไว้บนนาฬิกาข้อมือ โดยยังคงเอกลักษณ์ของต้นฉบับผลงานชิ้นนั้นไว้ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบในงานศิลป์ ได้ชื่นชมและเป็นเจ้าของ
การร่วมงานระหว่าง Swatch และ Centre Pompidou ในครั้งนี้ สะท้อนถึงภารกิจสำคัญที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงงานศิลปะได้ Swatch นำงานศิลปะมาสู่ข้อมือ และ Centre Pompidou ได้นำศิลปะไปสู่ผู้คน นอกจากนี้ในปี 1999 ที่ได้เชิญเรนโซ เปียโน (Renzo Piano) หนึ่งในทีมสถาปนิกซึ่งออกแบบ อาคาร Centre Pompidou ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Inside-Out ซึ่งคือการให้ตัวอาคารโล่งและมีพื้นที่ใช้สอย แล้วนำเอาส่วนระบบสาธารณูปโภคทั้งหมดภายในอาคารออกมาเปลือยไว้ภายนอก
มีการนำสีต่างๆ อย่างแดง เหลือง น้ำเงิน และเขียวมาทาอยู่ภายนอก ซึ่งสามารถสร้างความโดดเด่นให้กับตัวอาคารราวกับเป็นผลงานศิลปะอันล้ำค่า โดย Swatch ได้เชิญเรนโซ เปียโนมาร่วมออกแบบนาฬิการุ่น JELLY PIANO โดยได้นำเอาลักษณะเด่นของอาคารที่มีความเชื่อมโยงกับ DNA ของ Swatch ทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ สีสัน การเคลื่อนไหว ความโปร่งใส และความเบาลงในนาฬิกาคอลเลคชั่นดังกล่าว นอกจากนี้ในปีเดียวกันนั้น Swatch ยังได้การรับรองจาก Guinness World Records ในการสร้างบิลบอร์ดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่แสดงคำว่า “Vous aussi, vous êtes notre musée” ที่หมายความว่า “คุณก็เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ของเรา”

![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับคอลเล็กชั่น SWATCH x Centre Pompoidou จะมีจำหน่ายด้วยกัน 6 รุ่นย่อย ผ่านตัวเรือนนาฬิกา 2 แบบคือ รุ่น Gent ที่มีตัวเรือนไซส์ 34 มิลลิเมตร และรุ่น New Gent ที่มีขนาด 41 มิลลิเมตร โดยทั้ง 6 รุ่นย่อยประกอบไปด้วย
- Red, blue and white by Piet Mondrian
- The Frame, by Frida Kahlo, The Watch
- Blue Sky โดย Vassily Kandinsky
- Carousel, by Robert Delaunay
- Eiffel Tower, by Robert Delaunay
- Portrait of Dedie, by Amedeo Modigliani, The Watch
รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่ https://www.ana-digi.com/swatch-x-centre-pompidou/
สำหรับราคาจะอยู่ที่ 3,500 บาทสำหรับรุ่น New Gent และ 2,800 บาทสำหรับรุ่น Gent ใครที่สนใจก็สามารถสัมผัสความงามของชิ้นงานศิลป์ที่ถูกถ่ายทอดลงบนหน้าปัด ตัวเรือน และสายนาฬิกาของ SWATCH กันได้ที่บูติก หรือเคาน์เตอร์ของ SWATCH กันได้แล้ว
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline