มาถึงตอนนี้คุณได้อ่านรีวิวนี้เพื่อรับรู้ แต่การจะหามาครอบครองน่าจะเป็นเรื่องยากแล้ว เพราะทั้ง 5 เมืองถูกจองจนหมดแล้ว และถ้าจะซื้อ คงเหลือแค่รุ่น The World เท่านั้น ฉะนั้น ถ้าชอบจงรีบให้ไว
SWATCH x BAPE Bern Limited Edition : เด่นน้อยสุด แต่ผลิตน้อยที่สุด
-
Bern หนึ่งใน 5 เมืองที่ถูกผลิตออกมาในคอลเล็ก SWATCH x BAPE
-
ตัวนาฬิกาใช้พื้นฐานของรุ่น BIG BOLD
-
ผลิตเพียง 983 เรือนแต่เมืองไทยเข้ามาเพียง 10 เรือนเท่านั้น
Limited Edition ของ SWATCH ที่พวกเขาเลือกจับมือกับ BAPE หรือ A Bathing Ape
สารภาพตามตรงผมเป็นพวกที่ซื้อนาฬิกาแบบโคตรตามใจตัวเองเลย และบ่อยครั้งก็มักจะต้องมานั่งเขกกะโหลกตัวเองอยู่เสมอ เพราะว่าดันซื้อของที่ ‘ชอบ’ แทนที่จะเป็นพวกที่ ‘ใช่’ สำหรับตลาด แต่เอาเถอะถึงจะเจ็บตัวแค่ไหน อันนี้ก็ต้องยอมเพราะผมยังถือคติซื้อของที่ตัวเองได้ใส่ แทนที่จะต้องเก็บเพื่อรอให้มันขึ้นราคาในอนาคต โดยที่ตัวเองไม่กล้าใส่เพราะกลัวเป็นรอยหรือเดี๋ยวราคาตก…ถ้าอยู่ในสภาพอย่างนี้ผมว่าตัวเองคงอกแตกตายไปก่อนอย่างแน่นอน เหมือนอย่างเจ้า Limited Edition ของ SWATCH ที่พวกเขาเลือกจับมือกับ BAPE หรือ A Bathing Ape แบรนด์สตรีทแวร์ชื่อดังของญี่ปุ่น และเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษออกมาถึง 6 รุ่นย่อยด้วยกัน และผมก็ดันเลือกเจ้า Bern เข้ามาอยู่ในคอลเล็กชั่นส่วนตัว ทั้งที่ดูโหวเฮ้งแล้ว เจ้าตัว Tokyo, The World และ Paris น่าจะเป็นชอยส์ที่มีโอกาสทำเงินในอนาคตมากที่สุด เพราะเป็นที่ต้องการของตลาด
การจับมือหรือ Collaboration ครั้งนี้ ถือเป็นการหวังผล 2 จุดด้วยกัน…ในมุมของผมนะ อย่างแรกคือ การที่ 2 แบรนด์มีอายุครบไล่เลี่ยกัน คือ 1983 และ 1993 ซึ่ง SWATCH ถือกำเนิดครั้งแรกในปี 1983 และในปีที่แล้วเพิ่งฉลองอายุครบ 35 ปีไป และจะเป็น 36 ปีหรือ 3 รอบในปีนี้ ขณะที่ BAPE มาทีหลัง 10 ปี จึงถือเป็นการจับคู่เพื่อสร้างกระแสได้ดีเหมือนกับที่ Casio G-Shock และ Seiko ประสบความสำเร็จมาแล้ว
และอย่างที่ 2 การมี BAPE เข้ามามีส่วนผมว่าจะมีส่วนช่วยให้ชื่อของ SWATCH เป็นที่รู้จักของคนมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่พวกเขาเคยครองใจมาเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ก่อนมาเสียรังวัดให้กับ G-Shock และอีกเรื่องคือ ช่วยผลักดันยอดขายของ BIG BOLD ที่ดูเหมือนเป็นคอลเล็กชั่นควาสมหวังในการสร้างตัวเลขยอดขายให้ SWATCH
การจับมือครั้งนี้มีออกมาด้วยกัน 6 รุ่น โดยที่ 5 รุ่นผลิตแบบจำกัดมีการสลักเลข โดยเป็นไปตามชื่อเมืองสำคัญๆ ทั่วโลก คือ Bern, Paris, London, New York และ Tokyo ขณะที่อีกรุ่นไม่มีการระบุตัวเลข แต่ผลิตจำนวนไม่เยอะ และใช้ชื่อว่า The World
ตอนแรกผมเลือก Paris ด้วยเหตุผล 2-3 ข้อคือ สีสันดึงดูดสายตา และโลโก้ของ BAPE โดดเด่น ทั้งที่ในใจดูแล้วว่า Tokyo น่าจะเป็นรุ่นยอดนิยมที่สุดเพราะลาย Camouflage ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BAPE แถมช่อง Day ยังเป็นตัวอักษรคันจิ ซึ่งหายากถึงยากมากสำหรับนาฬิกาที่ไม่ใช่แบรนด์ญี่ปุ่น
แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจมากที่ Bern ด้วยเหตุผล 2 ข้อคือ ตัวเรือนเป็นสีดำ ผมมีโอกาสใส่ได้บ่อยครั้ง และข้อที่ 2 คือ ผลิตน้อย เพียง 983 เรือน (ตามปีเกิดของ SWATCH ที่ตัดเลข 1 ออกไป) เพราะที่เหลือถ้าไม่นับ The World แล้ว ผลิต 1,993 เรือน ที่สำคัญหลังจากได้มาแล้ว ผมได้คุยกับคุณจักรพันธ์ ญาณประสิทธิ์เวทย์ Brand Manager ของ Swatch ประเทศไทย แล้วคุณมี่บอกว่า บ้านเราได้โควตามาแค่ 10 เรือนเท่านั้นสำหรับรุ่น Bern ส่วนอีก 5 เมืองได้โควตาประมาณรุ่นละ 40 เรือน
การเป็น 1 ใน 10 เรือนที่มีอยู่ในประเทศไทย…นี่มันช่าง Exclusive เสียนี่กระไร
และเจ้า Bern ก็มาถึงมือผมหลังจากส่งม้าเร็วในกลุ่มเพื่อนไปต่อคิวเพื่อรับสิทธิ์ในการซื้อถึงชอปที่ Central World อย่างแรกต้องบอกเลยว่า ค่อนข้างประทับใจกับแพ็คเกจของ SWATCH x BAPE ซึ่งแตกต่างจากนาฬิกาทั่วๆ ไปของ SWATCH มีกล่องกระดาษแข็งหุ้มอยู่ข้างนอก ซึ่งเมื่อเปิดออกมาจะพบกับกล่องลายพรางที่หุ้มด้วยผ้าไนลอนพร้อมโลโก้เจ้าลิง BAPE และเมื่อเปิดออกมาคุณจะพบกับนาฬิกาวางอยู่ในหมอนรัดสาย พร้อมกับเพลทที่แสดงตัวเลขของเรือนที่ผลิตจากจำนวนการผลิตทั้งหมดของคอลเล็กชั่นนั้นๆ … เรียกว่าผิดจากแพ็คเกจของ SWATCH ทั่วไปที่คุ้นเคย
แม้ว่านาฬิกาเรือนนี้จะใช้พื้นฐานของรุ่น BIG BOLD แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ SWATCH ดัดแปลงเสียจนไม่เหลือหน้าตาเดิมๆ ของ BIG BOLD เลยนอกจากรูปทรงของตัวเรือนและเม็ดมะยมที่ถูกวางในตำแหน่ง 2 น.อันเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิการุ่นนี้
อย่างที่บอกตอนต้นว่า ในบรรดา 6 เรือนที่ผลิตออกมานั้น ถ้าจับตามกระแสความต้องการของมหาชนแล้ว Tokyo และ The World มีสีสันที่เด่นและโดนใจคนทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะนอกจากลาย Camouflage แล้ว การให้สีทั้งบนตัวเรือนและหน้าปัดยังค่อนข้างโอเคและดูดี แต่สำหรับผม ส่วนตัวผมว่ายังไม่เด่นเท่ากับ Paris ที่นำ 3 สีของธงชาติฝรั่งเศส คือ แดง น้ำเงิน และขาวมาใช้ในการตกแต่ง ทำให้เด่นขึ้นมารวมถึงองค์ประกอบของการนำโลโก้ลิง BAPE มาใช้ในการตกแต่ง แต่สำหรับผมติดอยู่อย่างเดียวคือ มันดันมีสีขาวเป็นสีพื้น และลวดลายที่ดูแล้วคงจะต้องใส่เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เพียงอย่างเดียว คงไม่เหมาะคาดบนข้อมือพร้อมกับใส่เสื้อเชิร์ตและสแล็คไปทำงานอย่างแน่นอน
บทสรุปของผมก็เลยต้องมาลงเอยที่ Bern
แทนเพราะหน้าตาที่ดูเรียบร้อยที่สุด และรายละเอียดบนหน้าปัดที่แตกต่างจากเพื่อนๆ มากที่สุด และอีกสิ่งที่สำคัญคือ มีความเป็น BAPE น้อยที่สุด
อย่างแรก คือ จำนวนผลิตที่อ้างอิงปีเกิดของ SWATCH ดังนั้นตัวเลขเด่นบนหน้าปัดของหลักชั่วโมงจึงคือ 8 และ 3 ไม่ใช่ 9 กับ 3 เหมือนรุ่นอื่นๆ ตามด้วยสัญลักษณ์ลิง และลวดลายของลิง BAPE มีน้อย หรืออย่างน้อยที่สุดคือ เห็นชัดน้อยที่สุดในบรรดาอีก 5 รุ่นที่เหลือ แต่สิ่งเดียวที่ผมแอบเสียดายคือ ถ้าเปลี่ยนจากการปั๊ม SWATCH ลงบนพื้นหน้าปัดมาวางอยู่บนกระจกเหมือนกับรุ่น Paris ผมว่ามันน่าจะทำให้ลงตัวกว่านี้ เพราะพื้นสีดำกับตัวหนังสือสีฟ้าเข้ม ผมว่ามันไม่เข้ากันเอาเสียเลย แถมตัวนูนๆ ของตัวอักษร เวลามองบางมุมมันเหมือนกับดูไม่ค่อยเรียบเท่าไร
ในแต่ละรุ่นย่อยในตำแหน่ง 12 นาฬิกาบนขอบ Bezel ที่มีพื้นที่แคบๆ จะมีการระบุเมืองที่เป็นรุ่นนั้นๆ และทำให้เด่นด้วยตัวอักษรสีที่แตกต่างจากสีขาวที่ถูกใช้กับเมืองต่างๆ ยกเว้นรุ่น The World ที่ทุกเมืองที่อยู่บน Bezel จะเป็นสีขาวทั้งหมด
ขนาดหน้าปัดของ BIG BOLD อาจจะทำให้ใครหลายคนกังวลว่าจะใส่ได้หรือเปล่า แต่เอาเข้าจริงๆ ผมว่ามันไม่ได้ใหญ่จนโอเวอร์เหมือกับนาฬิกา 47 มิลลิเมตรที่ผมเคยมีประสบการณ์มาก่อนเลย ขนาดหน้าปัดอยู่ในระดับที่พอดี แถมรูปทรงของตัวเรือนยังมีลักษณะโค้งและงุ้มลงไปตามข้อมือ ทำให้ตัวนาฬิกาไม่กางออก ขณะที่ความหนาอยู่ในระดับที่พอดี ไม่เยอะจนเกินไปประมาณ 12 มิลลิเมตรกว่าๆ
ด้วยความที่ใช้สีดำยืนพื้นดังนั้นลวดลายบนสายที่ใช้สีน้ำเงินก็เลยไม่โดดเด่นขึ้นมา เช่นเดียวกับตัวรัดสายทั้ง 2 ชิ้นที่มีการสกรีนคำว่า Switzerland และ 1983 เอาไว้ ยกเว้นคำว่า SWATCH ที่อยู่บนสายยาวที่มากับสีแดง สำหรับคนที่ต้องการลวดลายเด่นๆ อันนี้คือ ข้อด้อยอย่างชัดเจน แต่สำหรับคนที่ต้องการอะไรที่ดูกลมกลืนแต่ยังมีลูกเล่นอีกหน่อย อันนี้ถือว่าเป็นทางออกที่แจ่มเลย
ภาพโดยรวมหลังจากที่ดึงบรรดาพวกซีลทั้งหลายออกเพื่อยืนยันว่ามันจะไม่ต้องนอนกล่อง และผมนำออกมาคาดกับข้อมือแล้ว ถือว่า Bern ในร่างของ BIG BOLD ดูลงตัวกับข้อมือเจ้าปัญหาของผมได้เป็นอย่างดี นาฬิกาไม่ใหญ่เวอร์ ตัวขาสายโค้งรับกับข้อมือ สายซิลิโคนนุ่มมือ และตัวนาฬิกาน้ำหนักเบามากชนิดที่แทบไม่รู้สึกเลยว่ามีอะไรคาดอยู่บนข้อมือ
อีกจุดหนึ่งที่บางคนอาจจะมองว่าเป็นข้อด้อย แต่ผมกลับมองเป็นเอกลักษณ์ของ SWATCH คือ เสียงเดินของเข็มวินาที ในขณะที่นาฬิกาควอตซ์หลายรุ่นพยายามทำให้เสียงติ๊กของการขยับตัวของเข็มวินาทีเงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ แต่ SWATCH ก็ยังคงเอกลักษณ์นี้เอาไว้ และกลายเป็นสิ่งที่ผมค่อนข้างชื่นชอบนะ แม้ว่าบางคนอาจจะออกแนวรำคาญใจกับเสียงนี้
ส่วนประเด็นที่ผมกังวลเกี่ยวกับนาฬิกาเรือนนี้คือ SWATCH เป็นนาฬิกาที่เกิดมาเพื่อการใช้งานแล้วทิ้งในกรณีที่เสีย ไม่ใช่การซ่อม และหลายต่อหลายครั้งที่เราได้อ่านจากรีวิวฝรั่งจากเว็บนอก เรื่องการดูแลและซ่อมบำรุงตัวนาฬิกาน่าจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะตัวเรือนของ SWATCH เกือบทุกรุ่นจะถูกผนึกและซีลในแบบ Monocase ส่วนด้านหลังจะมีการเจาะเป็นช่องสำหรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ จริงๆ ผมว่าน่าจะซ่อมได้แหละ เพราะช่างไทยเก่งอยู่แล้ว เพียงแต่…ข้อแรกจะคุ้มหรือเปล่า และข้อที่ 2 จะมีการฝารอยที่เกิดจากการงัดแงะอะไรเอาไว้หรือเปล่า
ดังนั้น ทางที่ดีคือควรใส่ใจกับการดูแลเรื่องแบตเตอรี่สักหน่อย เพราะถ้าคุณเป็นลูกค้าที่ซื้อ SWATCH จากเคาน์เตอร์แล้ว ยังไงคุณได้รับสิทธิ์เปลี่ยนแบตเตอรี่ฟรีตลอดอายุการใช้งานอยู่แล้ว ถ้าให้หมดคาเรือนจนน้ำยาเยิ้มออกมาและทำอันตรายกับกลไกภายใน
สำหรับราคาของ SWATCH x BAPE ในช่วงที่เปิดจองในบ้านเราอยู่ที่ 4,950 บาท ถือว่าค่อนข้างเอาเรื่องเหมือนกันเมื่อเปรียบเทียบกับ BIG BOLD รุ่นธรรมดาที่มีราคาป้ายอยู่ที่ 3,300 บาท แต่ถ้ามองในเรื่องของความพิเศษทั้งตัวเรือน และแพ็คเกจ ส่วนต่างในระดับ 1,600 บาทนิดๆ ผมว่ายังไงก็คุ้ม เพียงแต่ตอนนี้ ถ้าคุณเช็คของจากเว็บของสวอทช์ จะพบว่าเมืองทั้ง 5 นั้นถูกขายไปจนหมดเกลี้ยงแล้ว เหลือเพียงแค่ The World เท่านั้น ถ้าชอบรีบให้ไว เพราะถ้าเกิดของหมด คราวนี้อาจจะต้องจ่ายแพงให้กับบรรดาพ่อค้าที่ซื้อมาเก็งกำไร
ข้อมูลทางเทคนิค : SWATCH x BAPE Bern Limited Edition
- เส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือน : 47 มิลลิเมตร
- ความหนา : 12 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 48 มิลลิเมตร
- การกันน้ำ : 50 เมตร
- กลไก : Swiss ควอตซ์
- ประทับใจ : ขนาด ความเรียบง่าย ความหายาก
- ไม่ประทับใจ : คำว่า SWATCH ที่ปั๊มบนหน้าปัด และการจับคู่กันของสีบนตัวเรือน
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/