อีกคอลเล็กชั่นของ Seiko ที่ถือว่าได้รับความสนใจและอยู่ในตลาดมานานนับจากปี 2018 จนถึงตอนนี้มีขายแล้วถึง 6 รุ่นด้วยกัน นั่นคือ Save the ocean วันนี้เราทำความรู้จักกับนาฬิการุ่นนี้กัน
Seiko Save the ocean มารู้จักกับ 6 รุ่นของคอลเล็กชั่นนี้
ชื่อของ Save the ocean ของ Seiko กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง เมื่อ Seiko เปิดปี 2021 ด้วยนาฬิการุ่นใหม่จากคอลเล็กชั่นนี้ และถือเป็นรุ่นที่ 6 แล้ว นับจาก Save the ocean ถูกเปิดตัวออกสู่ตลาดครั้งแรกเมื่อกลางปี 2018 และแน่นอนว่านี่คือ International Collection ที่ไม่ได้ผลิตมาเพื่อจำหน่ายเฉพาะตลาดแห่งใดแห่งหนึ่งเท่านั้น
แน่นอนว่าเราเชื่อว่าในเมื่อนี่คืออีกหนึ่งคอลเล็กชั่นสำหรับนาฬิกาดำน้ำที่ค่อนข้างฮ็อต ทำให้หลายคนอาจจะอยากรู้จักนาฬิกาในคอลเล็กชั่นนี้ และวันนี้เรามาทำความรู้จักกับทั้ง 6 รุ่นของ Seiko Save the ocean กัน
จุดเริ่มต้นของคอลเล็กชั่น
อย่างที่ทราบกันกับโครงการ Save the ocean ที่ทาง Seiko จัดขึ้นมานั้น เป็นผลผลิตที่เกิดจากความร่วมมือกับ Fabien Costeau นักสำรวจโลกใต้ท้องทะเลที่เป็นหลานชายของ Jacques-Yves Cousteau (ฟาเบียน คุสโตว์) นักสำรวจชื่อดังของโลก
โดย Seiko จะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายนาฬิกา Save the ocean มอบให้กับ Ocean Learning Center (OLC) หรือศูนย์วิจัยและการเรียนรู้ทางทะเลของ Fabien Cousteau แบรนด์แอมบาสเดอร์ คอลเลคชั่น Prospex (พรอสเป็กซ์) เพื่อนำไปศึกษา, เรียนรู้เพื่อหาทางฟื้นฟู มหาสมุทรที่ได้รับผลกระทบมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และจากการกระทำของมนุษย์
นาฬิกาของคอลเล็กชั่น Save the ocean จะเป็นการนำนาฬิกาดำน้ำในกลุ่ม Prospex มาแต่งเติมความสวยเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ที่เกี่ยวข้องกับใต้ท้องทะเล และในแต่ละรุ่นจะมีคอนเซ็ปต์ในการเพิ่มความสวยงามที่ชัดเจน เพียงแต่นาฬิการุ่นนี้เป็น Special Edition ไม่ใช่ Limited Edition
ที่มีการจำกัดจำนวนการผลิตเหมือนกับคอลเล็กชั่นพิเศษอื่นๆ เช่น Zimbe โดยนาฬิกาที่ถูกเลือกเข้ามาอยู่ในคอลเล็กชั่นนี้ส่วนใหญ่จะมีเป็นนาฬิกาดำน้ำรุ่นกลาๆ ของ Prospex เช่น Turtle, Smurai หรือ Diver Solar เพื่อให้ราคาสามารถเข้าถึงได้ง่าย
รุ่นแรก : เปิดตัวกลางปี 2018
รุ่นที่ทำตลาด : Turtle (SRPC91K/SBDY021) Samurai (SRPC93K/SBDY019) Diver Chronograph Solar (SSC675P/SBDL055) Solar Tuna (SNE518P1/SBDJ045)
เอาเข้าจริงๆ หลายคนอาจจะคิดว่ารุ่นแรกของ Save the ocean ที่เปิดตัวเมื่อกลางปี 2018 นั้นจะมีเพียงแค่ 3 รุ่นเท่านั้น นั่นคือ Turtle (SRPC91K/SBDY021) Samurai (SRPC93K/SBDY019) Diver Chronograph Solar (SSC675P/SBDL055) แต่เอาเข้าจริงๆ ยังมีอีกรุ่นหนึ่งที่ถูกนับรวมเข้าไปด้วยนั่นคือเจ้า Solar Tuna ที่มีรหัสจำหน่ายตลาดต่างประเทศ SBDJ045 และในญี่ปุ่นคือ SNE518P1
ในรุ่นนี้จะมากับตัวเรือนสีเงินแต่ใช้เม็ดมะยม หรือปุ่มกดในระบบจับเวลา Chronograph ที่มากับสีดำ ส่วนหน้าปัดจะเป็นสีน้ำเงินเข้มพร้อมกับแพทเทิร์นที่เป็นลายขวางซึ่งเปรียบเสมือนกับพื้นผิวของท้องทะเล ขณะที่สเป็กของตัวนาฬิกาไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรจากรุ่นปกติที่ขาย
SRPC91K/SBDY021 | SRPC93K/SBDY019 | SSC675P/SBDL055 | SNE518P1/SBDJ045 | |
ขนาดตัวเรือน | 45 มม. | 43.8 มม. | 43.5 มม. | 46.7 มม. |
ความหนา | 13.4 มม. | 13.4 มม. | 13.8 มม. | 12.4 มม. |
การกันน้ำ | 200 เมตร | |||
กลไก | 4R36 | 4R35 | V175 Solar | V157 Solar Quartz |
สำรองพลังงาน | 41 ชั่วโมง | 41 ชั่วโมง | – | – |
ราคา | 17,400 บาท | 19,500 บาท | 16,300 บาท | 15,400 บาท |
รุ่นที่ 2 : เปิดตัวต้นปี 2019
รุ่นที่ทำตลาด : Turtle (SRPD11K/SBDY027) Samurai (SRPD09K/SBDY025) Diver Chronograph Solar (SSC701P1/SBDL057)
การรุกตลาดอย่างต่อเนื่องของ Save the ocean ด้วยเวอร์ชันที่ 2 ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เหมือนกับเป็นการพลิกแพลงและต่อยอดมาจากเวอร์ชันแรก เพราะในรุ่นนี้ยังยึดสไตล์ของการสร้างสรรค์ด้วยโทนสีและลวดลายบนหน้าปัด รวมถึงรุ่นของนาฬิกาแบบเดียวกับเวอร์ชันแรกแต่เปลี่ยนตัวเรือนจากสีเงินมาเป็นแบบเคลือบ PVD สีดำ และมีการเปลี่ยนการจับคู่สายใหม่ ซึ่งรุ่นแรก เต่าหรือ Turtle จะมากับสายยางสีดำ ส่วน Samurai และ Diver Chronograph Solar จะมากับสายสตีล ส่วนรุ่นนี้ รุ่น Turtle จะมากับสายสตีล ส่วนอีก 2 รุ่นเป็นสายยางสีน้ำเงิน
SRPD11K/SBDY027 | SRPD09K/SBDY025 | SSC701P1/SBDL057 | |
ขนาดตัวเรือน | 45 มม. | 43.8 มม. | 43.5 มม. |
ความหนา | 13.4 มม. | 13.4 มม. | 13.8 มม. |
การกันน้ำ | 200 เมตร | ||
กลไก | 4R36 | 4R35 | V175 Solar |
สำรองพลังงาน | 41 ชั่วโมง | 41 ชั่วโมง | – |
ราคา | 21,100 บาท | 19,200 บาท | 14,500 บาท |
รุ่นที่ 3 : เปิดตัวพฤษภาคม 2019
รุ่นที่ทำตลาด : Turtle (SRPD21K/SBDY031) Samurai (SRPD23K/SBDY029) Diver Chronograph Solar (SSC741P/SBDL059)
แรงบันดาลใจทั้งสามรุ่นของ Seiko save the oceanในปีนี้ ได้นำเอาแรงบันดาลใจมาจาก “ฉลามขาว (Great White Shark)” หรือนักล่าแห่งท้องทะเล โดยฉลามขาวก็อยู่ในรายชื่อสัตว์ทะเลใกล้สูญพันธ์ที่ถูกคุกคามโดยมนุษย์ ในลิสต์รายชื่อขององค์กร International Union for Conservation of Nature (IUCN) หรือ สหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติความโดดเด่น ของ Save the oceanรุ่นที่สามนี้ ความโดดเด่นของรุ่นใหม่นี้จะอยู่ทีแพทเทิร์น ของการออกแบบรายละเอียดบนหน้าปัดที่นำเอาลวดลายของคลื่นทะเล แบบสามมิติมาใช้
โดยให้รายละเอียดของพื้นผิวในแต่ละลอนของคลื่นนั้น มีเฉดสีและระดับสูงต่ำที่จะแตกต่างกันจึงให้ความรู้สึกที่มีมิติอย่างชัดเจน และยังได้แฝงรายละเอียดจากฉลามขาวเอาไว้ โดย ณ ตำแหน่ง 8 นาฬิกานั้น จะมีลักษณะเหมือนครีบหลังของฉลามขาวบนเกลียวคลื่น และส่วนปลายของเข็มวินาทีนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของหางฉลามขาว ขอบตัวเรือนเลือกใช้สีเทาดำตัดกับสีน้ำเงินเข้มที่สื่อถึงบรรยากาศใต้ท้องทะเลลึกที่พร้อมให้คุณจะดำดิ่งลงไปสัมผัสกับความสวยงามของโลกใต้ทะเล
SRPD21K/SBDY031 | SRPD23K/SBDY029 | SSC741P/SBDL059 | |
ขนาดตัวเรือน | 45 มม. | 43.8 มม. | 43.5 มม. |
ความหนา | 13.4 มม. | 13.4 มม. | 13.8 มม. |
การกันน้ำ | 200 เมตร | ||
กลไก | 4R36 | 4R35 | V175 Solar |
สำรองพลังงาน | 41 ชั่วโมง | 41 ชั่วโมง | – |
ราคา | 18,500 บาท | 18,800 บาท | 17,400 บาท |
รุ่นที่ 4 : เปิดตัวมกราคม 2020
รุ่นที่ทำตลาด : King Turtle (SRPE07K/SBDY047) Monster (SRPE09/SBDY045)
แม้ว่าจะใช้คอนเซ็ปต์ของการออกแบบโดยยึดแนวคิดเดียวกับ Save the ocean Gen 3 ที่มีเจ้าฉลามขาวเป็นต้นแบบ แต่ในเรื่องของรุ่นที่ทำตลาดก็มีการเปลี่ยนแปลง และน่าจะเรียกว่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ เพราะจากเดิมใน 3 Generation นั้นจะเป็นหน้าที่ของ Turtle, Samurai และ Diver Chronograph Solar แต่สำหรับรุ่นนี้ลดลงเหลือแค่ 2 เรือน และเป็นนาฬิกาใหม่ คือ King Turtle ที่ใช้อินเลย์ของขอบตัวเรือนที่ผลิตจากเซรามิก พร้อมกระจกแซฟไฟร์ ส่วนอีกรุ่นคือ Monster ใหม่ ที่ถือว่าถูกนำเข้ามาสู่คอลเล็กชั่นนี้เป็นครั้งแรก
SRPE07K/SBDY047 | SRPE09/SBDY045 | |
ขนาดตัวเรือน | 45 มม. | 42.4 มม. |
ความหนา | 13.4 มม. | 13.4 มม. |
การกันน้ำ | 200 เมตร | |
กลไก | 4R36 | |
สำรองพลังงาน | 41 ชั่วโมง | |
ราคา | 21,800 บาท | 18,800 บาท |
รุ่นที่ 5 : เปิดตัวมีนาคมปี 2020
รุ่นที่ทำตลาด : King Turtle (SRPE39K1/SBDY063) King Samurai (SRPE33K1/SBDY065)
สำหรับ 2 รุ่นนี้จะถือเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดโดยจะมีจำหน่ายในรหัส SRPE39K1 สำหรับตลาดต่างประเทศ หรือ SBDY063 สำหรับตลาดญี่ปุ่นในกรณีที่เป็นรุ่น King Turtle ส่วนอีกรุ่นคือรหัส SRPE33K1 สำหรับตลาดต่างประเทศ และ SBDY065 สำหรับตลาดญี่ปุ่น
ในรุ่นใหม่นี้มากับคอนเซ็ปต์เดิมคือ พื้นหน้าปัดสีฟ้าน้ำทะเล พร้อมกับลวดลายที่เปลี่ยนไปตามแต่ละเจนเนอเรชั่น ซึ่งในรุ่นนี้จะมีลวดลายของปลากระเบน Manta Ray วางตัวอยู่บนพื้นหน้าปัด และตัวขอบ Bezel จะมากับสีดำ ส่วนชุดเข็มทั้งชั่วโมง นาที และวินาทีจะเป็นรูปทรงแบบเดียวกับรุ่นธรรมดา ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์เหมือนกับรุ่นที่แล้ว และแฟนๆ Seiko บ้านเราเรียกว่า Mata Ray Version
SRPE39K1/SBDY063 | SRPE33K1/SBDY065 | |
ขนาดตัวเรือน | 45 มม. | 43.8 มม. |
ความหนา | 13.4 มม. | 13.4 มม. |
การกันน้ำ | 200 เมตร | |
กลไก | 4R36 | 4R35 |
สำรองพลังงาน | 41 ชั่วโมง | 41 ชั่วโมง |
ราคา | 22,900 บาท | 22,900 บาท |
รุ่นที่ 6 : เปิดตัวกุมภาพันธ์ 2021
รุ่นที่ทำตลาด : King Turtle (SRPF77/SBDY079) King Samurai (SRPF79/SBDY081)
สำหรับรุ่นใหม่นี้จะเป็นการต่อยอดมาจาก Manta Ray รุ่นแรกที่เปิดตัวในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว มีขายด้วยกัน 2 รุ่น คือ SBDY079 หรือ SRPF77 สำหรับ King Turtle และ SBDY081 หรือ SRPF79 สำหรับ King Samurai ทาง Seiko ยังยึดมั่นกับรุ่น King Turtle และ King Samurai แต่จะมีความเปลี่ยนแปลงหลายจุด เช่น ตัวเรือนเป็นการรมดำ หน้าปัดเปลี่ยยนลวดลายของปลากระเบน Manta Ray และเปลี่ยนโทนสีของพื้นมาเป็นน้ำเงินเข้มแบบด้าน
และอีกจุดคือ สายซิลิโคนสีน้ำเงินเปลี่ยนรูปทรงจากที่เราคุ้นเคยผ่านทางนาฬิกาในกลุ่ม Prospex ของ Seiko มานาน โดยรูปแบบของสายยางใหม่นี้จะไม่มีข้อย่นเหมือนกับเมื่อก่อน ส่วนฝาหลังจะมีการสลักคำว่า SPECIAL EDITION เหมือนเดิม
SRPF77/SBDY079 | SRPF79/SBDY081 | |
ขนาดตัวเรือน | 45 มม. | 43.8 มม. |
ความหนา | 13.4 มม. | 13.4 มม. |
การกันน้ำ | 200 เมตร | |
กลไก | 4R36 | 4R35 |
สำรองพลังงาน | 41 ชั่วโมง | 41 ชั่วโมง |
ราคา | 21,800 บาท | 21,800 บาท |
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/