หลังจากที่เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของ The Black Series ออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อกลางปี 2022 ในตอนนี้ Seiko นำคอลเล็กชันนี้ซึ่งในตอนนี้เป็นรูปลักษณ์ของ Night Vision กลับมาทำตลาดอีกครั้ง โดยเวอร์ชันปี 2023 จะมีรุ่นท็อป 1 รุ่นที่ใช้กลไก 8L35 และอีก 2 รุ่นเป็นรุ่นรองลงมาซึ่งใช้กลไก 6R35 โดยทุกรุ่นจะมีการผลิตแบบจำกัดจำนวน
Seiko Prospex The Black Series 2023 เวอร์ชันใหม่สำหรับความงามยามค่ำคืน
-
การกลับมาของรุ่น The Black Series ซึ่งจะมีด้วยกัน 3 รุ่น
-
SLA067/SBDX055 เป็นรุ่นท็อปมากับกลไก 8L35 มีจำหน่ายทั่วโลก 600 เรือน
-
SPB335/SBDC183 มีจำหน่าย 4,500 เรือน และ SPB337/SBDC185 มีจำหน่าย 5,500 เรือน
The Black Series ของ Seiko Prospex ที่เคยโด่งดังในการนำความงามของโลกใต้น้ำยามค่ำคืนมาถ่ายทอดลงบนนาฬิกาดำน้ำของ Seiko Prospex ตั้งแต่ปี 2019 เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อทางแบรนด์นำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับภาคพื้นดินเพื่อนำเสนอความงามอีกรูปแบบโดยยังสานต่อและคงคอนเซ็ปต์ของคอลเล็กชั่นนี้เอาไว้ ซึ่งในกลางปี 2022 เราได้เห็นเวอร์ชันแรกของ The Black Seriesส่วนในปีนี้ เป็นภาคต่อของความงามบนภาคพื้นดินในยามค่ำคืน
สำหรับ Seiko Prospex The Black Series 2023 จะตัดสลับมาที่ความไฮเอนด์ด้วยการใช้นาฬิกาที่ใช้กลไกอัตโนมัติในรหัส 6R35 ซึ่งเป็นกลุ่มที่สูงกว่าพวก 4R35/4R36 ซึ่งถ้าติดตามคอลเล็กชั่น The Black Series มาตลอดจะพบว่าทาง Seiko มักจะชอบใช้วิธีนี้ในการนำเสนอด้วยการสลับไปมาระหว่างนาฬิการุ่นพื้นฐานกับรุ่นที่สูงกว่า และบางครั้งขยับไปจนถึง MarineMaster300 หรือ MM300 หรือพวกที่ใช้กลไก 8L35 ด้วย ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
เวอร์ชันปี 2023 จะมีด้วยกัน 3 ทางเลือก โดยประกอบด้วยเวอร์ชันญี่ปุ่น และต่างประเทศที่จะมีรหัสรุ่นแตกต่างกันออกไป แต่ใช้นาฬิกาที่มีพื้นฐานเดียวกัน ทุกรุ่นจะอ้างอิงการเลือกใช้สีสันด้วยโทนสีเขียว-ดำ ซึ่ง Seiko ได้เปลี่ยนแนวไปสัมผัสกับประสบการณ์ในการเดินป่าเพื่อตั้งแคมป์ในยามค่ำคืน ท่ามกลางความเงียบสงบ เพื่อดื่มด่ำกับแสงจากธรรมชาติบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ฟ้าเป็นใจจนเกือบจะมองเห็นดวงดาวทั้งกาแล็กซี่
โดยเฉพาะในบางตำแหน่งที่อาจทำให้มองเห็นเป็นแสงสีเขียวเรืองรองท่ามกลางความมืดมิดสาดส่องลงมากระทบกับเงาของต้นไม้รอบด้าน จนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคอลเล็กชั่นนี้ ที่ถูกเรียกว่า Night Vision
ส่วนรุ่นที่ทำตลาดประกอบด้วย
- ๏ 1965 Diver จะมีการผลิตทั้งหมด 600 เรือนแบ่งเป็น 100 เรือนสำหรับตลาดญี่ปุ่นในรหัส SDBX055 และที่เหลือเป็นรหัส SLA067 สำหรับตลาดโลก โดยนาฬิกาเรือนนี้มากับตัวเรือนที่ถูกสร้างสรรค์และตีความใหม่จากนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกของ Seiko นั่นคือ 62MAS ที่เปิดตัวในปี 1965 มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 41.3 มิลลิเมตร พร้อมหน้าปัดที่มีการออกแบบให้ลายพาดขวาง
ตัวนาฬิกาใช้สายแบบ Polyester ที่มีการถักด้วยลวดลายที่เรียกว่า Seichu ที่เคยผ่านตามาแล้วกับรุ่น Save the ocean ในรหัส SPB333 ด้วยลวดลายที่มีความโปร่งและให้ความยืนหยุ่นสูงจึงมีทั้งความทนทานและความสะดวกสบายในการสวมใส่
สำหรับรุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ 8L35 ซึ่งเป็นกลไกระดับสูงของ Seiko ที่อยู่ในนาฬิการะดับท็อปหลายรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มดำน้ำ และมีกำลังสำรองอยู่ในระดับ 50 ชั่วโมง โดยมีความสามารถในการกันน้ำ 200 เมตร ส่วนราคาอยู่ที่ 407,000 เยน
- ๏ Diver SPB335 สำหรับตลาดโลก โดยจะมีการผลิตออกมา 4,500 เรือนสำหรับขาย และแบ่งออกมา 300 เรือนสำหรับตลาดญี่ปุ่นที่จะใช้รหัส SBDC183 ซึ่งรุ่นนี้เราคุ้นเคยกันมาระดับหนึ่งแล้วหลังจากที่มีการเปิดตัวออกมาเมื่อกลางปีที่แล้ว โดยอ้างอิงงานดีไซน์จากนาฬิกาดำน้ำที่เปิดตัวในปี 1978 และมีรูปทรงคล้ายกับรุ่นตะพาบที่เปิดตัวในปี 1970 แต่มีการลดขนาดลงมา และกลายเป็นดีไซน์ของรุ่นเต่าในเวลาต่อมารุ่นนี้มากับตัวเรือนขนาด 41 มิลลิเมตร
ในรุ่นนี้จะมากับหน้าปัดสีดำพร้อมกับพื้นผิวที่มีลวดลายหยาบ หรือ Grained Surface และขับเคลื่อนด้วยกลไก 6R35 แบบเดียวกับที่อยู่ใน Sumo โดยมีกำลังสำรองอยู่ที่ 70 ชั่วโมง และมีความสามารถในการกันน้ำ 200 เมตร ส่วนราคาอยู่ที่ 126,500 เยน
- ๏ Alpinist SPB337 สำหรับตลาดโลก และ SBDC185 สำหรับตลาดญี่ปุ่น มีการผลิตทั้งหมด 5,500 เรือน และ 300 เรือนเป็นรหัสญี่ปุ่น ซึ่งรุ่นนี้จะแตกต่างจากเพื่อนเพราะว่าใช้พื้นฐานของ Prospex กลุ่ม Land อย่าง Alpinist ไม่ใช่นาฬิกาดำน้ำ โดยตัวนาฬิกามีขนาด 39.5 มิลลิเมตร และใช้สายสแตนเลส พร้อมหน้าปัดแบบมี ลวดลายหยาบ และเคลือบสารเรืองแสงสีเขียวที่มาร์คเกอร์หลักชั่วโมง และบนชุดเข็ม
ขับเคลื่อนด้วยกลไก 6R35 แบบเดียวกับที่อยู่ใน Sumo โดยมีกำลังสำรองอยู่ที่ 70 ชั่วโมง และมีความสามารถในการกันน้ำ 200 เมตร ส่วนราคาอยู่ที่ 115,500 เยน
ขับเคลื่อนด้วยกลไก 6R35 แบบเดียวกับที่อยู่ใน Sumo โดยมีกำลังสำรองอยู่ที่ 70 ชั่วโมง และมีความสามารถในการกันน้ำ 200 เมตร ส่วนราคาอยู่ที่ 115,500 เยน
ทั้ง 3 รุ่นจะเริ่มจำหน่ายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้
ข้อมูลทางเทคนิค : Seiko Prospex The Black Series 2023
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline