อีกหนึ่งนาฬิกาจาก Seiko ที่ถือว่าแฟนๆ เฝ้ารอ ซึ่ง Seiko Prospex Sumo SPB125J Black Series มาพร้อมกับหน้าตาที่สวยสะดุดตา สเป็กที่อัพเกรดจาก Gen I แต่ก็ยังมีข้อจุกจิกกวนใจตามสไตล์ Sumo
Seiko Prospex Sumo SPB125J Black Series สวยเข้ม ถ้าได้ดีลดีไม่ควรพลาด
-
การกลับมาของคอลเล็กชั่น Black Series ที่มีนาฬิการุ่น Seiko Prospex Sumo เป็นแกนหลักในการทำตลาด
-
ตัวเรือนเคลือบ PVD สีดำ พร้อมสายยาง และการปรับหน้าตาตามคอนเซ็ปต์ของ Black Series
-
ผลิตทั่วโลก 7,000 เรือน และราคาป้ายในประเทศไทย 34,400 บาท
กับคอลเล็กชั่น Black Series ของ Seiko ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ตั้งใจกับผมเสมอ อย่างตอนสมัยที่เจ้าเต่า SPRC49K1 เปิดตัวก็จังหวะเหมาะกับที่ผมเดินซื้อกับข้าวที่ห้างแถวบ้านและไปเจอพอดีพร้อมโปรโมชั่นสุดเร้า เช่นเดียวกับ Seiko Prospex Sumo SPB125J Black Series (ในญี่ปุ่นขายด้วยรหัส SBDC095) ที่มาพร้อมกับข้อเสนอสุดเร้าใจชนิดที่ผมยากที่จะปฏิเสธ และจัดการสอยเข้ามาในครอบครองซะเลยแม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ใน Wish List สำหรับปีนี้ของผมก็ตาม
เอาเข้าจริงๆ ส่วนตัวผมไม่ค่อยโดนกับ Black Series เวอร์ชันปี 2020 มากเท่ากับรุ่นแรก อาจจะเป็นเพราะนาฬิกาที่ Seiko เลือกมาทำไม่ค่อยถูกโฉลกผมสักเท่าๆ เพราะถึงแม้ว่า Sumo จะเป็นนาฬิกาที่ดีและคุ้มค่าตัวรุ่นหนึ่งก็ตาม แต่มันก็คือ Seiko ที่ไม่เคยอยู่ติดกรุผมนานสักที อาจจะเพราะด้วยข้อจำกัดในเรื่องของการเปลี่ยนสายเพื่อเปลี่ยนอารมณ์ที่ค่อนข้างขัดใจตัวผมเองมาตั้งแต่ Gen I และจนถึง Gen II
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเองจะไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เชื่อเถอะว่าแฟนๆ Seiko บ้านเราเฝ้ารอและจับตามอง ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้ Black Series ค่อนข้างฮ็อต อาจจะเพราะกระแสที่ดีเกินคาดซึ่งเกิดขึ้นกับเต่า หรือ SRPC49K1 ที่ในปัจจุบันกลายเป็นของมีมูลค่า ก็เลยทำให้หลายคนอาจจะคาดหวังการสร้างกำไรกับคอลเล็กชั่นนี้ (ส่วนคนที่ซื้อเพราะชอบล้วนๆ…อันนี้ก็ยินดีด้วยครับ)
ถามผมว่าจะราคาในอนาคตขึ้นไหม ?
คำตอบคือไม่รู้ ก็เหมือนกับหวยหรือแทงบอลนั่นแหละ เพราะถ้ารู้ ผมน่าจะรวยไปแล้วกับการกวาดนาฬิกามารอขายต่อ แต่ถ้าจะให้วิเคราะห์ คงต้องบอกให้หันไปดูปัจจัยรอบด้าน คือ อย่างแรกจำนวนการผลิตที่ค่อนข้างเยอะถึง 7,000 เรือนถึงแม้ว่าจะขายทั่วโลกก็เถอะ และไม่ได้ระบุว่าหลุดเข้าไทยมาเท่าไร แต่ผมว่ามันก็เยอะอยู่ดีและแน่นอนว่าโอกาสที่ซัพพลายจะมากกว่าดีมานด์มีสูง
อย่างที่ 2 ราคาตั้งต้นของ Seiko Prospex Sumo SPB125J Black Series ไม่ได้ถูกเหมือนกับ Turtle Black Series ซึ่งตอนก่อนที่ของจะขึ้นราคาอย่างในปัจจุบัน สามารถหาได้ในราคาหมื่นกลางๆ มันก็เลยเป็นนาฬิกาที่คนส่วนใหญ่เลือกสอยเข้ากรุได้ไม่ยาก แถมปริมาณการผลิต ผมคิดว่าน่าจะมีไม่เยอะมาก เมื่อบวกกับบางช่วงที่เกิดกระแสดีมานด์เยอะ มันก็เลยช่วยดันให้ราคาขยับขึ้นตาม ที่สำคัญ ผมว่ามันไม่สวยเท่ากับเจ้าเต่า หรือ SRPC49K1
นี่คือการคาดเดาของผม ซึ่งอาจจะไม่เป็นจริงก็ได้ เช่นเดียวกับข้อสุดท้ายที่ขึ้นอยู่กับรสนิยม แต่ถ้าคุณไม่ได้แคร์เรื่องการทำกำไรในอนาคตที่ถูกนำมาเป็นประเด็นแรกในการซื้อนาฬิกาสำหรับคนเล่นบางกลุ่มในยุคนี้ ก็มองข้ามเรื่องนี้ไปได้เลย
จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ผมคิดที่จะสอยเข้า Sumo เขียวเข้ามาลองสักหน่อย แต่ด้วยราคาที่สูงและหาค่อนข้างยาก ก็เลยทำลืมๆ ไปซะ จนกระทั่งมีเสียงตามสายเข้ามาถึงสมาร์ทโฟนของผม พร้อมกับบอกข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ชนิดที่ทำให้ราคาสุดท้ายที่จะต้องจ่ายมีส่วนต่างที่ขยับเพิ่มจาก Sumo เขียวอีกไม่เท่าไร…คำตอบก็เลยออกมาว่า ‘ผมรับ 1 เรือนครับ’
อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่า ส่วนตัวผมไม่ได้ประทับใจอะไรอยู่แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ เมือเห็นตัวจริงต้องบอกเลยว่า ผิดคาดนิดๆ โดยเฉพาะตัวเรือนซึ่งมากับการรมดำแบบด้านพร้อมการขัดหยาบ ทำให้นาฬิกาดูสวยเข้มขึ้นอย่างมาก ขอบตัวเรือนมาพร้อมกับ Insert ที่เป็นฟิล์มยังยึดเอกลักษณ์ในแบบทูโทนเทา-ดำเอาไว้เหมือนกับรุ่นแรก ขณะที่พรายน้ำมากับสารเรืองแสงออกโทนสีเบจทำให้นาฬิกาดูวินเทจยิ่งขึ้น
ในแง่ของการออกแบบนั้นยังยึดสไตล์ของ Black Series 2018 เอาไว้ โดยเฉพาะเข็มขั่วโมงที่มากับสีส้มในสไตล์ Plongeur Hands เพียงแต่ด้วยความบางของเข็มเมื่อเปรียบเทียบกับทรงหัวลูกศรของเต่า Black Series แล้ว ผมว่ามันไม่ค่อยเด่นสักเท่าไรเลย และอีกสิ่งที่ไม่ประทับใจเอาเสียเลย คือ แพ็คเกจที่ตามปกติแล้ว Black Series รุ่นที่แล้วจะมากับกล่องพิเศษ ส่วนรุ่นนี้มากับกล่องดำมาตรฐานของ Seiko งานนี้ก็เลยผิดหวังเล็กๆ
นอกจากนั้นปัญหาเรื่องรูยึดสปริงบาร์อยู่ต่ำยังเป็นปัญหาที่ชวนปวดหัวสำหรับการเปลี่ยนสายให้กับผมเหมือนกับ Sumo รุ่นที่ผ่านมา อาจจะเพราะในรุ่นใหม่ที่เป็น Gen II ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายในแง่ของขนาดตัวเรือนก็คิดว่าที่ทั้ง 2 รุ่นจะแชร์เคสเดียวกัน มันก็เลยกลายเป็นการสืบทอดของข้อด้อย (ในมุมมองของผม) จากรุ่นสู่รุ่น
ถึงแม้ว่า Seiko จะเปลี่ยนมาใช้สายยางมาเป็นแบบใหม่ ที่ผมประทับใจในความนุ่มอย่างมาก แต่สิ่งที่ไม่โอเคเลยที่ผมเจอก็คือ สายเส้นใหม่ก็ไม่ได้ช่วยลดช่องว่างระหว่างหัวสายกับขอบตัวเรือนในตำแหน่ง 6 นาฬิกาสักเท่าไร ซ้ำร้ายคือดันกลับมีช่องว่างระหว่างสายที่ถูกบากช่วงติดกับปลายขาสายของตัวนาฬิกาเหมือนกับที่คุณบากสายเองแต่กลับวัดไม่ดีและกะตำแหน่งผิด ทำให้มันดูผิดเพี้ยนไปหมด ซึ่งจริงๆ อาการนี้ผมเจอมาตั้งแต่ Sumo Chronograph ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่กรณีของ Sumo Chronograph มากับตัวเรือนใหม่ และรูขาสายไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาเรื่องช่องว่างนี้มากนัก
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองโลกในแง่บวกก็ต้องถือว่าเป็นการแก้ปัญหาได้ดีกว่าสมัยรุ่นสายยางของ Sumo Gen แรกที่เหลือช่องว่างเยอะชนิดที่แทบจะเอานิ้วแหย่ลอดลงไปได้
เอาละ…ถ้าคุณไม่แคร์สิ่งที่ผมบ่นออกมาสักเท่าไร Seiko Prospex Sumo SPB125J Black Series ถือเป็นนาฬิกาที่ดีรุ่นหนึ่ง (ยิ่งในกรณีที่ได้ดีลดีๆ มาด้วย ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างดีตามไปด้วย)
ข้อแรก นี่คือนาฬิกาดำน้ำที่มีตัวเรือนเพรียวบางและมีความสามารถในการกันน้ำระดับ 200 เมตรซึ่งผ่านมาตรฐาน ISO6425 ทำให้คุณสามารถใส่นาฬิกาดำน้ำโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะเข้ากับชุดทำงานหรือเปล่า แต่คนข้อมือเล็กกว่า 6.5 นิ้วอาจจะต้องกังวลเรื่องความยาว Lug to Lug ที่ค่อนข้างเยอะและทำให้เกิดอาการกางได้
ข้อต่อมา เรื่องของการขัดตัวเรือนที่สวย การเคลือบ PVD ตัวเรือนสีดำที่มีมีความรู้สึกว่าดำสนิท และทำได้ดีกว่าเต่า SRPC49K1 รวมถึงความด้านของสีดำที่ทำให้ตัวเรือนดูดุดันและคล้ายกับพวกเซรามิก
ข้อที่ 3 สเป็กที่ถูกปรับให้ดูดีจาก Sumo Gen I ทั้งกระจก Sapphire และความสว่างของพรายน้ำ หน้าตาของชุดเข็มที่ผมคิดว่าลงตัวกว่าทรงอ้วนๆ ป้อมๆ ของ Gen แรกเยอะ
และข้อสุดท้าย กลไกใหม่ในรหัส 6R35 ที่มีการขยายกำลังสำรองจากเดิม 50 ชั่วโมงในรุ่น 6R15 มาเป็น 70 ชั่วโมงในรุ่นนี้ ได้โปรดอย่าถามเรื่องความคลาดเคลื่อนของเวลา เพราะนาฬิกาเพิ่งจะเดินทางมาถึงมือ ยังไม่ได้มีโอกาสทดลองกันอย่างจริงจัง
บทสรุปกับค่าตัวตามป้าย 34,300 บาท ประเด็นในเรื่องของส่วนลดจะกลายปัญหาหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ เพราะส่วนต่างตามป้ายเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นธรรมดาอยู่แค่ 2,000 บาทนิดๆ แต่รุ่นธรรมดาเวลาคุณซื้อตามร้านตัวแทนจำหน่ายข้างนอก จะได้ส่วนลดค่อนข้างเยอะทำให้ราคาเย้ายวนใจมากกว่า ขณะที่ Seiko Prospex Sumo SPB125J Black Series ได้ส่วนลดน้อยมากในช่วงนี้เพราะความฮ็อต อย่างการซื้อที่เคาน์เตอร์ แค่ 10% เท่านั้น (ในกรณีที่คุณไม่มีโปรห้าง หรือโปรบัตรช่วย) และสำหรับร้านตัวแทนจำหน่ายข้างนอกในช่วงนี้ส่วนลดก็ไม่น่าจะเยอะมาก เต็มที่ 20-25%
ตรงนี้แหละที่น่าจะเป็นปัญหา เพราะส่วนต่างในเรื่องของหน้าตา และความพิเศษในเชิงรูปลักษณ์ แถมยังได้สายยาง ไม่ใช่สายเหล็กเหมือนกับรุ่นธรรมดา ทำให้ความคุ้มค่ากลายเป็นเรื่องรองไปแล้วสำหรับเอามาใช้ในการช่วยตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ถ้าได้ดีลดีๆ เข้ามาช่วยทำให้สบายกระเป๋า แน่นอนว่าการจ่ายส่วนต่างเพิ่มอีกสักหน่อยสำหรับ Seiko Prospex Sumo SPB125J Black Series ผมว่าเป็นเรื่องที่คุ้ม
ข้อมูลทางเทคนิค :
Seiko Sumo Automatic | |
เส้นผ่านศูนย์กลาง (มม.) | 45 |
Lug to Lug (มม.) | 52.55 |
ความหนา (มม.) | 12.85 |
ความกว้างขาสาย (มม.) | 20 |
สาย | สายยางซิลิโคน |
รหัสกลไก | 6R35 |
จำนวนทับทิม | 24 |
ความถี่ | 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง |
การสร้างพลังงาน | ขึ้นลานมือ / เคลื่อนไหวข้อมือ |
สำรองพลังงาน (ชั่วโมง) | 70 |
ความเที่ยงตรง | +25 ถึง – 15 วินาที/วัน |
ระดับการกันน้ำ | 200 เมตร |
- ประทับใจ : การเลือกใช้สีบนหน้าปัดและเข็ม ตัวเรือนรมดำที่เข้ม ดุดัน กลไกใหม่
- ไม่ประทับใจ : รูขาสายต่ำจับคู่สายยาก แพ็คเกจกล่องบ้านๆ สายยางที่ไม่เข้ากับตัวเรือน
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/