ช่วงนี้ดูเหมือนว่าดวงเงินหลุดออกจากกระเป๋าของผมจะมาแรงเสียเหลือเกิน ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียว จำเป็นจะต้องเอานาฬิกาไปซ่อมเพราะอาการแปลกๆ แต่สุดท้ายพอไปถึงร้านได้คุยกับช่างซ่อม ไปๆ มาๆ ดันมีติดมือกลับบ้านมาอีกเรือน ก่อนที่เช้าวันต่อมาจะตื่นอย่างสดชื่น แต่ต้องสะดุ้งโหยงเพราะข้อความจาก LINE ของคนขายจาประจำกระเด้งขึ้นมาว่า ‘Seiko Blue Lagoon ที่ถามตอนนั้น ของเข้าแล้วนะพี่พร้อมกับบรรยายโปรโมชั่นเสร็จสรรพ
Seiko Prospex SRPB09 ‘Blue Lagoon’ : ถึงไม่ใช้คำว่า Limited ผมก็ควักเงินซื้อ
ตอนแรกก็ทำหน้างงๆ ว่าตัวเองไปสั่งเอาตอนไหนหว่า แต่สุดท้ายก็นึกได้เพราะได้ไปเห็นข่าวที่ Seiko กำลังจะเปิดตัวเวอร์ชัน Blue Lagoon ออกมา และสายตาของผมไปสะดุดเอาการกลับมาของเจ้านาฬิกาที่มีชื่อเรียกว่า Samurai ก็เลยถามน้องคนขายว่ามาเมื่อไรบอกด้วยนะ…แต่นั่นมันตั้ง 5 เดือนที่แล้วนะ
แต่เอาเถอะในเมื่อจะต้องนั่งดูนาฬิกาคลุกกับข้าวเปล่า ก็ต้องไปให้สุด ว่าแล้วเย็นวันนั้นก็จัดการบึ่งไปที่เคาน์เตอร์ในห้างคู่ใจเพื่อไปดูตัวเป็นๆ ของเจ้า Samurai Blue Lagoon สักหน่อย แน่นอนว่าก่อนที่จะไป ผมลองเช็คกระแสเอาใน FB กลุ่มที่เล่นประจำ ก็มีการถ่ายภาพให้ดูกันประปราย แต่ประเภทขึ้นข้อแล้วถ่ายยังไม่มีให้เห็น ซึ่งตอนที่ดูภาพเหล่านี้เรียกว่าสามารถบิลด์อารมณ์ผมได้ไปเรื่อยๆ และสุดท้ายก็ติดมือกลับมาบ้านแบบสมใจอยาก
ในคอลเล็กชั่น Blue Lagoon ผมเชื่อเลยว่า คนส่วนใหญ่แทบจะไม่ได้สนใจอีกรุ่นซึ่งก็คือเจ้าเต่าที่มีรหัส SRPB11 แม้ว่าราคาจะต่างกันนิดเดียว แต่มีสายยางแถมมาให้ด้วยก็ตาม และในยุคที่ Limited Edition ของ Seiko ไม่ได้ขลังเหมือนกับเมื่อก่อน ก็เชื่อว่าการมีคำว่า Limited Edition ติดมาด้วย มันก็ไม่ได้บิลด์อารมณ์คนซื้อได้มากเท่ากับการกลับมาของเจ้า Samurai ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นนาฬิกาดำน้ำที่มีแฟนประจำอยู่กลุ่มหนึ่ง
คนขายบอกว่านี่คือการกลับมาของ Samurai ในรอบ 10 กว่าปีเลยทีเดียว ซึ่งก็น่าจะจริงเหมือนกัน เพราะคอลเล็กชั่นนี้ผมเห็นตั้งแต่ยังไม่ได้สนใจ Seiko อย่างจริงจังราวๆ กลางทศวรรษที่ 2000 และกลไกที่ประจำการอยู่ก็ยังเป็นตระกูล 7S ซึ่งพอเช็คข้อมูลหลายรายก็พบว่า Samurai เป็นคอลเล็กชั่นที่ทำตลาดช่วงสั้นๆ ระหว่างปี 2004-2008
ตอนแรกที่เห็นการกลับมาของ Samurai ผมคิดว่าอาจจะเป็นการนำโมลด์เคสเก่ากลับมาเปลี่ยนหน้าและทำใหม่ แต่พอเช็คเข้าจริงๆ มันคือการ Re-Issue ทั้งเรือน เพราะขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของตัวเรือนก็ขยับมาเป็น 43.8 มิลลิเมตร (ซึ่งก็คือ 44 มิลลิเมตรนั่นแหละ) จากเดิม 42 มิลลิเมตร ซึ่งตอนแรกที่ได้เห็นตัวเลขก็ทำใจนิดๆ ว่า เล็กแหงๆ กับข้อมือแบนๆ 7 นิ้วของผม เพราะเต่ากับตัวเลข 44 มิลลิเมตรผมยังว่าเล็กเลย แต่พอลองทาบเข้าจริงๆ กลับไม่เป็นเช่นนั้น ประเด็นคือ มันเป็นนาฬิกาที่มีขายาว และ Lug-to-Lug อยู่ที่ประมาณ 48.3 มิลลิเมตร ก็เลยช่วยได้เยอะเลย
หน้าปัดสีฟ้า เวลาอยู่กลางแจ้งเล่นกับแสงอาจจะทำให้พวกที่ตกเป็นทาสเวลาอย่างผมหลงเอาได้ง่ายๆ ทั้งที่เมื่อก่อนผมจะไม่ค่อยชอบหน้าปัดแบบนี้เลย โดยที่มีมาร์คเหลืองแซมในตำแหน่งที่ 12-3-6-9 และที่ปลายเข็มวินาทีถือว่าค่อนข้างลงตัวกับการใช้โทนสีที่ตัดกันอย่างโดดเด่น หลักชั่วโมงก็มีการเปลี่ยนให้แตกต่างจากเดิม แต่สิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร เห็นจะเป็นการนำชุดเข็มยกจาก Baby Tuna ที่กำลังขายอยู่มาใช้ทั้งชุด ซึ่งพอจะบมาลงในบอดี้ของ Samurai แล้ว กลับดูแปลกๆ และทำให้ผมคิดถึงเข็มชุดเก่าขึ้นมาทันที
ผมว่านาฬิกาของ Seiko แต่ละคอลเล็กชั่นมักจะมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ประจำรุ่น ซึ่งเข็มก็ถือเป็นจุดหนึ่ง และว่ากันว่าด้วยรูปทรงของมันที่ดูคล้ายดาบซามูไร ก็เลยทำให้ถูกตั้งชื่อว่า Samurai (อันนี้ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน) นอกจากนั้นส่วนอื่นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งถ้าให้ผมคิดถึงก็คงจะมีอยู่อีก 2 จุดด้วยกันคือ ลวดลายเม็ดมะยมที่ทรงค่อนข้างแปลกตา คล้ายกับพวก Jungle Master และอยู่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา ขณะที่นาฬิกาดำน้ำของ Seiko ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 4 นาฬิกา และอีกอย่างคือขาตัวเรือนที่มีลักษณะหักและงุ้มลงมา ซึ่งช่วยทำให้รับกับข้อมือได้เป็นอย่างดี
อีกประเด็นที่ผมค่อนข้างชอบ Samurai คือ การมีแค่ Date ไม่มี Day มากวนใจ เพราะตามปกติแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ชอบตั้งวันที่ และมักจะค่อนข้างหงุดหงิดนิดหน่อยกับพวกนาฬิกา Day/Date ที่มันชวนให้วุ่นวายใจในการที่จะต้องมานั่งปรับ ดังนั้นถ้าเป็นแบบ No Date จะถูกใจผมที่สุด แต่ถ้าหาไม่ได้ แค่ Date ย่างเดียวก็โอเคแล้ว และนั่นส่งผลต่อการเลือกกลไกเข้ามาประจำการ ซึ่งก็เป็น 4R35 ซึ่งเป็นแบบ Date ไม่ใช่ 4R36 ที่มีทั้ง Day/Date เหมือนกับเต่า
อย่าถามผมนะว่ามันเที่ยงตรงหรือมีความคลาดเคลื่อนมากน้อยขนาดไหน เอาเป็นว่าประเด็นนี้สำหรับผมไม่ใช่จุดหลักในการตัดสินใจซื้อนาฬิกาสักเรือนมากเท่ากับหน้าตา และความรู้สึก จะเดินช้าเดินเร็วสักหน่อย ถ้าอยู่ในเกณฑ์ที่ผมรับได้ ผมมักจะปล่อยผ่านมันไป แต่สัญญาว่าถ้ามีเวลาจะเอาลองเทียบกับนาฬิกาพวก Chronometer ที่อยู่ในกรุให้ในวันหลังก็แล้วกันครับ
การใช้กลไก 4R35 ก็ย่อมหมายความว่า นาฬิกาเรือนนี้สามารถสำรองพลังงานได้ 41 ชั่วโมง ซึ่งสำหรับผมถือว่าน้อยไปนิด (แต่ทำไงได้เพราะนี่คือเครื่อง Base สำหรับนาฬิการาคาไม่หลักพันถึงหลักหมื่นต้นๆ ของ Seiko) เพราะถ้าคุณงานเสร็จวันศุกร์ถอดวางเอาไว้แล้ว มันจะไม่สามารถเคลื่อนตัวผ่านวันหยุด 2 วันเสาร์-อาทิตย์ได้เลย นอกจากจะหยิบมาสวมวันใดวันหนึ่งเพื่อเติมพลังลงในกระปุกลานเพิ่มเข้าไป ส่วนอีก 2 สิ่งที่ต่างจากรุ่นเดิม คือ ในรุ่นใหม่สามารถ Hack เข็มวินาทีได้ ซึ่ง Samurai รุ่นเก่าทำไม่ได้ เช่นเดียวกับการขึ้นลานด้วยมือ
ในแง่ของสายเหล็กที่ให้มาด้วย ถือว่าค่อยสมฐานะกับค่าตัว 19,000 บาทหน่อย เพราะหลังจากที่เคยบ่นเจ้า SRPA73K1 เพราะความก๋องแก๋งของสาย แต่กับ Samurai รู้สึกได้ถึงความแน่นหนา และน้ำหนักที่รับรู้ได้เวลาอยู่บนมือ
ส่วนเรื่องที่ไม่ชอบใจเท่าไรคือ การบอกว่าเป็น Limited Edition แต่ไม่รันตัวเลข ซึ่ง 6,000 เรือนของแต่ละรุ่นคือการผลิตออกมาขายในคอลเล็กชั่นนี้ และบ้านเราได้โควตามาประมาณ 700 เรือน แต่ที่ผมขัดใจคือ ถ้าคิดจะใช้คำว่า LE แปะอยู่ข้างในฝากล่อง และสลัดกอยู่บนฝาหลังแบบทึบ มันน่าจะมีการรันตัวเลขซะหน่อย ถ้าไม่คิดที่จะทำเช่นนี้ก็ใช้คำว่า SE หรือ Special Edition เหมือนพวก PADI ไปซะเถอะ…ไม่ใช่ว่าบ้าตัวเลขนะ แต่มันแค่ดูแล้วผิดหลักการไปนิดนึงเท่านั้นเอง
19,000 บาทคือราคาตามป้าย ซึ่งตอนที่เปิดตัวใหม่ๆ ในไทยมีโปรโมชั่นร่วม 20% และถ้าคุณมีคะแนนบัตรด้วยแล้ว ค่าตัวอาจจะดรอปลงมาถึงระดับ 13,000 บาทต้นๆ ซึ่งถือว่าคุ้มค่าพอสมควรกับการรีเทิร์นของ Samurai ส่วนเรื่องของการเป็น Limited Edition ผมว่าลืมๆ มันไปเถอะไม่ได้เป็นประเด็นที่น่าสนใจอะไรเลย
คุณสมบัติของ : Seiko Prospex SRPB09 ‘Blue Lagoon’
- เส้นผ่าศูนย์กลาง : 43.8 มิลลิเมตร (ไม่รวมเม็ดมะยม)
- ความหนา : 13.5 มิลลิเมตร
- Lug-to-Lug : 48.3 มิลลิเมตร
- ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
- กันน้ำ : 200 เมตร
- กระจก : Hardlex
- กลไก : 4R35B ทับทิม 24 เม็ด หน้าต่าง Date ตรง 4 นาฬิกา
- สำรองพลังงาน : 41 ชั่วโมงตามสเป็ก
- ความถี่ : 21,600 Bph
- จุดเด่น : การกลับมาชอง Samurai หน้าปัดให้สีที่สวย ขอบ Bezel มีเอกลักษณ์
- จุดด้อย : ชุดเข็มที่ไม่ลงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเก่า ลิมิเต็ด เอดิชั่นแต่ดันไม่มีเลขกำกับ การสำรองพลังงานของกลไกที่ต่ำไปหน่อย
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/