สำหรับผมนี่คือหนึ่งในนาฬิกาตระกูล Tuna ที่สวยและมีเอกลักษณ์ แต่ประเด็นคือ ทุกคนจะคิดแบบเดียวกับผมหรือเปล่า ?
Seiko Prospex SRPA79K1 : Passion ต้องมาก่อน
เมื่อสักเกือบ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่ Seiko แนะนำนาฬิกาตระกูลบิ๊กเบิ้มที่ถูกส่งออกมาทำตลาดในช่วงครบรอบ 50 ปีของการผลิตนาฬิกาดำน้ำ ผมคนหนึ่งแหล่ะที่เดินไปที่เคาน์เตอร์พร้อมกับหวดเจ้าดำ-แดงติดมือกลับมา ก่อนสร้างสถิติใหม่ของตัวเองกับการขายทิ้งไปในอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ ด้วยเหตุผลที่ว่าทั้งใหญ่และหนัก แถมสายยางก็ย้วยใส่ไม่สบายมือเลย มาปีนี้เหมือนกับ Deja Vu ชัดๆ เมื่อนาฬิกาตระกูลนี้กลับมาอีกครั้ง ผมก็เดินไปที่เคาน์เตอร์เดิม พร้อมกับสอยเจ้า Seiko Prospex SRPA79K1 ติดมือกลับบ้าน เพียงแต่คราวนี้กลับยิ้มอย่างพอใจ และไม่มีความคิดที่จะตัดสัมพันธ์อย่างรวดเร็วเกิดขึ้นในหัวเหมือนกับครั้งก่อน
นอกจากการเกิดมาเพื่อคอลเล็กชั่นฉลอง 50 ปีในตอนนั้น ดูเหมือนว่าเจ้าทูน่า บิ๊กเบิ้มที่ใครๆ ก็เรียกว่าทูน่า 50 ปี ยังไม่มีเวอร์ชันปกติของตัวเองออกมาเลย นอกจากรุ่นพิเศษอย่าง Zimbe เวอร์ชัน 3 ที่มีการดัดแปลงเข็มกับหน้าปัดใหม่ จนกระทั่งมาถึงเมื่อต้นปีนี้ ทาง Seiko เปิดตัวออกมาพร้อมกันทีเดียว 3 รุ่นปกติ กับอีก 1 รุ่นพิเศษ นั่นคือ รหัส SRPA81 เรือนดำล้วนสายยาง SRPA82 เรือนดำทองสายยาง และ SRPA79 เรือนเหล็ก ส่วนที่ว่ารุ่นพิเศษคือ PADI สุดอื้อฉาว Special Editoin เอ๊ย Edition ที่ฝาหลังพิมพ์ผิดในรหัส SRPA83
ตอนแรกที่เห็น บอกคำเดียวว่า สะดุดตามา และจริงๆ แล้วผมชอบเจ้าเรือนดำล้วนอย่างมาก แต่เมื่อมองกลับไปกรุของตัวเองที่มี Emperor Tuna อยู่แล้ว เพื่อความหลากหลาย ก็เลยจำใจตัดเจ้านี่ออกไป ส่วนดำ-ทอง ก็มี Baby Tuna รหัส RP641K1 อยู่แล้ว ก็เลยโดนกาทิ้งเช่นกัน สุดท้ายก็เลยมาลงที่เจ้าสายเหล็ก ด้วยเหตุผลที่ว่าสามารถหาสายหนังสวยๆ มาเปลี่ยนแล้วน่าจะดูดีที่สุด แม้ว่าค่าตัวของมันจะแพงที่สุดในกลุ่มก็ตาม
กับราคาที่ยังไม่หักส่วนลดในระดับ 26,300 บาท ผมว่าน่าจะทำให้ใครหลายคนสะดุดและสะอึกได้เหมือนกัน เพราะด้วยราคานี้ คุณสามารถมองหาทางเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบทั้งของ Seiko เอง หรือจะหันไปทางสาวฝรั่งก็ได้ แม้ว่าจะผ่านมือใครต่อใครมาแล้วก็ตาม ซึ่งในความคิดของใครหลายคนอาจจะดูแล้วมีความคุ้มค่าเงินมากกว่า แต่กับผมคำแนะนำนี้คงใช้ไม่ได้ เพราะตามปกติแล้ว ผมมักจะบอกกับตัวเองเสมอว่า เวลาทำอะไรต้องมี ‘Passion’ และนั่นรวมถึงการให้ความเคารพต่อ ‘Passion’ ของคนอื่น เวลาที่เขาทำอะไรซึ่งแตกต่างจากเรา
ดังนั้น ตอนที่ผมหิ้วเจ้า Seiko Prospex SRPA79K1 เดินเข้ามาที่วงสนทนาของบรรดาเพื่อนสนิท ทุกคนขอดูอย่างชื่นชม และไม่มีใครเลยที่จะตั้งคำถามแบบไม่รู้จะตอบอย่างไรว่า ‘ราคาขนาดนี้ ทำไมไม่หานาฬิกาสวิสส์มือสองไม่ดีกว่าหรือ’ ซึ่งถ้าสนิทกันแล้วดันมาถามแบบนี้ ผมคงบอกว่า ‘เรื่องของกู’ แต่ถ้าเป็นคนอื่นถาม ผมคงได้แต่ยิ้มแล้วก็บอกว่า ‘ก็ผมชอบแบบนี้นี่หน่า’
นาฬิกาไม่ใช่เครื่องบอกเวลา แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับตัวคุณ ดังนั้นเวลาผมจะเลือกนาฬิกาสักเรือน ผมจะเอาความชอบของตัวเองเป็นหลักเสมอ เรื่องเลือดสาดหรือขายต่อลำบากช่างมันเถอะ ดังนั้นเสียงจากกองเชียร์รอบข้างมักจะไม่มีผลอะไรต่อการตัดสินใจของผม นอกเสียจากว่าเสียงเชียร์นั้นตรงกับการตัดสินใจของผมพอดี
กับเรือนนี้ก็เช่นเดียวกัน…
มีอยู่สองสามอย่างที่ผมค่อนข้างชอบเกี่ยวกับ Seiko Prospex SRPA79K1 อย่างแรกคือชุดเข็ม ทั้งเข็มชั่วโมงทรงหัวลูกศร เข็มนาทีแบบทรงดาบ และวินาทีที่เป็นแบบอมยิ้ม หรือ Loliipop ซึ่งมีการออกแบบใหม่ได้อย่างลงตัวและแม้ว่าหลายคนจะบอกว่าเป็นทรงที่ทื่อไปหน่อยโดยเฉพาะเข็มนาที แต่ผมกลับไม่เห็นด้วยนะ อย่างที่สอง คือ การออกแบบตัวเรือนในลักษณะที่ด้านล่างมีขอบโค้งเหมือนกับให้รับกับข้อมือของคนใส่ ซึ่งช่วยทำให้ใส่ง่ายขึ้น ไม่ดูหนาเทอะทะจนเกินไป
และสุดท้าย คือ ขนาดตัวเรือนแบบขายื่นออกมาเล็กน้อย ทำให้นาฬิกาที่แม้ว่าจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางแบบไม่รวมเม็ดมะยมในระดับ 52 มิลลิเมตร แต่ด้วยการที่มันเป็นทรงกลมแบบเดียวกับ Tuna Can ทำให้แทบจะไม่มีผลอะไรในเรื่องของการล้นข้อมือเลยถ้าคุณมีระดับข้อมือประมาณ 6.5 นิ้วขึ้นไป ส่วนความหนา 14 มิลลิเมตรก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกใหญ่เกินไปแต่อย่างใด แถม Bezel เป็น Stainless ยังสะดวกในการดูแล และไม่ต้องกังวลเรื่องรอยที่จะเกิดขึ้นมากเท่ากับพวกขอบฟิล์ม หรือรมดำมา โดย Bezel หมุนแบบทางเดียว และนุ่มมือไม่ฝืดจนเกินไป ส่วนการเว้าช่องตรงช่วงเกราะในระหว่าง 0-3 นาฬิกา กับ 6-9 นาฬิกา ยังช่วยให้เพิ่มความสะดวกในการหมุน Bezel
สำหรับตัวเกราะหรือ Shroud ที่เคยเป็นประเด็นถกเถียงกันมาเมื่อ 3 ปีที่แล้วว่ามันทำมาจากวัสดุอะไรกันแน่ บ้างก็ว่าเป็นพลาสติก บ้างก็ว่าเป็นเซรามิก แต่จริงๆ แล้วมันทำมาจาก Stainless Steel และเคลือบผิวด้วยเซรามิก ซึ่งถ้าเป็นเซรามิกจริงๆ เหมือน Tuna1000m ราคาคงไม่ใช่อย่างนี้แน่นอน ส่วนใครที่สงสัยเรื่องความทนทาน บอกเลยก็ได้ว่า ชนแล้วมีรอยแน่นอน เพราะผมเทสต์การปะทะมาให้แล้ว (น้ำตาจะไหล)
อีกความชอบที่สัมผัสได้กับเจ้าทูน่ากระป๋องใหญ่นี้คือ เสียงของโรเตอร์ที่เหวี่ยงในขณะที่เก็บลานจากจังหวะที่คุณสะบัดข้อมือนั้นแทบไม่มีให้ได้ยินเลย เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับนาฬิกาที่ใช้กลไก 4R36 รุ่นอื่นๆ อย่าง Baby Tuna หรือ Samurai แล้ว คุณจะได้ยินอย่างชัดเจน หรือว่านี่จะคือความต่างที่ทำให้มันมีราคาแพงกว่าเพื่อนๆ ที่ใช้กลไกแบบเดียวกัน
เอาละเขียนมาถึงตรงนี้ คงคิดว่าผมหลงเจ้านี่เต็มที่แล้วใช้ไหม จริงๆ แล้วมันก็มีจุดที่ผมไม่ชอบเหมือนกัน นั่นคือน้ำหนัก และด้วยการที่เป็นเหล็กทั้งตัวเรือนและสาย แน่นอนว่าน้ำหนักของ Seiko Prospex SRPA79K1 ไม่ธรรมดาแน่นอน ร่วมๆ 2 ขีด ดังนั้นถ้าไม่อยากเมื่อยข้อมือทางออกคือ ต้องหาสายใหม่มาทดแทนจะดีกว่า
แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ค่อยอยากแนะนำสายยางของรุ่นเดียวกัน เพราะด้วยตัวเรือนที่ค่อนข้างหนัก และสายยางรุ่นใหม่ๆ ของ Seiko ที่เน้นความนุ่ม ทำให้คุณต้องรัดแน่นหน่อยถ้าไม่อยากให้นาฬิกาห้อยไปข้างใดข้างหนึ่ง ผลคือ ใส่แล้วไม่สบายเพราะแน่น และปลายสายที่โผล่ออกมามากเกินไป ทำให้ไม่สวย ยกเว้นคุณจะมีข้อมือใหญ่เกิน 7.5 นิ้ว ก็จะไม่มีปัญหาในเรื่องประการหลัง
ตามด้วยเรื่องหน้าปัด ซึ่งตรงหลัก 12-6-9 จะมีมาร์กเกอร์ที่เป็นสามเหลี่ยม พร้อมกับติ่งที่ยื่นเข้ามาตรงกลางหน้าปัด ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละว่าทำไมไอ้ติ่งนี้มันไม่อยู่ตรงกลางตรงยอดสามเหลี่ยม แต่ดันเอียงออกทางด้านข้าง ตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นเฉพาะผมเรือนเดียว แต่เมื่อดูจากรุ่นอื่นๆ ที่อยู่ในตู้โชว์ก็พบว่ามันเป็นเหมือนกัน ก็เลยไม่รู้ว่าเป็นดีไซน์ใหม่ที่ผมไม่รู้ หรือเป็นความไม่ละเอียดในการผลิตเหมือนกับรุ่นฉลอง 50 ปีที่บางเรือนเวลาอยู่ 6 นาฬิกาแล้วเข็มชั่วโมงกับนาทีไม่ตรงหลัก
เหมือนอย่างเคยที่ผมเคยบ่นไปก่อนหน้านี้ในหลายๆ รีวิวของนาฬิกาที่ใช้กลไก 4R35 หรือ 4R36 กับการที่มีความสามารถในการสำรองพลังงานได้เพียง 41 ชั่วโมง ดังนั้น ใครที่มีนาฬิกาเรือนเดียวและเป็นพวกชอบเป๊ะกับนาฬิกาที่ทั้ง Day และ Date จะต้องตรงตามความจริง ยังไงในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ถ้าไม่ได้เดินทางออกไปข้างนอก คุณต้องหาสักวันหยิบมาใส่หรือเขย่าเพื่อให้มันผ่านพ้นช่วงวันหยุดไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องมาเสียเวลาตั้งกันใหม่อีกรอบ แต่ถ้ามีหลายเรือน สลับกันใส่ และไม่สนใจเรื่องความเป๊ะของ Day/Date นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรแต่อย่างใด
ส่วนอีกเรื่องคือ ราคา ตรงนี้ผมถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน เพราะกับราคาตั้งหน้าเคาน์เตอร์ 26,300 บาท แพงกว่า Sumo ที่มีระดับตลาดสูงกว่าเสียอีก อาจทำให้หลายคนลังเลในเรื่องความคุ้มค่าของเจ้านี่ เพราะหลังหักส่วนลดสัก 30-40% ที่หาได้จากร้านข้างนอก ยังไงค่าตัวมันก็ยังอยู่หมื่นกลางๆ อยู่ดี
ดังนั้น คำตอบที่ผมให้ได้คงมีแค่เรื่องของ Passion เท่านั้นที่จะทำให้คุณผ่านจุดนี้ไปได้ และจงเลือกนาฬิกาที่คุณชอบ ไม่ใช่คนอื่นชอบ เพราะถึงจะสเปกดีกว่า ระดับตลาดดีกว่า หรือขายต่อดีกว่า แต่ถ้าคุณไม่ได้ชอบ สุดท้ายมันก็เหมือนกับฝืนๆ ใส่กันไป ดูแล้วมันไม่ค่อยแบบเต็มที่ยังไงก็ไม่รู้.,..หรือผมจะคิดมากเกินไป ?
คุณสมบัติของ : Seiko Prospex SRPA79K1
- ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง : 52 มิลลิเมตร
- Lug-to-Lug : 54 มิลลิเมตร
- หนา : 14 มิลลิเมตร
- ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
- กระจก : Hardlex
- ระดับการกันน้ำ : 200 เมตร
- กลไก : 4R36 Day/Date แฮ็คเข็มวินาที ขึ้นลานมือได้
- ความถี่ : 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง
- จุดเด่น : สวย ขนาดใหญ่สะใจแต่ไม่ล้นข้อมือ
- จุดด้อย : น้ำหนักที่เยอะไปหน่อย ราคาแพง
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/