Seiko Prospex SRP779K1 : กลับมาใหม่ ไฉไลกว่าเดิม

0

ลองจินตนาการดูว่าคุณกำลังดำเงินสัก 8,000 บาทอยู่ในมือ แต่ดันมีความต้องการที่เรื่องมากแบบสุดๆ ชนิดเกินระดับเงินที่กำอยู่ในมือ คือ ต้องการนาฬิกาดำน้ำไม่ต้องลึกมาก แค่ทนในระดับเทียบเท่า 200 เมตร กลไกอัตโนมัติ สายเหล็กหรือยางก็ไม่เกี่ยง แต่ขนาดเกิน 42 มิลลิเมตร เป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ หน้าตาและดีไซน์สวย ที่สำคัญคือ มี Heritage ใครจะมีนาฬิกาที่จะผุดขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรกในใจผมไม่รู้ แต่สำหรับผม มันคือ Seiko Prospex SRP773-777-779 หรือที่เรารู้จักกันในอีกชื่อว่า Turtle Re-Issue

Seiko Prospex SRP779K1 : กลับมาใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
Seiko Prospex SRP779K1 : กลับมาใหม่ ไฉไลกว่าเดิม

Seiko Prospex SRP779K1 : กลับมาใหม่ ไฉไลกว่าเดิม

- Advertisement -

หลายคนอาจจะง้างปากกับเจ้า Seiko Prospex SRP779K1 และเตรียมเถียงผมละว่ามันจะมีค่าตัว 8,000 บาทได้อย่างไรละพี่ ตามป้ายที่เห็นหน้าเคาน์เตอร์มันก็หมื่นกลางๆ ทั้งนั้น ลดยังไงก็ไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท

จริงๆ แล้วผมกำลังจะบอกว่าการยกตัวอย่างนี้ขึ้นมา คือการอ้างอิงจากของใหม่ที่ผมสามารถหาได้ในตลาดโดยไม่เกี่ยงว่าจะต้องเดินไปซื้อหน้าตู้เพียงอย่างเดียว เพราะถ้าคุณอยู่ในกลุ่มของ Seiko มาสักระดับหนึ่งจะพบว่า Turtle Re-Issue ณ ช่วงนี้ ราคาหล่นอย่างน่าใจหาย เรียกว่าพวก 3 สีแรก อย่าง ดำ-SRP777 เป๊บซี่-SRP775 และฟ้า-SRP773 สามารถหาได้ในระดับประมาณนี้เลย นี่ยังไม่นับรวม PADI ที่หลายคนต้องยืนกอดอกหนาวยะเยือกเพราะอยู่บนดอยหลังจากที่สอยเป็นรายแรกๆ และตอนนี้ราคาหล่นลงมาอยู่ระดับหมื่นค่อนมาทางกลางๆ

ผมคงไม่ไปนั่งควานหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในฐานะที่คนซื้อมาใส่ใช้งาน ไม่ใช่พ่อค้า นี่คือ โอกาสที่โคตรดีแบบสุดๆ ของผม เพราะก่อนหน้านี้ผมเคยซื้อตัวหน้าน้ำเงิน  SRP773 สายเหล็ก ราคาไม่ใช่ตัวเลขนี้ อย่างน้อยกำแบงค์พัน 10 ใบไปแลกก็มีทอนกลับมาอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง และการหาเต่าตัวที่ 2 มาครอบครองในบรรดา 3 สีแรกที่เปิดตัวออกมา ซึ่งสามารถหาในราคานี้ได้ ผมลังเลอยู่นานระหว่างดำ กับเป๊บซี่

สุดท้าย ก็เลยตัดสินใจเลือกเอาตัวเลือกหลัง ด้วยเหตุผลที่ว่าชอบขอบ Bezel ที่เล่นสีน้ำเงินแดงมากกว่าดำล้วน แม้ว่าตัวเต่าดำจะดูแล้วคลาสสิคมากๆ (เอาไว้มีหยอดกระปุกอีกสักหน่อย อาจจะตามเก็บเข้ามาในกรุ)

สำหรับคนที่ตามนาฬิกาดำน้ำของ Seiko มานาน อาจจะไม่ต้องย้อนกลับไปถึงยุคดั้งเดิมในปี 1965 หรอก นอกจากพวกมีเกราะอย่างทูน่าแล้ว พวกมีปีก (เพราะขอบตัวเรือนจะบานออก) คล้ายกระดองเต่า ถือเป็นอีกเอกลักษณ์ของนาฬิกาตระกูลนี้ ซึ่งโด่งดังและขึ้นทำเนียบคลาสสิคแบบสุดๆ คือ 6105 หรือเจ้า UFO เรือนที่อยู่บนข้อมือของ Martin Sheen ในภาพยนตร์เรื่อง Apocalypse Now ในขณะที่ผู้สานต่อเจตนารมย์อย่าง 6309/6306 ที่ถูกเรียกว่า The Turtle เรือนแรกก็ไปได้สวยในระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับ SKX007/009 ซึ่งถือเป็น Diver Watch 200m ราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋า

จริงๆ ผมอยากจะแนะนำ SKX007/009 ด้วยซ้ำเพราะค่าตัวประหยัดได้อีกเยอะ แต่เคยลองมาแล้วกลับไม่ชอบ เพราะด้วยตัวเรือนไซส์ 42 มิลลิเมตร แถมขาสั้นด้วยแถมในช่วงที่ลองคือยุคที่เทรนด์นาฬิกาเรือนใหญ่มาแรง ก็เลยปัดตัวเลือกนี้ตกไป แต่เอาเป็นว่าถ้าข้อมือคุณเล็กและลองกับเต่าแล้วไม่เวิร์ค ค่อยหันมามองก็แล้วกัน

อย่างที่บอกในช่วงแรกของ Turtle Re-Issue กับกลุ่มคนเล่นในเมืองไทยค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดี เรียกว่ามาตั้งเป๊บเดียวเป็นหาย และในร้านออนไลน์ขึ้น Sold Out เป็นแถว โดยเฉพาะตัวคลาสสิคอย่าง SRP775 และ SRP777 แต่กับตอนนี้สถานการณ์กลับกัน นี่คือนาฬิกาที่ถ้าคุณมีงบฯ ในระดับ 7,000-8,000 บาทสามารถหาซื้อหาได้โดยยังพอมีเงินเหลือในระเป๋า (ส่วนจะเหลือมากหรือน้อยคุณอยู่กับจังหวะและโอกาส)

สิ่งที่ผมค่อนข้างชอบมากสำหรับนาฬิการุ่นนี้คือ ความเป็นนาฬิกาหลักพัน แต่ความรู้สึกที่ได้สัมผัสมันสุดคุ้ม มีทั้งตำนาน รูปทรงสุดคลาสสิคที่ถูกขยายมาจนมี Diameter ในระดับ 44 มิลลิเมตร ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขแล้วค่อนข้างโอเค

สำหรับคนข้อมือ 7 นิ้ว แต่ด้วยความที่มันเป็นนาฬิกาขาสั้น ชนิดเรียกว่าขาแทบไม่โผล่เลย อาจจะทำให้คุณรู้สึกแปลกๆ ได้ตอนทาบข้อ แต่การใช้สายยางเดิมของ Seiko ที่มีการออกแบบข้อย่นสำหรับใช้กับ Wet Suit อันนี้พอช่วยทำให้นาฬิกาดูลงตัวขึ้นบนข้อมือ และไม่เล็กเกินไปได้

เต่ากลับมาเป็นหนึ่งในไลน์อัพ Prospex ที่มีตัวอักษร X อยู่ตรงกลางหน้าปัด ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ชอบ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ถึงกับเป็นปัญหาสักเท่าไร ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อมองในแง่ภาพรวมทั้งหมด ส่วนที่เม็ดมะยมซึ่งในบางรุ่นมีการสกรีนโลโก้นี้ลงไปด้วย แต่สำหรับเต่าไม่มีให้กวนใจ

ตัว Bezel ยึดแบบแถบแดง-น้ำเงินเหมือนกับนาฬิกาดำน้ำหลายๆ เรือนซึ่งช่วยให้สังเกตได้ง่ายเวลาใช้งาน เพราะแถบแดงจะยาวต่อเนื่องมาจนถึงหลักนาทีที่ 20 ตัว Bezel ออกแบบขอบให้จับกระชับมือ หมุนทางเดียวและมีจำนวน 120 คลิ๊ก

ชุดเข็มออกแบบมาเพื่อเต่าโดยเฉพาะ มีเอกลักษณ์ และในรุ่นใหม่ๆ บางรุ่น เช่นตัว Coke กับ Batman จะมีการเล่นแถบสีตรงเข็มนาทีสอดคล้องกับแถบ 20 นาทีแรกบน Bezel เพื่อสร้างความสวยงามและง่ายต่อการใช้งานสำหรับคนที่ต้องการจับเวลา ซึ่งส่วนตัวผมว่าถ้าคิดจะเล่นอย่างนี้น่าจะกล้าๆ ทำให้สีให้เด่นขึ้นมาเลยเหมือนกับพวก Autozilla หรือ Omega Seamaster Ploprof อาจจะเข้าท่ากว่า ส่วนที่ชอบจริงๆ บนชุดเข็ม เห็นจะหนีไม่พ้นเจ้าอมยิ้ม Lollipop ที่ติดอยู่ตรงปลายเข็มวินาที ซึ่งไม่รู้สิว่าทำไมผมถึงหลงไหลกับชุดเข็มสไตล์นี้

กับตัวเรือนที่มีความหนา 14 มิลลเมตร อาจจะเยอะไปนิดสำหรับงานที่เป็นทางการถึงขั้นสวมสูท แต่ถ้าคุณลองหาสายหนังสวยๆ ไซส์ 22/20 แบบปลายเรียวมาเปลี่ยนอารมณ์ หรืออาจจะเป็นนาโต้เท่ๆ สักเส้น ก็เปลี่ยนลุ๊คของคุณในชุดสูทได้เลย

สิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบอย่างแรงเห็นจะเป็นการใช้ตัวรัดสายที่เป็นโลหะ ซึ่งมักจะสร้างความรำคาญเสมอเวลาใส่ เพราะมันจะชอบไหลลงไปชนกับบัคเคิล ขณะที่กำลังจะนำนาฬิกาออกจากกล่องหรือกำลังจะขึ้นข้อมือ และเวลาที่จะเก็บนาฬิกา ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยในแง่ของการรั้งสายเอาไว้ไม่ให้ลื่นได้เลย (ปกติผมจะชอบรัดกับหมอนแบบไม่ต้องเข้ารู้กับบัคเคิล) และเป็นปัญหาเดียวกับที่ผมเจอจากพวกพี่ใหญ่อย่าง Darth Tuna หรือ Emperor Tuna แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ลงทุนอีกสักพันนิดๆ แล้วหาสายทดแทนขนาด 22 มิลลิเมตรมาใช้ก็ได้

สำหรับกลไกที่เป็นอัตโนมัติ ในรุ่นนี้มีการใช้รหัส 4R36 ที่มีทั้ง Day/Date มาให้ครบ ซึ่งถือเป็นกลไกสหกรณ์ ณ ตอนนี้ที่ใช้ในแทบจะทุกรุ่นของ Seiko ดังนั้นหมดห่วงเรื่องอะไหล่และการซ่อมบำรุง แต่เสียอย่างเดียวอย่างที่เคยรีวิวมาแล้วก่อนหน้านี้คือ การสำรองพลังงานน้อยไปหน่อย แค่ 41 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้พวกอยู่ติดบ้าน และมีนาฬิกาเรือนเดียวอย่างผม อาจจะต้องตื่นขึ้นมาในเช้าวันจันทร์เพื่อตั้งวันที่และเวลากันใหม่เพราะมันไม่พอที่จะข้ามเสาร์-อาทิตย์ได้

ในแง่ของการใช้งานด้วยความที่เป็น Diver Watch ที่มีมาตรฐานกันน้ำ 200 เมตร แสดงว่า เจ้าเต่าจะต้องผ่านมาตรฐานการทดสอบตาม ISO6245 มาได้ ดังนั้น คุณสามารถใช้งานมันได้อย่างเต็มที่ในการกระโจนลงสระหรือใส่ดำผุดดำว่ายในน้ำอย่างมั่นใจกว่านาฬิกาปกติที่เขียนว่า WR200m

กลับมาถึงคำถามข้างบนแม้ว่าจะมีเต่าอยู่ในกรุแล้ว แต่ถ้าถูกถามด้วยคำถามนี้อีกครั้ง ผมก็คงพูดคำตอบเดิมออกมา เพราะด้วยค่าตัวที่ไม่แรงเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับคุณสมบัติที่ร่ายออกมายาวเหยียด มันทำให้ผมตัดสินใจลำบากที่จะมองหานาฬิกาที่ต่างแค่ดีไซน์แต่มีราคาใกล้เคียงกัน…เอาเป็นว่าถ้าสะสมครบทุกสีแล้วค่อยมาถามใหม่ก็แล้วกัน

คุณสมบัติของ : Seiko Prospex SRP779K1

  • ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง : 44 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 14 มิลลิเมตร
  • Lug-to-Lug : 48 มิลลิเมตรโดยประมาณ
  • ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
  • กระจก : Hardlex
  • ระดับการกันน้ำ : 200 เมตร
  • กลไก : อัตโนมัติ 4R36 Day/Date
  • จำนวนทับทิม : 25 เม็ด
  • ความถี่ : 21,600 bph
  • จุดเด่น : ราคาไม่แรง มี Heritage ดีไซน์มีเอกลักษณ์
  • จุดด้อย : ตัวรัดสายเป็นเหล็ก (ความไม่ชอบส่วนตัว) ขาสายสั้น ตอนทาบข้อมือ แล้วดูไม่ค่อยเต็มข้อเท่าไร

Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/