Seiko Prospex SBDC029 ‘Shogun’ คุ้มไหมกับค่าตัวเฉียด 30K

0

กับค่าตัวที่เราสามารถหาได้ตามสื่อออนไลน์ในระดับบวกลบ 30,000 บาท แม้ว่าหน้าตาของ Seiko Prospex  SBDC029 หรือ Shogun จะดูโอเค และใช้วัสดุอย่างไทเทเนียม แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เราไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไร จนเกิดที่มาของคำถามว่า กับค่าตัวระดับนี้ มันคุ้มค่าไหม ?

Seiko Prospex SBDC029 ‘Shogun’ คุ้มไหมกับค่าตัวเฉียด 30K

Seiko Prospex SBDC029 ‘Shogun’ คุ้มไหมกับค่าตัวเฉียด 30K

- Advertisement -

ปัญหาหนึ่งที่ผมเจอมาตลอดและคิดว่าหลายคนน่าจะเป็นเหมือนกันคือ ถ้ามีเงินอยู่ในระดับ 2 หมื่นแก่ๆ ค่อนข้างมาทาง 3 หมื่นบาท เราจะไปทางไหนดี ? เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเงินจำนวนนี้ มันน้อยไปนิดสำหรับการไปตามฝัน เดินทางไปหาสาวสวยๆ ถึงสวิตเซอร์แลนด์ แต่ถ้ากับสาวญี่ปุ่นที่ดูดีมีระดับ มันก็ยังพอไหวนะ และมีทางเลือกอย่าง Seiko Shogun หรือ Seiko Prospex SBDC029 รออยู่ เพียงแต่คำถามที่เกิดขึ้นคือ มันคุ้มค่าไหม ?

SBDC029 หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ Shogun เป็นหนึ่งในกลุ่มนาฬิกา Prospex แบบ Up-Level ของกลไก 6R15 ที่มีระดับราคาตั้งตามป้ายมากกว่า 100,000 เยนขึ้นไป ซึ่งเมื่อก่อนนาฬิกาในกลุ่มนี้มีไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่พักหลังในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Seiko เพิ่มทางเลือกให้กับนาฬิกาในกลุ่มนี้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนหนึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นความพยายามในการแชร์ส่วนแบ่งจากนาฬิกาสวิสส์ในกลุ่ม Entry-Level อย่าง Mido Oris หรือ Hamilton

จริงๆ แล้ว Shogun ที่ขายในบ้านเรานั้น ราคาป้ายอยู่ในระดับ 40,000 กว่าบาท แต่เมื่อหักลบส่วนลดจากเคาน์เตอร์แล้ว ราคาของ Shogun ที่จำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายก็น่าจะอยู่ในระดับบวกลบ 3 หมื่นบาท ขณะที่ตัวเลข 2หมื่นปลายๆ ที่ผมยกขึ้นมานั้นหมายถึงราคาที่เราสามารถหาได้จากของหิ้วที่มีขายอยู่ตามกลุ่ม facebook และนั่นคือที่มาของราคาที่ผมยกมาใช้ในการอ้างอิง

ก่อนหน้านี้ Shogun มีขายอยู่แล้วกับรหัส SBDC007 และหลังจากปี 2016 เป็นต้นมาพวกเขาจัดการปรับโฉม และเปลี่ยนหน้าปัดใหม่ด้วยการถอดคำว่า Scuba ออกไป พร้อมกับการปรับฟอนต์ของคำว่า Automatic จากการใช้ตัวเขียนมาเป็นตัวพิมพ์ปกติ และเพิ่มโลโก้ Prospex เข้าไปบนหน้าปัดก่อนวางขายในรหัสใหม่ซึ่งก็คือ SBDC029 ที่เห็นกันอยู่นี้

หลายคนอาจจะสงสัยกับชื่อเล่น Shogun ที่ถูกตั้งให้กับนาฬิการุ่นนี้ ซึ่งเท่าที่ลองสืบสาวตามความเห็นที่มีอยู่ในเว็บไซต์นั้น มีการระบุว่า ในตอนแรกที่นาฬิการุ่นนี้เปิดตัวออกมาในรหัส SBDC007 นั้น หลายคนคิดว่ามันเป็นการเข้ามาทำตลาดแทนที่รุ่น Samurai ที่กำลังเลิกผลิต ดังนั้นเพื่อให้เข้า Theme ของการเป็นอะไรที่เกี่ยวกับนักรบญี่ปุ่น พวกเขาก็เลยเรียกว่า Shogun…อันนี้คือความเห็นแบบไม่เป็นทางการที่ผมหาเจอนะ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าอาจจะเพราะด้วยสเป็กที่เหนือกว่าด้วยก็เลยน่าจะได้ชื่อนี้มาใช้เพื่อบ่งบอกถึงสิ่งที่เหนือกว่านาฬิกาดำน้ำ Prospex รุ่นปกติในตอนนั้น

Seiko Prospex SBDC029 ‘Shogun’ Seiko Prospex SBDC029 ‘Shogun’
Seiko Prospex SBDC029 ‘Shogun’ Seiko Prospex SBDC029 ‘Shogun’
Seiko Prospex SBDC029 ‘Shogun’ Seiko Prospex SBDC029 ‘Shogun’

สำหรับคนที่สะสม Seiko ทั่วไปอาจจะมีความรู้สึกว่านี่คือนาฬิกาที่เป็น Must have อีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันนะ แต่แรงปรารถนาอาจจะไม่รุนแรงเท่า ยอมรับว่า SBDC029 หรือ Shogun มีหน้าตาที่ลงตัวและดูดี แต่ผมกลับมีความรู้สึกว่ามันเป็นนาฬิกาที่ยังดาดๆ ไปหน่อย เรียกว่าดูดี แต่ยังไม่ถึงกับเตะตา อารมณ์เดียวกับที่ผมได้จาก Sumo เลย บางคนอาจจะบอกว่าคลาสสิค โอเค…ผมยอมรับในจุดนั้น แต่มันขาดเสน่ห์ เพราะความเรียบง่ายของมัน ดังนั้นสิ่งที่ทำให้สามารถสะกดเงินออกจากกระเป๋าผม คงจะมีเรื่องเดียวคือ การเป็นไทเทเนียมทั้งตัวเคสกับสาย

ยอมรับนะครับว่ามุมมองของผมกับวัสดุอย่างไทเทเนียม ยังเป็นอะไรที่เทพอยู่ และนั่นทำให้ผมยอมจ่ายโดยไม่รู้สึกว่าแพง ซึ่ง SBDC029 มีการปรับสเป็กจาก SBDC007 เล็กน้อย โดยนอกจากหน้าปัดแล้ว คือ ตัวเรือนและสายนี่แหละที่มีการนำกรรมวิธี DiaShield มาใช้เคลือบผิววัสดุเพื่อให้มีความทนทานต่อการขูดขีด เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ข้อด้อยของไทเทเนียมคือ การเกิดรอยง่าย ดังนั้น การนำวิธี DiaShield มาใช้ก็น่าจะช่วยลดปัญหาในเรื่องนี้ไปได้ แต่อย่าถามนะว่าจริงหรือเปล่า เพราะยังไม่กล้าลอง

การนำไทเทเนียมมาใช้ในการผลิต ทำให้ตัวเรือนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มิลลิเมตรและหนา 13 มิลลิเมตรของ SBDC029 เมื่อรวมกับสายแล้วมีน้ำหนักแค่ 114 กรัม เรียกว่าเบากว่านาฬิกาขนาดเดียวกันแต่ผลิตจากสแตนเลสสีตประมาณ 100  กรัมเลยทีเดียว ตรงนี้สามารถช่วยได้ในเรื่องของการลดภาระที่เกิดขึ้นบนข้อมือเวลาใส่นานๆ และเหมาะกับบางคนที่แพ้สแตนเลส ส่วนขนาดก็กำลังดีและกระชับกับข้อมือไซส์ 7 นิ้วของผม

สิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบนาฬิกาดำน้ำของ Seiko คือ พวกเขาใส่ใจในเรื่องการออกแบบ โดยเฉพาะในแง่ความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งการเจาะรูบนขาสาย เป็นสิ่งที่ผมค่อนข้างชอบมาก เพราะทำให้การเปลี่ยนสายมีความสะดวกและรวดเร็ว แค่เอาไม้จิ้มฟันกดสปริงบาร์ออกมาก็เป็นอันจบ และรูปแบบนี้ก็ใช้กับนาฬิกาดำน้ำเกือบทุกรุ่นของพวกเขาตั้งแต่ Monster ไปจนถึง Tuna Can

ส่วนอีกเรื่องที่ชอบสำหรับ SBDC029 คือ การออกแบบให้ใช้ขาสายที่เหมาะสมกับขนาดของตัวเรือน ซึ่งประเด็นนี้ผมบ่นเสมอเวลาที่พูดถึง Sumo ซึ่งมีความกว้างขาสายเพียง 20 มิลลิเมตร แต่สำหรับ SBDC029 มีขนาด 22 มิลลิเมตร ทำให้ทางเลือกของสายหนังในตลาดมีเยอะขึ้น แต่ถ้าคุณไม่ชอบสายหนังและอยากใส่สายยาง ในชุดของนาฬิการุ่นนี้ก็มีแถมมาให้ด้วยตั้งแต่จากโรงงาน

สำหรับเรื่องของกลไกนั้น ถือว่าไม่มีอะไรที่ต้องพูดถึงมากในแง่ความเป็นมาตรฐาน เพราะกลไก 6R15 ของ Seiko ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าเชื่อใจได้  สำรองพลังงานเยอะในระดับ 50 ชั่วโมง มีความเที่ยงตรงในระดับ -25/+15 วินาทีต่อวัน ส่วนความถี่ในการเดินอยู่ที่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 6 ครั้งต่อวินาที ซึ่งทำให้เข็มวินาทีเดินได้เนียนและลงตัว เพียงแต่ในแง่ของความรู้สึกสำหรับบางคน (รวมถึงตัวผม) อาจจะแปลกๆ ไปหน่อยเพราะจ่ายในระดับนี้ แต่ดันเป็นกลไกแบบเดียวกับนาฬิกาที่มีราคาถูกกว่าร่วม 2 หมื่นบาทอย่าง Sumo

ขณะที่เรื่องของกระจกก็ยังเป็นอะไรที่คาใจอยู่ เพราะในเมื่อเปลี่ยนรหัสรุ่นและเป็นการไมเนอร์เชนจ์แล้ว ผมคิดว่า Seiko น่าจะอัพเกรดกระจกจาก Hardlex มาเป็น Sapphire ได้แล้ว เพราะนาฬิกาในกลุ่มนี้ของ Seiko ที่เปิดตัวตามหลังส่วนใหญ่จะใช้กระจก Sapphire กันหมดแล้ว

นอกจากนั้นอีกสิ่งที่ผมรู้สึกแปลกๆ คือ เรื่องของการใช้ชุดเข็มชั่วโมงและนาที ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยชอบเข็มชั่วโมงแบบหัวลูกศรและมีขีดกลางของ Seiko อยู่แล้ว แต่เมื่อนั่งพิจารณาให้ดีๆ แล้วดูเหมือน Seiko จะเล่นง่ายไปหน่อย (อีกแล้ว) กับการจับแพะชนแกะ เพราะถ้าผมตาไม่ฝาด มีความรู้สึกว่าเข็มชั่วโมงกับนาทีนั้นคล้ายกับ Monster และ Baby Tuna ไป หน่อย ขณะที่เข็มวินาทีนั้นน่าจะยกมาจาก Sumo เลย มันก็เลยทำให้เกิดความรู้สึกว่าในเมื่อจ่ายแพงขนาดนี้ ก็น่าจะมีอะไรที่พิเศษกว่านี้ไม่ใช่หรือ ? หรือว่าผมจะคิดมากไป

เอาละ…แต่ถ้าตัด 2-3 เรื่องที่คาใจนี้ออกไป กับวงเงินในระดับนี้ หน้าตาของ SBDC029 หรือ Shogun ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร และดูสวยเมื่อมองในภาพรวม ถือเป็นนาฬิกากลุ่มดำน้ำสปอร์ตในช่วงวงเงินไม่เกิน 30,000 บาทที่น่าสนใจรุ่นหนึ่ง โดยเฉพาะจุดเด่นในเรื่องราคาขายต่อในตลาด ซึ่งผมมองว่าเป็นไฮไลท์ของมันเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าวันหลังเกิดเบื่อๆ แล้วอยากขายทิ้งแบบไม่เจ็บตัวมากเพื่อสมทบทุนไปหาเรือนใหม่

ดังนั้น ถ้าคุณเป็นพวกเบื่อง่าย ผมคิดว่านาฬิกาเรือนนี้แหละน่าจะเหมาะกับคุณ แต่ถ้าคุณเป็นพวกบ้าสเป็กและมองหาความคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป ผมคิดว่า นาฬิกาเรือนนี้อาจจะไม่เหมาะแล้ว

รายละเอียดทางเทคนิค : Seiko Prospex SBDC029 Shogun

  • ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง : 44 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 13 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักรวมสาย : 114 กรัม
  • กระจก : Hardlex
  • ระดับการกันน้ำ : 200 เมตร
  • กลไก : 6R15
  • จำนวนทับทิม : 23 เม็ด
  • ความถี่ : 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง
  • สำรองพลังงาน : 50 ชั่วโมง
  • ประทับใจ  : วัสดุ การออกแบบให้ใช้งานง่าย
  • ไม่ประทับใจ : ชุดเข็ม กระจกที่ยังเป็น Hardlex และกลไก