โปรเจ็กต์ของ Seiko กับ Lowercase ยังไม่จบ พวกเขาเปิดตัวนาฬิกาแอดเวนเจอร์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า Feildmaster เพื่อเอาใจคนที่ชอบความสะดวกของนาฬิกาสไตล์ดิจิตอล และเต็มเพียบด้วยฟังก์ชั่นพื้นฐาน โดยที่สามารถชาร์จกระแสไฟฟ้าผ่านทางแสงอาทิตย์ได้
Seiko Prospex Fieldmaster SBEP001/009 ตัวลุยในมาดดิจิตอล
Seiko กับนาฬิกาดิจิตอล เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่คุ้นเคย แต่จริงๆ แล้วถ้าไม่นับตัว Dive Comp แล้ว พวกเขายังมีนาฬิกาออกกำลังกายสำหรับนักวิ่งที่อยู่ในกลุ่ม Prospex ออกมาขายด้วยเช่นกัน และล่าสุดก็เผยทางเลือกใหม่ในกลุ่ม Prospex Land ภายใต้ชื่ออย่าง Fieldmaster และอย่าไปสับสนกับ Fieldmaster ที่ใช้กลไก 6R15 กันละ เพราะมันคนละรุ่นกันเลย
นาฬิการุ่นใหม่นี้ใช้รหัสที่เรียกว่า SBEP โดยมีจำหน่ายด้วยกันตั้งแต่รหัส 001-009 แต่มีด้วยกัน 5 รุ่นเท่านั้น เป็นโมเดลธรรมดา 3 รุ่น คือ SBEP001, SBEP003 และ SBEP007 ส่วนอีก 2 รุ่นเป็น Limited Edition คือ SBEP007 และ SBEP009 ซึ่งรุ่นแรกเป็นแบบสายผ้าใบผลิต 600 เรือน และรุ่นหลังเป็นแบบสายยาง ผลิตออกมาเพียง 300 เรือน
แน่นอนว่างานนี้เป็นโปรเจ็กต์เดียวกับ Tuna Solar เพราะเป็นการทำงานในด้านการออกแบบโดยร่วมมือกับ Lowercase ภายใต้ตัวเรือนแบบมีเกราะหรือ Shroud แบบเดียวกับพวก Tuna แต่มีขนาดย่อมลงมา และใช้เกราะที่ผลิตจากพลาสติก
สำหรับในรุ่นนี้จะมากับตัวเรือนที่ใหญ่ขึ้นจาก Tuna Solar ด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 49.9 มิลลิเมตร และ Lug-to-Lug 49.5 มิลลิเมตร หนา 14.1 มิลลิเมตร ดังนั้นใครที่ผิดหวังจาก Tuna Solar เพราะขนาดตัวที่อาจจะดูเล็กเกินไป ในรุ่นนี้น่าจะตอบโจทย์ตรงนี้ได้
ประเด็นที่แตกต่างออกจากความคุ้นเคยเดิมๆ คือ นาฬิการุ่นนี้มากับหน้าปัดแบบดิจิตอลโดยใช้กลไหในรหัส S802 ใช้พลังงานแสงในการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในตัวเก็บประจุ โดยเมื่อชาร์จจนเต็มจะสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 5 เดือนโดยประมาณ และเกือบ 20 เดือนหากเก็บใส่กล่องอยู่ในที่มืดและเปิดโหมด PS-Power Saving ให้ทำงาน
ในแง่ความเที่ยงตรงต้องบอกว่าน่าพอใจตามสไตล์นาฬิกากินถ่าน โดยมีความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ +/- 20 วินาทีต่อเดือน มีความสามารถในการกันน้ำระดับ 200 เมตร ซึ่งกลไกดิจิตอลรุ่นนี้มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการทำงานแบบพื้นฐาน เช่น การตั้งปลุก การปรับเวลา World Time ได้ 44 เมืองทั่วโลก การแสดงผลในแบบ Dual-Time รวมถึงการเป็นนาฬิกาสำหรับจับเวลา
ราคาของทุกรุ่นไม่ว่าจะธรรมดาหรือ Limited Edition จะอยู่ที่ 30,000 เยน หรือเกือบๆ หมื่น ยกเว้นรุ่นพื้นฐานในแบบ SBEP001 จะถูกกว่าใครเพื่อน โดยตั้งราคาเอาไว้ที่ 28,000 เยนเท่านั้น ใครที่สนใจก็อดใจรอหน่อย เพราะแว่วข่าวว่าจะเริ่มวางขายในญี่ปุ่นปลายเดือนพฤษภาคมนี้
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/