มาทำความรู้จักกับ Seiko Prospex Black Series

0

หลังจากเปิดตัวในปี 2018 ตอนนี้ Black Series ของ Seiko Prospex มีเปิดตัวออกมาอย่างต่อเรื่อง และล่าสุดก็เพิ่งเปิดตัวเจนเนอเรชั่นที่ 4 ออกมา วันนี้เรามาทำความรู้จักกับนาฬิการุ่นนี้กัน

Seiko Prospex Black Series
Seiko Prospex Black Series

มาทำความรู้จักกับ Seiko Prospex Black Series

- Advertisement -

เชื่อว่าตอนนี้ Black Series ของ Seiko กลายเป็นอีกชื่อที่ถูกนึกถึงสำหรับบรรดาแฟนๆ ของแบรนด์ เพราะตอนนี้ทาง Seiko ได้เปิดตัวเจนเนอเรชั่นใหม่ของนาฬิการุ่นนี้ออกมาแล้ว และพร้อมขายในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ โดย Black Series รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวออกมามีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรุ่นนาฬิกา และแนวทางในการสร้างสรรค์ที่แตกต่างจาก 3 เจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีความน่าสนใจอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ Black Series ของ Seiko กันก่อนว่าคืออะไร ?

ในช่วงปลายปี 2017 ทาง Seiko ได้ยิงทีเซอร์เพื่อแนะนำคอลเล็กชั่นใหม่ออกสู่ตลาด ซึ่งในช่วงนั้นยังไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั่งเมื่อเขาสู่ช่วงเดือนมกราคม 2018 ปริศนาก็ได้ถูกเผยออกมา และชื่อที่ถูกนำมาใช้คือ Black Series โดยมีการผลิตขึ้นเฉพาะนาฬิกาดำน้ำในกลุ่ม Prospex เท่านั้น

นิยามของ Black Series ถูกสร้างสรรค์ตามจินตนาการในการนำเสนอความงดงามอันมืดมิดของใต้ท้องทะเลในยามค่ำคืนที่มีเพียงแค่แสงไฟจากไฟฉายของนักดำน้ำเท่านั้นที่เป็นเครื่องนำทาง โดยสิ่งเหล่านี้ได้ถูกสะท้อนผ่านการนำเสนอรายละเอียดบนตัวเรือน สาย หน้าปัด และชุดเข็มของตัวนาฬิกา

ซึ่งที่ผ่านมา นาฬิกาทุกเรือนในคอลเล็กชั่นนี้จะมากับการเคลือบดำแบบ Hard Black Coating ใช้สายยางสีดำ และมีจุดเด่นอยู่ที่เข็มนาที ซึ่งเป็นสีส้ม ที่มีความหมายถึงแสงที่เกิดขึ้นจากไฟฉายของนักดำน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งแสงสว่างเพียงอย่างเดียว อีกทั้งสีส้มยังเป็นสีที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเวลาอยู่ใต้น้ำ Seiko จึงนำมาใช้กับเข็มนาที ที่มีความสำคัญต่อนักดำน้ำในการช่วยจับเวลาที่อยู่ใต้น้ำ

นาฬิการุ่นนี้เป็นแบบ Limited Edition ที่มีการระบุจำนวนการผลิตที่ชัดเจน ดังนั้น ด้วยความสวยบวกกับตัวเลขที่ผลิตจำกัด จึงทำให้เป็นที่หมายปองของบรรดานักสะสม โดยเฉพาะรุ่นที่หมดแล้วอย่างเต่าดำ SRPC49K1 สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหันมามองคอลเล็กชั่นนี้ และทำความรู้จัก ลองอ่านจากบทความนี้ได้เลยครับ

เจนเนอเรชั่นแรก เปิดตัวปี 2018

            รุ่นที่จำหน่าย : Turtle-SRPC49K1, Solar Diver- SNE493P1 และ Solar Diver Chronograph- SSC673P1

รุ่นที่ผลิตขายมีทั้ง Turtle Re-Issue ซึ่งใช้รหัสว่า SRPC49K1 ตามด้วยรุ่น Solar Diver Chronograph ในรหัส SSC673P1 และรุ่นสุดท้ายเป็น Solar Diver แบบ 3 เข็มในรหัส SNE493P1 คอนเซ็ปต์ของการออกแบบคือ มีการเคลือบดำในแบบ Hard Black Coating เพื่อสะท้อนถึงความมืดมิดของใต้ท้องทะเล และตัดกับเข็มนาทีสีส้ม ซึ่งจะเป็นสีสุดท้ายที่คุณจะได้เห็นเวลาลงสู่ใต้ท้องทะเลลึก แถมพรายน้ำบนมาร์คเกอร์หน้าปัดยังทำออกมาในสไตล์วินเทจ คล้ายกับพรายน้ำแบบ Tritium ที่หมดอายุ

แม้จะมีการพิมพ์คำว่า Limited Edition เอาไว้ที่ฝ่าหลัง แต่ก็ไม่ได้ระบุจำนวนผลิตแบบชัดเจน ยกเว้นรุ่น Turtle ซึ่งในญี่ปุ่นจะมีการผลิตออกมาเพียง 300 เรือนด้วยรหัส SBDY005 ซึ่งความพิเศษจะอยู่ที่กล่อง และช่อง Day หรือวันประจำสัปดาห์จะใช้ตัวคันจิแทนที่ภาษาอังกฤษ

Seiko Prospex Black Series
Seiko Prospex Black Series

Seiko Prospex Black SeriesSeiko Prospex Black Series

เจนเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวปี 2020

                รุ่นที่จำหน่าย : SBDC095/SPB125J1, SBDL065/SCC761J1 และ SBDX033/SLA035J1

สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมาคือ Seiko ขยับตลาดขึ้นสูงกว่าเดิม ด้วยการนำนาฬิการุ่น Sumo ใหม่มาทำคอลเล็กชั่นนี้ โดนมีทั้งรุ่น 3 เข็มและรุ่น Solar Chronograph โดยที่แตกต่างออกไปอีกคือ จับ MarineMaster 300 หรือ MM300 มาเพิ่มเป็นอีกทางเลือกในแบบ 2+1 และเป็นการผลิตในแบบจำกัดจำนวนเหมือนเดิม

สำหรับ SBDX033/SLA035J1 จะแปลกกว่าเพื่อน โดยมีหน้าตาที่ไม่ได้ยึดคอนเซ็ปต์ของ Black Series โดยมากับตัวเรือนดำ แต่พรายน้ำเป็นสีปกติ และเข็มนาทีก็ยังเป็นสีปกติไม่ได้เป็นสีส้มเหมือนกับนาฬิกาในคอลเล็กชั่นี้ การผลิตมีเพียง 600 เรือนทั่วโลก ส่วน Sumo แบบโครโนกราฟ ที่มากับรหัส SBDL065/SCC761J1 และ Sumo แบบ 3 เข็มที่ใช้กลไก 6R35 หรือ SBDC095/SPB125J1 ซึ่งรุ่น 3 เข็มจะผลิต 7,000 เรือน ส่วนรุ่น Solar จะผลิตเพียง 3,500 เรือน โดยทุกรุ่นจะมีการสลักหมายเลขเอาไว้ที่ฝาหลัง

Seiko Prospex Black Series
Seiko Prospex Black Series

Seiko Prospex Black Series

เจนเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวปี 2021

รุ่นที่จำหน่าย : Samurai-SRPH11K1, Monster-SRPH13K1 และ SNE577P1-Tuna Solar

ยังคงคอนเซ็ปต์ตัวเรือนรมดำ พร้อมสายยาง ขณะที่บนหน้าปัดจะมีเข็มนาทีเป็นสีส้มซึ่งช่วยให้ดูสวยและมีประโยชน์ในเรื่องของการจับเวลา โดยเฉพาะความเด่นในเวลาดูใต้น้ำท่ามกลางความมืด สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของ Black Series ที่มีแนวคิดมาจากการออกแบบนาฬิกาให้สอดคล้องกับสภาพอันมิดใต้ท้องทะเลในยามค่ำคืน

  • SRPH11K1 ที่อยู่บนพื้นฐานของรุ่น Samurai ผลิต 8,000 เรือนตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 มิลลิเมตร พร้อม Lug to Lug 48.8 มิลลิเมตร กระจกเป็นแบบ Hardlex และขอบตัวเรือนยังใช้อินเสิร์ตที่เป็นอะลูมิเนียม ไม่ได้พัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น King Samurai โดยกลไกที่ติดตั้งเป็นรหัส 4R35 ที่มีกำลังสำรอง 41 ชั่วโมง
  • SRPH13K1ที่ใช้พื้นฐานของ Monster ผลิต 7,000 เรือน ตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 มิลลิเมตรพร้อม Lug to Lug 49.4 มิลลิเมตร ใช้กลไก 4R36 แบบ Day/Date และมีกำลังสำรอง 41 ชั่วโมง
  • SNE577P1ใช้พื้นฐานของ Solar Tuna ผลิต 5,000 เรือน ตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 มิลลิเมตรพร้อม Lug to Lug 45.8 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์ Solar แบบสร้างกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ในรหัส V157 และมีความเที่ยงตรงระดับ +/-15 วินาทีต่อเดือน และเมื่อชาร์จจนเต็มสามารถอยู่ได้นานแบบไม่โดนแสงได้ถึง 10 เดือน

Seiko Prospex Black SeriesSeiko Prospex Black Series

เจนเนอเรชั่นที่ 4 เปิดตัวปี 2022

รุ่นที่จำหน่าย : SPB253J1/SBDC153, SPB255J1/SBDC155, SPB257J1/SBDC157 และ SLA061J/SBDX051

สำหรับ Seiko Prospex The Black Series 2022 จะมีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเหมือนกับปี 2020 โดยจะมีรุ่นธรรมดาและรุ่นท็อป โดยทั้งหมดถูกสร้างขึ้นภายในคอนเซ็ปต์ในการนำตัว Re-Issue หรือ Re-Interpretation ของนาฬิกาดำน้ำที่ถือเป็น Milestone ของ Seiko ในแต่ละช่วงมาทำ ซึ่งทั้ง 3 ช่วงก็คือ 1965, 1968 และ 1970 โดยทุกรุ่นในส่วนนี้จะขับเคลื่อนด้วยกลไก 6R35 ที่มีกำลังสำรอง 70 ชั่วโมง โดยในเซ็ตจะมีทั้งสายผ้า NATO อย่างดี พร้อมกับสายยางอยู่ในเซ็ต

  • SPB253J1 (ตลาดโลก) / SBDC153 (ญี่ปุ่น) : เป็น Re-Intrepretation ของ The First Diver จาก Seiko ซึ่งตัวนาฬิกามาพร้อมกับความสวยงามตามคอนเซ็ปต์มีขนาดตัวเรือน 40.5 มิลลิเมตร ผลิตจำนวน 5,500 เรือน มีขายเฉพาะในญี่ปุ่น 500 เรือน และมีราคาอยู่ที่ 143,000 เยน
  • SPB255J1 (ตลาดโลก) / SBDC155 (ญี่ปุ่น) : เป็นตัวแทนของนาฬิกาดำน้ำแบบ Hi-Beat รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1968 มีขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตร ผลิตจำนวน 5,500 เรือน มีขายเฉพาะในญี่ปุ่น 300 เรือน โดยมีราคาเท่ากับ SBDC153
  • SPB257J1 (ตลาดโลก) / SBDC157 (ญี่ปุ่น) : เป็นตัวแทนของนาฬิกาดำน้ำรุ่นดังอย่างตะพาบ หรือ Captain Willard ที่เปิดตัวในปี 1970 โดยรุ่นนี้เป็น Re-Interpretation มีขนาดตัวเรือน 42.7 มิลลิเมตร ผลิตจำนวน 5,500 เรือน มีขายเฉพาะในญี่ปุ่น 300 เรือน และมีราคาอยู่ที่ 154,000 เยน

ส่วนอีกรุ่นถือเป็น Top of the line มากับรหัส SLA061J สำหรับตลาดโลก ส่วนตลาดญี่ปุ่นจะใช้รหัส SBDX051 ซึ่งเป็นการนำตัว Re-Issue ของตะพาบ นาฬิกาสุดคลาสสิกรุ่นดังที่เปิดตัวในปี 1970 มาทำ คราวนี้มากับสายสตีลรมดำ ขับเคลื่อนด้วยกลไก 8L35 ของ MM300 และมีกำลังสำรอง 50 ชั่วโมง โดยการผลิตจะอยู่ที่ 1,000 เรือนและขายในญี่ปุ่น 100 เรือนกับราคา 363,000 เยน

Seiko Prospex Black SeriesSeiko Prospex Black Series

Seiko Prospex Black Series Seiko Prospex Black Series
Seiko Prospex Black Series Seiko Prospex Black Series