Seiko Prospex Black Series กับ 6 คำถามที่คุณควรรู้

0

การเปิดตัวของ Black Series ออกสู่ตลาด  ทำให้หลายคนตั้งคำถามต่างๆ เกี่ยวกับนาฬิกาตระกูลนี้โดยเฉพาะ Turtle ซึ่งเป็นที่สนใจมากที่สุด และนับจากที่มีข่าวหลุดออกมาอย่างเป็นทางการผ่านเว็บไซต์ในออสเตรเลีย มาจนถึงวันที่ Seiko แถลงเปิดหน้าเว็บถึงคอลเล็กชั่นนี้ เราเชื่อว่าหลายคนอยากรู้และอยากทราบว่ามันคืออะไร และเราได้รวบรวมให้อยู่ใน 6 คำถามนี้แล้ว

- Advertisement -

Seiko Prospex Black Series กับ 6 คำถามที่คุณควรรู้

Seiko Prospex Black Series กับ 6  คำถามที่คุณควรรู้

ช่วงปลายปี 2017 ต่อต้นปีรี 2018 เชื่อว่าบัตรเครดิตของทั้งแฟนและไม่ใช่แฟน Seiko อาจจะเกิดอาการกระดิกถึงขั้นรุนแรงในระดับหลายริกเตอร์ เพราะเจอเข้ากับ Teaser ช่วงปลายปีของ Seiko อย่าง Black Series Collection ที่มี 3 เรือน แต่ที่ฮ็อตและดูจะเป็นที่ต้องการมากสุดของตลาดคือเจ้าเต่านินจาในรหัส SRPC49K1

แน่นอนว่าตรงนี้เกิดคำถามมากมายจากทั่วสารทิศ แม้ว่าเราจะผลิตคอนเทนต์เพื่ออธิบายไปแล้ว แต่อาจจะด้วยคนติดตามเว็บเรายังไม่เยอะ ประกอบกับอัลกอรึทึ่มของ Facebook มันเปลี่ยนไป  (คิดว่าน่าจะมีส่วนนะ) ก็เลยทำให้ข้อมูลข่าวสารอาจจะตกๆ หล่นๆ กันไป วันนี้ก็เลยขอสรุปเรื่องราวและไขข้อสงสัยเกี่ยวกับคอลเล็กชั่นนี้กันสักหน่อย และนี่คือ Seiko Prospex Black Series กับ 6  คำถามที่คุณควรรู้

1.ถาม : มันคืออะไร ?

ตอบ : ก็แค่อีกคอลเล็กชั่นที่ Seiko ผลิตออกขายในตลาด โดยใช้ชื่อเรียกว่า Black Series โดยเป็นการนำนาฬิกาดำน้ำ 3 รุ่นที่อยู่ในกลุ่ม Prospex และมีราคาอยู่ในระดับเริ่มต้น หรือ Entry-Level มาออกแบบใหม่เพื่อวางขาย โดยรุ่นที่ผลิตขายมีทั้ง Turtle Re-Issue ซึ่งใช้รหัสว่า SRPC49K1 ตามด้วยรุ่น Solar Diver Chronograph ในรหัส SSC673P1 และรุ่นสุดท้ายเป็น Solar Diver แบบ 3 เข็มในรหัส SNE493P1

คอนเซ็ปต์ของการออกแบบคือ มีการเคลือบดำในแบบ Hard Black Coating เพื่อสะท้อนถึงความมืดมิดของใต้ท้องทะเล และตัดกับเข็มนาทีสีส้ม ซึ่งจะเป็นสีสุดท้ายที่คุณจะได้เห็นเวลาลงสู่ใต้ท้องทะเลลึก แถมพรายน้ำบนมาร์คเกอร์หน้าปัดยังทำออกมาในสไตล์วินเทจ คล้ายกับพรายน้ำแบบ Tritium ที่หมดอายุ

2.ถาม : ผลิตจำกัดไหม ?

ตอบ : Seiko บอกว่าเป็น Limited Edition แต่ของอย่างนี้เชื่อไม่ได้หรอก เพราะอย่างแรก ในปีที่แล้วพวกเขาเคยผลิต Blue Lagoon ออกมา พร้อมกับตีคำว่า Limited Edition แต่สุดท้ายก็ไม่มีการรันเลขจำนวนการผลิตและหมายเลขเรือนที่ผลิตออกมา ซึ่งในตอนนั้นมีข่าวระบุว่า Blue Lagoon ผลิตอย่างละ 6,000 เรือน และดูเหมือนว่า Black Series ก็น่าจะมาอีหรอบเดียวกัน เพราะมีคนดูจาก VDO ที่ถูกเผยแพร่ใน Youtube แล้ว และพบว่าที่ฝาหลังไม่มีการสลักเลขแต่อย่างใด และคิดว่า Seiko ก็น่าจะยังใช้กลยุทธ์เดิมในการทำตลาดต่อไป เพียงแต่จำนวนการผลิตของ Black Series ยังไม่มีการยืนยันว่าอยู่ที่เท่าไร

3.ถาม : พิเศษตรงไหน ?

ตอบ : ก็แค่อีกรุ่นพิเศษที่ผลิตออกสู่ตลาดของ Seiko ต่างกันแค่สีสันเท่านั้น ส่วนรายละเอียดภายในของกลไกยังเหมือนเดิมกับรุ่นปกติทั่วไป

4.ถาม : เรือนไหนใช้กลไกอัตโนมัติ

ตอบ : ตัว Turtle Re-Issue ในรหัส SRPC49K1 ใช้กลไก 4R26 ตามรุ่นปกติ ส่วนรุ่นที่เหลือใช้พลังแสง Solar ในการขับเคลื่อนกลไกควอตซ์ โดยทุกรุ่นผ่านการรับรองในการกันน้ำระดับ 200 เมตรตามมาตรฐานของ Seiko

5.ถาม : รุ่นไหนน่าซื้อบ้าง ?

 ตอบ : แล้วแต่ความชอบเลย แต่ส่วนใหญ่ (รวมถึงผมด้วย) จะเฮโลกันไปที่ Turtle Re-Issue ด้วยเหตุผลหลักคือ มันเป็นนาฬิกาอัตโนมัติเพียงรุ่นเดียวของซีรีส์นี้ นักสะสมบ้านเรามักจะไม่ค่อยชอบนาฬิกาควอตซ์สักเท่าไร โดยเฉพาะพวก Solar ที่บางคนอาจจะเบื่อที่จะต้องหมั่นพามาเจอแสงบ้างในการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บในตัวเก็บประจุ แต่เท่าที่เช็คราคามา SRPC49K1 หรือเต่านินจาคือรุ่นแพงสุด โดยราคาป้ายในญี่ปุ่นตั้งเอาไว้ที่ 64,000 เยน หรือ 19,000 บาท ส่วนลดก็แล้วแต่ร้าน ซึ่งตรงนี้แพงกว่าราคาป้ายของ Sumo ในรหัส SBDC031/033 ที่เป็นตัวมาตรฐานเสียอีก ทั้งที่ Sumo มีระดับตลาดสูงกว่า โดยราคาป้ายของ Sumo อยู่ที่ 60,000 เยนแบบยังไม่หักส่วนลด

ขณะที่ Solar Diver Chronbograph ในรหัส SSC673P1 มีราคา 51,840 เยน หรือ 15,500 บาทและรุ่นสุดท้ายเป็น Solar Diver แบบ 3 เข็มในรหัส SNE493P1 มีราคา 48,000 เยน หรือ 14,400 บาท

6.ถาม : จะเริ่มขายเมื่อไร ?

ตอบ : เราเช็คไปที่ Jackroad.co.jp ที่เป็นร้านขายนาฬิกาทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่คนไทยรู้จักกันดี พบว่า พวกเขาสามารถส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ดังนั้น การกดจองหน้าเว็บจึงยังเป็นแค่พรีออร์เดอร์เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้ว ข่าวยืนยันว่าเวอร์ชันนี้จะเริ่มวางขายในช่วงปลายเดือนมกราคม ส่วนจะเข้าเมืองไทยหรือไม่นั้น ต้องรอลุ้นกันดู แต่ถ้าฮ็อตมากๆ คิดว่ามีความเป็นไปได้สูง เพียงแต่เมื่อเปิดราคาออกมาแล้ว แฟนๆ ที่คุ้นเคยกับ Turtle ในระดับราคาหลังหักส่วนลดแล้วมีตัวเลขพันปลายๆ นั้นจะรับได้กับราคาที่แพงขึ้นชนิดเกือบเท่าตัวได้หรือไม่