Seiko Monster SKX779K1 ถึงรุ่นเก่าแต่ก็คลาสสิค

0

ด้วยราคาที่ไม่แรงแต่ความสามารถในการกันน้ำระดับ 200 เมตรบวกกับกลไกที่แม้จะเก่าหน่อย แต่ก็เชื่อใจได้ ทำให้ Seiko Monster Classic ถือเป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมจากแฟนๆ ทั่วโลกนับจากเปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อปี 2000 และในปัจจุบันก็ยังเป็นสิ่งที่บรรดา Seiko Mania ตามหาเข้ามาเก็บอยู่ในกรุ

Seiko Monster SKX779K1 ถึงรุ่นเก่าแต่ก็คลาสสิค

Seiko Monster SKX779K1 ถึงรุ่นเก่าแต่ก็คลาสสิค

  • นาฬิกาดำน้ำรุ่นยอดนิยมที่ผ่านมาตรฐานการกันน้ำ 200 เมตร
  • รุ่น Classic แบบดั้งเดิมมีขาย 2 รุ่น
  • ราคาในตอนนี้ยังถือว่ารับได้ แต่ปัญหาคือ ต้องหาของให้เจอก่อน
- Advertisement -

ถ้าให้แฟนๆ ไซโก ลองบอกชื่อนาฬิกาที่เป็น Must have ที่พวกเขาคิดว่าจะต้องมีติดเอาไว้ในกรุ เชื่อเลยว่าหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ Monster รวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่าหรือรุ่นล่าสุดที่ในปัจจุบันทั้ง 2 รุ่นกลายเป็นของหายากขึ้นหิ้งไปแล้ว โอเค…เราก็เชื่อว่ามันน่าจะต้องเป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะรุ่นแรก หรือในปัจจุบันเรียกว่า ไซโก้ มอนสเตอร์ Classic ที่มากับรหัส SKX779K1 หรือมีชื่อเล่นว่า Black Monster

ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่ ไซโก เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำที่มีความสามารถในการกันน้ำระดับ 200 เมตร มีราคาไม่แพง และหน้าตาดูสวยแบบแปลกๆ ออกมาเมื่อปี 2000 ผลผลิตรุ่นนี้ (ซึ่งต่อมาได้รับการขนานนามว่า Monster) ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าทั่วโลก ไม่เฉพาะแค่แฟนๆ ของ ไซโก เองเท่านั้น แต่รวมถึงลูกค้าของแบรนด์อื่นๆ ที่กำลังมองหาความคุ้มค่า ซึ่งเราเชื่อว่าเหตุผลก็คงเป็นเพราะ ราคา สเป็ก และหน้าตาที่ดูสะดุดตา จนกลายเป็น Beater ของใครหลายไปเลย

Seiko Monster SKX779K1Seiko Monster SKX779K1Seiko Monster SKX779K1

ในอดีตสัก 7-8 ปีที่แล้ว ยอมรับเลยว่า Monster ไม่ใช่ของหายาก คุณสามารถมองหรือเล็งจากบอร์ดขายของทั่วไปได้อย่างสบายๆ โดยเมื่อก่อนราคาป้ายมือหนึ่งในห้างอยู่ที่ประมาณหมื่นต้นๆ แต่ก็สามารถซื้อหาจากร้านข้างนอกทั้งของศูนย์หรือของหิ้วได้ในระดับราคา 7,000 บาทนิดๆ ซึ่งราคาสุดท้ายที่ผมเคยซื้อแบบป้ายแดงนั้นอยู่ที่ 7,500 บาท

ถามว่าแพงไหม ก็แพงกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย แต่ถามว่ารับได้ไหม คำตอบคือ ก็คงต้องได้แหละ เพราะดันมาอยากได้ตอนที่ SKX779K1 เลิกผลิตไปแล้ว และตอนที่ซื้อก็มีรุ่นใหม่อย่าง The Fang ที่ใช้กลไกใหม่ 4R36 เข้ามาทำตลาดได้ 2-3 ปีแล้ว…เอาเป็นว่าเจอของที่ต้องการก็ถือว่าบุญโขแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่เจอในตอนนั้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ผมว่าก็อยู่ในพิสัยที่ใครอยากจะเก็บเข้ากรุยังพอรับได้นะครับ เพราะมือหนึ่งแบบ New Old Stock ที่ยังพอหลุดมาให้เห็น ก็เคยเห็นขายกันหมื่นต้นๆ ส่วนมือสองก็อยู่ในระดับ 7-8 พันบาทขึ้นอยู่กับสภาพและของที่มีอยู่ว่าครบไหม เพราะตอนนี้ต้องบอกเลยว่า Monster ทั้งตัว Classic และ The Fang กลายเป็นอะไรที่หายากมาก หรือถ้ามีโผล่ออกมาราคาน่าสนใจ อยู่เพียงไม่นานก็ไปอยู่กับเจ้าของใหม่แล้ว

มันเหมือนกับไฟท์บังคับในด้านการตั้งราคาแล้ว เพราะ Supply เริ่มขาด แต่ Demand มาเป็นกระบุงๆ

Seiko Monster SKX779K1 ถึงรุ่นเก่าแต่ก็คลาสสิค

ถ้าถามผมว่าระหว่าง SKX779K1 กับรุ่นใหม่กว่าอย่าง The Fang ที่เปลี่ยนมานำหน้าด้วยรหัส SRP เพราะเปลี่ยนกลไกใหม่ รุ่นไหนน่าสนใจมากกว่ากัน

ผมตอบไม่ลังเลเลยว่า Monster Classic สิ แล้วต้องตัว SKX779K1 ที่เป็นหน้าดำ หรือ Black Monster ด้วยนะ

เหตุผล…

ส่วนตัวผมชอบหน้าปัดกับหลักชั่วโมงทรงเหลี่ยมแท่งมากกว่าทรงเขี้ยวของ The Fang และการมีสเกลที่เป็นตัวเลขเล็กๆ บอกในหน่วยวินาทีกำกับตรงหลักชั่วโมงด้วยนั้น ผมว่ามันทำให้หน้าปัดดูแล้วมีความพิเศษและมีความสปอร์ตเพิ่มขึ้น ขณะที่ตัวรูปทรงและรายละเอียดต่างๆ บนตัวเรือนนั้น ทั้ง 2 รุ่นไม่ได้แตกต่างกันก็เลยไม่ได้มีผลในแง่ความรู้สึกอะไรมากนัก

ส่วนเรื่องของกลไก 7S26 ที่หลายคนบอกว่ากลไกโบราณ ขายมาก็หลายปีแล้ว แถมยัง Hack หรือหยุดเข็มวินาทีไม่ได้ ขึ้นลานมือก็ไม่ได้ อันนี้ผมกลับเฉยๆ นะ เพราะอันดับแรกของการตกหลุมรักนาฬิกาของตัวเอง มักจะมาจากหน้าตาของนาฬิกาที่จะต้องถูกใจและถูกจริตกันก่อน แล้วจากนั้นค่อยขยับไปเรื่องกลไก ซึ่งอันนี้คือเกณฑ์การพิจารณาประกอบการเสียเงินในเชิงส่วนตัวของผม สำหรับคนอื่นๆ จะเป็นแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของแต่ละบุคคลเลย

และถ้ามองในแง่อนาคต (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกกี่สิบปี) ถ้าคุณเก็งกำไรว่ามันจะต้องมีราคาพุ่ง ผมว่ายังไงรุ่นแรกแบบดั้งเดิมก็น่าจะไปได้ดีกว่ารุ่นที่ตามมาหลัง แต่เรื่องอย่างนี้อย่าไปหวังเลย และเชื่อว่าคนที่จะได้รับประโยชน์น่าจะเป็นรุ่นหลานมากกว่า

Seiko Monster SKX779K1Seiko Monster SKX779K1Seiko Monster SKX779K1

ถ้าไม่นับรุ่น Special หรือ Limited Edition ถือว่าอึดและถึกเหมือนกันที่ Monster Classic มีขายเพียง 2 สีของหน้าปัดเท่านั้นแต่มีอายุอยู่ในตลาดมาร่วมสิบปี โดยอีกรุ่นคือ SKX781 ในแบบหน้าส้ม ต่างจาก The Fang ที่มีให้เลือกมากถึง 5 รุ่นย่อย แต่ที่ขายดีและเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุดก็ยังเป็นหน้าดำและหน้าส้มเหมือนกับรุ่น Classic

นอกจากหน้าปัดแล้ว อีกสิ่งที่ผมค่อนข้างชอบในนาฬิการุ่นนี้คือ ตัวสายเล็กและลวดลายของมัน และถือว่าเป็นอะไรที่ทำให้ดูต่างจากสายเหล็กแบบมาตรฐานของ ไซโก เรียกว่าพอเห็นสายเหล็กปุ๊บรู้ปั๊บได้ทันทีว่ามันคือ Monster

กับขนาดตัวเรือนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร และหนา 12.5 มิลลิเมตร ถือว่าขนาดกำลังดีกับทุกขนาดข้อมือ ส่วนขาสายที่มีความกว้าง 20  มิลลิเมตรผมถือว่าสมดุลกับขนาดของตัวเรือน และผมมักจะชอบที่จะเลือกจับคู่กับสายที่มีขนาดตรงกัน เพราะหลังจากที่ลองเปลี่ยนมาหลากหลายแบบแล้ว มีความรู้สึกว่า Monster จับคู่กับสาย 20/20 แล้วดูดีกว่าพวก 22 แล้วเอามาบากปลายสาย

และการเปลี่ยนสายเป็นหนังหรือ NATO หรือสายยางสำหรับผมนั้น มีส่วนช่วยลดภาระที่เกิดขึ้นบนข้อมือได้เป็นอย่างดี เพราะจริงอยู่ที่ผมค่อนข้างชอบลวดลายของสายเหล็ก แต่เมื่อดูจากสเป็กที่มีน้ำหนักรวมกันแล้วเฉียดๆ 180 กรัมนั้น เวลาใส่ไปนานๆ แล้วผมมีความรู้สึกถึงความหนักที่ถ่วงเข้ากับข้อมือ

สำหรับใครที่มาทีหลังหรือมีความรู้สึกช้า (เหมือนกับผม) ว่า Monster Classic คือ Must Have Item ที่อยู่ในกรุ ช่วงนี้ยังถือว่าไม่สาย เพราะอย่างที่บอกตั้งแต่ต้น ราคาทั้งมือหนึ่งและมือสองยังถือว่ายังไปไกลไม่มาก และยังพอมีของให้เห็นอยู่ตามท้องตลาด ดังนั้น ถ้าชอบ จงรีบคว้าเสียถ้าเจอดีลดีๆ

Seiko Monster Classic SKX779K1

  • ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 12.5 มิลลิเมตร
  • Lug-to-Lug : 48 มิลลิเมตร
  • กระจก : Hardlex
  • กลไก : 7S26 ทับทิม 21 เม็ด
  • ความถี่ : 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง
  • สำรองพลังงาน : 42 ชั่วโมง
  • การกันน้ำ : 200 เมตร
  • ประทับใจ : หน้าตา สเป็กกับราคา
  • ไม่ประทับใจ : ไม่มี