ทำความรู้จักครอบครัว Seiko Monster (1)

0

Monster นาฬิกาฮ็อตอีกรุ่นของ Seiko (ไซโก) ที่มีวาระครบ 17 ปีนับจากเปิดตัวทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2000 คราวนี้เรามาทำความรู้จักกับ Monsterกันให้ลึกซึ้ง ซึ่งไม่ได้มีแค่ Monsterเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลิตผลที่มีความเกี่ยวเนื่องและเกี่ยวพันกันกับบทความจำนวน 3 ตอนของเรากันครับ เริ่มตอนแรกกับจุดเริ่มต้นของ Monster

- Advertisement -

ทำความรู้จักครอบครัว Seiko Monster (1)

ความรู้จักครอบครัว Seiko Monster (1)

สำหรับ ไซโก อาจจะมีนาฬิการุ่นที่ฮิตและกลายเป็นตำนานหลายต่อหลายรุ่น แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าผ่านไปอีกสัก 20-30 ปี จะต้องมีนาฬิการุ่นหนึ่งที่น่าจะกลายเป็นตำนานสำหรับคนรุ่นหลัง เพราะในช่วงอายุที่ทำตลาดอยู่นั้น ฮ็อตและได้รับความนิยมอย่างมาก รวมถึงเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านการออกแบบนาฬิกาของ ไซโก กันเลยทีเดียว และด้วยหน้าตาที่แปลกประหลาด (ในตอนนั้น) จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีคนตั้งฉายาให้กับมันว่า Seiko Monster (ไซโก มอนสเตอร์ )

Monster ถูกเปิดตัวออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี 2000 แต่ต้องใช้เวลานานถึง 2 ปีกว่าที่จะสร้างชื่อและเป็นที่รู้จักของคนเล่นนาฬิกาทั่วโลกโดยเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นาฬกาจักรกลหรือที่ใช้กลไกอัตโนมัติกำลังเริ่มไต่ชาร์ทในแง่ของความนิยมด้วยจุดเด่นในด้านต่างๆ เช่น

  • ราคาที่ไม่แพงจนเกินไปสำหรับนาฬิกาดำน้ำที่มีความสามารถในระดับ 200 เมตร
  • การใช้กลไกอัตโนมัติอย่าง 7S ที่มีความทนทาน
  • รูปลักษณ์สปอร์ตไม่เหมือนใคร แม้ว่าจะดูแปลกตาก็ตามที
  • พรายน้ำที่เคลือบอยู่บนหน้าปัดและเข็มวินาทีมีความสว่างอย่างชัดเจน
  • ขนาดตัวเรือนที่ไม่ใหญ่จนเกินไป 42 มิลลิเมตรเหมาะกับทุกข้อมือ

สำหรับชื่อรุ่นและผู้ที่จุดชนวนทำให้ ไซโก มอนสเตอร์ ได้รับความสนใจจากคนเล่นนาฬิกาทั่วโลกคือ คุณ Tommy แห่งเว็บไซต์ siamnaliga.com ในบ้านเรา และ Reto Castellazzi แห่งเว็บไซต์ Poor man’s Watch Forum ได้ขนานนามนาฬิการุ่นนี้ว่า Sea Monster ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น Monster ในเวลาต่อมา

และคราวนี้เรามาดูจุดเริ่มต้นของ Monster ในโลกของเรือนเวลากันว่ามีรุ่นอะไรบ้าง

  • Black Monster & Orange Monster

มากับรหัส SKX779K และ SKX781K ตามลำดับ ถือเป็นรุ่นเบสของ Monster ที่ทำตลาดอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2000 จนกระทั่งมีการเปลี่ยนโฉมและกลไกเป็น The Fang ในช่วงปี 2011 ตัวนาฬิกาใช้กลไก 7S26A เดินด้วยความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง สำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมงและแม้ว่าจะไม่สามารถ Hack เข็มวินาทีหรือขึ้นลานมือได้ แต่ด้วยคุณสมบัติและรูปลักษณ์และราคาย่อมเยาที่ตอบโจทย์การใช้งานบนพื้นฐานของชีวิตประจำวันของผู้คนนี่เองที่ทำให้นาฬิกา Monster รุ่นนี้ขายหมดเกลี้ยงในไทยจนสินค้าขาดตลาดอยู่ช่วงหนึ่ง Monster ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการนาฬิกาที่สะกดผู้คนเฝ้ารอคอยติดตามเก็บผลงานใหม่แทบทุกปี

สถานการณ์ในปัจจุบัน : กลายเป็นของหายากสำหรับคนที่คิดจะเริ่มเก็บ Monster ไปแล้ว โดยเฉพาะ Black Monster ที่เป็นของใหม่แบบ NIB แทบจะหาไม่ได้ตามท้องตลาด และถึงจะมีราคาก็กลับไปสู่ตัวเลข 5 หลักหรือไม่ก็ 4 หลักปลายๆ จากเดิมที่เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วสามารถซื้อได้ในราคา 7,000 กว่าบาท ส่วนมือสอง ก็หาได้ตั้งแต่ราคา 7,000 ไล่ลงไปจนถึง 5,000-6,000 บาทขึ้นอยู่กับสภาพและอุปกรณ์ที่ติดมาด้วย ส่วน Orange Monster ยังพอหาได้ทั้งของใหม่และของมือสองในราคาที่คบหาได้

ทำความรู้จักครอบครัว Seiko Monster (1)
: Black Monster and Orange Monster
  • Yellow Monster

เป็นลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่มีการผลิตออกมาขายในเมืองไทยเพียง 300 เรือน เปิดตัวในปี 2003 และมากับรหัส SKZ203K1 โดยใช้กลไกใหม่จาก 7S26A ในรุ่นทั่วไปมาเป็น 7S36 ที่มีการเพิ่มจำนวนทับทิมจาก 21 มาเป็น 23 เม็ด และเปลี่ยนกระจกหน้าจาก Hardlex มาเป็น Sapphire พร้อมเลนส์ไซคลอปที่ช่อง Day/Date ตรง 3 นาฬิกา แน่นอนว่านี่คือ Super rare Item ที่หายากมาก จะเป็นรองในการหายากก็แค่ Monster หายเท่านั้นเอง และถึงเจอตัว ก็เป็นเรื่องยากที่จะจีบเพื่อขอให้เข้ามาอยู่ในกรุ

สถานการณ์ในปัจจุบัน : นาฬิการุ่นนี้เป็นที่ต้องการของแฟนพันธุ์แท้ ไซโก โดยขายได้หมดใน 2 วันหลังจากเปิดตัว ปั่นกระแสความนิยมนี้ลามไปทั่วโลก Yellow Monster เคยสร้างสถิติราคาประมูลบน Ebay ไปถึง 1,200 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนบ้านเราหลังจากที่สีเหลืองมาแรงและได้รับความนิยมจากคนเล่น ไซโก อย่างมาก ทำให้ราคาของ Yellow Monster พุ่งขึ้นราวกับติดจรวด และว่ากันว่าตอนนี้มือสองซื้อขายในระดับแสนต้นๆ ถึงแสนกลางๆ เลยทีเดียว

ทำความรู้จักครอบครัว Seiko Monster (1)
: Yellow Monster
  • Blue Monster

ดูเหมือนว่า Yellow Monster ทำเอาไว้ดี กระแสความต้องการน่าจะเยอะ ก็เลยทำให้ Limited Edition รุ่นต่อมา ทาง Seiko ก็เลยเพิ่มยอดเป็น 1,998 เรือน โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลาในการวางขาย คือ 2005 และ 2006 อย่างละ 999 เรือนและใช้รหัส SKZ213K1เอกลักษณ์ของ Blue Monster คือ หน้าปัดสีฟ้าสลับด้วยขอบสีดำและขีดเครื่องหมายสีเหลือง สเกลเลขบนขอบเรือนใน 0-15 วินาทีแรกเป็นสีแดง ส่วนที่เหลือเป็นสีฟ้า ส่วนสเป็กก็เหมือนกับ Yellow Monster

สถานการณ์ในปัจจุบัน : ราคาเปิดตัวในช่วงนั้นอยู่ที่ 15,000 บาท แต่สำหรับปัจจุบัน ตัวเลขขยับขึ้นไปที่ 3-4 หมื่นบาทสำหรับของครบๆ

ทำความรู้จักครอบครัว Seiko Monster (1)
: Blue Monster
  • Red Monster

ปิดตัวในปี 2007 มากับรหัส SKZ243K1 หน้าปัดสีแดงดุดันเร้าใจที่ออกแบบโดย Akira Sakairi นักออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากสีแดงอันเป็นสีประจำชาติของญี่ปุ่น ผลิตพิเศษเพียง1,313 เรือน หน้าปัดสีแดงสลับขอบสีดำ สเกลเลขบนขอบเรือนตั้งแต่ 16-60 เป็นสีแดงตัดกับสเกลเลข 0-15 จับคู่กับสายหนังสีแดงสด

สถานการณ์ในปัจจุบัน : ราคามือสองที่ซื้อขายกันในปัจจุบันอยู่ในระดับ 4-5 หมื่นบาท ซึ่งแม้ว่าจะเปิดตัวหลัง Blue  Monster แต่ราคามือสองแพงกว่านิดหน่อยตรงที่จำนวนในตลาดที่พบเห็นมีน้อยกว่า

ทำความรู้จักครอบครัว Seiko Monster (1)

  • Green Monster

หลังจากหายหน้าหายตาไปพักหนึ่ง ในปี 2010 ทาง Seiko เปิดตัว Green Monster  รหัสรุ่น SKZ277K1 ออกมา และการกลับมาครั้งนี้มากับหน้าปัดสีเขียวสดใสแฝงความหมายรักโลก สิ่งที่แตกต่างจาก Monster รุ่นก่อนคือ ขอบเรือนปัดเงาที่แกะสเกลเลข 0-15 ที่ใช้สีเขียว โดยแรงบันดาลใจในการใช้สีเขียวจากสีของสาหร่ายใต้ทะเลลึก สื่อถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติ สร้างสรรค์ขึ้นเพียง 1,881 เรือน อันเป็นปีก่อตั้งของบริษัทแม่ Seiko ในญี่ปุ่น บรรจุอยู่ในกล่องหีบสมบัติที่มาพร้อมกับสายยางเขียวและไฟฉายกันน้ำ ถือเป็นอีกครั้งที่ Monster รุ่น Limited Edition ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการนาฬิกาในฐานะนาฬิกาสปอร์ตที่นักสะสมทุกคนหมายปอง โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการเปิดตัว ก็ขายหมดเกลี้ยง

สถานการณ์ในปัจจุบัน : ราคาที่เห็นผ่านมาอยู่ราวๆ 2 หมื่นปลายๆ จนถึง 3 หมื่นบาทต้นๆ แต่ราคาอาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับที่โอกาสที่คุณจะได้เจอมันตามเว็บขายของมือสอง

ทำความรู้จักครอบครัว Seiko Monster (1)
: Green Monster
  • Snow Monster

เปิดตัวในปี 2011รหัส SKZ331K1 ออกแบบโดย Satoru Monjugawa ผู้หลงใหลกับฤดูหนาว ซึ่งเขาได้ใช้แรงบันดาลใจมาจากเกล็ดหิมะและน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาวบนหมู่เกาะฮอกไกโด โทนพื้นสีขาวพิสุทธิ์ของเจ้าปีศาจหิมะชวนให้นึกความหนาวเย็นของหิมะและธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของเหมันต์ฤดู สีฟ้าครามของขีดเครื่องหมายและสเกลตัวเลขได้มาจากท้องฟ้าที่ห่อหุ้มโลกใบนี้ รายละเอียดบรรจงใส่ไว้ในตัวเรือนและขอบเรือนแบบขัดด้านแบบ All Horning สร้างเนื้อผิวแลดูเหมือนเกล็ดหิมะชั้นบางๆ เกาะบนผิวโลหะ สายสตีลขัดด้านแบบ All Horning ผสมผสานกับข้อสายขัดเงางามแบบ Mirror Finish ทั้งหมดสะท้อนภาพรวมของฤดูหนาวของญี่ปุ่น ผลิตขึ้นจำกัดเพียง 2,555 เรือน และขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันสั้น

สถานการณ์ในปัจจุบัน : ยังมีให้เห็นอยู่ตามเว็บบอร์ดและ FB ขายของมือสองกับราคาที่แปรผันไปมาระหว่าง 2-2.5 หมื่นบาทขึ้นอยู่กับจังหวะและสภาพของตัวนาฬิกาว่าผ่านการใช้งานมาแค่ไหน และมีของครบหรือไม่

ทำความรู้จักครอบครัว Seiko Monster (1)
: Snow Monster
  • Zamba Monster

เปิดตัวเมื่อปี 2012 ในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนจากรุ่นเก่าไปยังรุ่นใหม่ โดยความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ Zamba ไม่ใช่แค่กายภาพเท่านั้น แต่รวมถึงการยกกลไกใหม่มาใส่ โดยตัวเรือนรมดำตัดสายยางสีแดงเพลิง หน้าปัดสีดำแต่งแต้มด้วยกรอบขีดเครื่องและเข็มด้วยสีสันสุดจี๊ด 3 สี ได้แก่ แดง เขียว ม่วง ที่เรียงสลับกันบนหลักชั่วโมง แซมด้วยสีเหลืองของตัวเลขนาที เข็มนาฬิกาสีแดง เช่นเดียวกับสีแดงสดของสเกลนาที 0–15 บนขอบเรือนรมดำ ลีลาการใช้สีสันสดใสต่างๆ ที่ได้แรงบันดาลใจจากสีสันขบวนพาเหรดคาร์นิวัลของประเทศบราซิล กลายเป็นที่มาของชื่อรุ่นนาฬิกา  จุดเด่นอีกประการ คือ การยกเครื่องใหม่เปลี่ยนมาใช้กลไกออโตเมติก 4R36 ที่เพิ่มความสามารถในการไขลานเพิ่มด้วยการหมุนเม็ดมะยมได้และแฮ็คเข็มวินาทีได้แทนที่ 7S36 จะมีผู้โชคดีเฉพาะในประเทศไทยเพียง 2,112 คนเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง

สถานการณ์ในปัจจุบัน : ยังพอหาได้ทั้งมือ 1 และมือสองในตลาด โดยราคามือหนึ่งจะอยู่ที่ 2 หมื่นต้นๆ ไล่ไปจนถึง 23,000 บาทชึ้นอยู่กับจังหวะและความต้องการของแฟนๆ  Seiko ในช่วงนั้น ส่วนมือสองก็ราคาไม่ถึง 2 หมื่นบาทขึ้นอยู่กับสภาพและของว่าครบไหม

ทำความรู้จักครอบครัว Seiko Monster (1)
: Zamba Monster