Seiko เปิดตัวนาฬิกาที่เป็น Limited Edition รุ่นใหม่ออกมาโดยอ้างอิงรูปทรงของ SDBX017 หรือ MM300 ที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันดี พร้อมกับมีข่าวว่า Seiko จัดการ Discontinued นาฬิกาเรือนนี้ไปแล้ว เช่นเดียวกับการถอดหน้าข้อมูลของ SBDX017 ออกจากเว็บไซต์ที่เป็นทางการ ดังนั้น โอกาสที่นี่จะคือจุดเริ่มต้นของการเป็นตัวแทน SBDX017 จึงสูงมาก
Seiko Marinemaster SBDX021 จุดเริ่มต้นของตัวแทน SBDX017 ?
การเปิดตัวผลผลิตใหม่ที่มีชื่อเล่นว่า Deep Forest อย่าง Seiko Prospex SBDX021 ด้วยรหัสที่ต่อกันกับ 017 บวกกับข่าวที่ว่า Seiko จะ Discontinued เจ้า Marinemaster หรือ MM300 ซึ่งขายกันมาตั้งแต่ปี 2001 ในรหัส SBDX001 ก่อนที่จะมาถึงรุ่นปรับโฉมอย่าง SBDX017 นั้น ทำให้หลายคนมองว่านี่คือตัวแทนของ MM300 อย่างแน่นอน และเราคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น
เพราะอะไร ?
ไอ้เรื่องข่าวที่ไม่เป็นทางการซึ่งลือออกมาจากทางร้านค้าออนไลน์นั้น ก็มีส่วนที่ทำให้คิดเช่นนั้น แต่ก็ไม่มากนัก เพราะสุดท้ายเรายังต้องรออะไรที่เป็นทางการจะดีกว่า เพราะข่าวลักษณะนี้มีหลุดออกมาให้ได้ยินเป็นประจำ แต่สุดท้ายหลังจากลองสืบไปสืบมา อีกหลักฐานที่ช่วยทำให้เรื่องนี้คือ Seiko จัดการถอดหน้าที่เป็นรายละเอียดของ SBDX017 ออกจากเว็บไซต์ตัวเองอย่าง www.seiko-watch.co.jp แล้ว นั่นเท่ากับว่าเป็นการยืนยันแบบกลายๆ แล้วว่า อนาคตของ SBDX017 คงมาสุดทางได้แค่นี้ ขายเพียงแค่ 2 ปีนิดๆ นับจากเริ่มทำตลาดในญี่ปุ่นเดือนสิงหาคม 2015
แต่เอาเถอะ งานนี้ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนโฉมชนิดที่สัมผัสความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน และน่าจะเรียกว่าเป็นการอัพเกรดหน้าตาอีกระดับโดยที่รายละเอียดหลักๆ ก็ยังใช้ร่วมกับ SBDX017 เหมือนเดิม มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 44.3 มิลลิเมตร Lug-to-Lug 50.5 มิลลิเมตร จะมีก็ความหนาที่ตัวเลขต่างกันเล็กน้อย เพราะของ SDBX021 ระบุว่า 15.4 มิลลิเมตร แต่ของ SBDX017 ระบุว่า 14.6 มิลลิเมตร
ตัวเรือนยังเป็นแบบโมโนเคสไม่มีฝาหลังเหมือนเดิม และใช้กระบวนการ DiaShield ในการเพิ่มความทนทานต่อการขีดข่วนหรือการทำให้เกิดรอย และในเมื่อมากับตัวเรือนไซส์ใกล้เคียงของเดิมเชื่อว่าความกว้างขาสายก็น่าจะเหมือนเดิม คือ 20 มิลลิเมตร
แล้วจุดต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับ SBDX017 ละ ?
อย่างแรก ดีใจด้วยกับใครที่รอกระจกแบบ Sapphire เพราะรุ่นนี้ถอดกระจกทรงโดม Hardlex ออกไป และแทนที่ด้วย Sapphire ที่มีการเคลือบสารกันการสะท้อนแสงไว้ที่ด้านใน
อย่างที่ 2 ขอบ Bezel มีพรายน้ำถึงหมายเลข 20 ตามแบบฉบับนาฬิกาดำน้ำที่เป็น Limited Edition ของ Seiko ซึ่งเมื่อก่อนจะใช้กับพวก Tuna Can เป็นหลัก และในตำแหน่ง 12 นาฬิกาไม่มีปุ่มพรายน้ำ และใช้พรายน้ำแต้มลงบนพื้นผิวของขอบ Bezel เลย และพรายน้ำมีควาสว่างมากกว่ารุ่นเดิม 1.6 เท่า
อย่างที่ 3 หลังบ่นเรื่องขอบ Bezel ที่ยังเป็นฟิล์มเคลือบแล็คเกอร์ ในตอนนี้หลายคนไอ้เฮแล้ว เพราะวัสดุที่ใช้ในการผลิตขอบ Bezel คือ Zirconia Ceramic ซึ่งก็คือวัสดุเซรามิกชนิดหนึ่ง
อย่างที่ 4 บนหน้าปัดไม่มีคำว่า Marinemaster อีกต่อไป และถูกแทนที่ด้วยโลโก้ของ Prospex ที่หลายคนค่อนข้างแอนตี้ ส่วนตัวผมคิดว่า Marinemaster คือ Sub-Brand ที่ Seiko สามารถนำไปต่อยอดได้ไม่ต่างจากที่ Casio มี G-Shock ดังนั้น การนำคำนี้ออกไปจากบนหน้าปัดนั้นถือว่าสร้างความสะเทือนใจให้กับบรรดาแฟนๆ อย่างมาก
นี่คือ 4 จุดหลักๆ ที่เรามองเห็นจากการเปรียบเทียบภาพต่อภาพของทั้ง 2 รุ่น และดูจากเอกสารข่าวที่มีอยู่ ส่วนที่เหลืออย่างกลไกนั้น ก็ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นรหัส 8L35 สามารถสำรองพลังงานได้ 50 ชั่วโมง และมีทับทิมจำนวน 26 เม็ด และในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับสายยางเหมือนกับ SBDX017 แต่เป็นคนละรูปทรง
สิ่งที่เราไม่เข้าใจคือ คอนเซ็ปต์ตั้งต้นของนาฬิกาเรือนนี้ เพราะในเมื่อ SBDX021 คือ Marinemaster หรือนาฬิกาดำน้ำ แต่คอนเซ็ปต์ในการนำสีเขียวมาใช้คือ การระลึกถึงป่า Yakushima ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น World Natural Heritage ของญี่ปุ่น ซึ่งดูยังไงมันก็ไม่เห็นจะเข้ากันเลย
สิ่งที่น่าสนใจต่อไปคือ แล้ว อนาคตของตัวแทน SBDX017 ละจะเป็นอย่างไร ?
คำตอบเท่าที่นึกได้เมื่อดูจากพฤติกรรมของ Seiko ที่ทำตลาดเมื่อปีที่แล้วคือ นาฬิการุ่นใหม่บางรุ่นพวกเขามักจะชอบเปิดตัวเป็น Limited Edition ก่อน แล้วจากนั้นรุ่นธรรมดาค่อยตามมา ที่เห็นชัดคือ การกลับมาของ Samurai ที่เปิดตัวรุ่น Blue Lagoon ซึ่งเป็น Limited แบบไม่รันเลขออกมาก่อน แล้วจากนั้นค่อยถึงคิวของตัวธรรมดา หรืออีกรุ่นคือ Big Tuna Can 200M ที่เป็นรุ่น Limited ในฐานะ Zimbe No.3 ก่อน จากนั้นค่อยถึงคิวรุ่นธรรมดา
ดังนั้นงานนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นตามขั้นตอนเดิม ซึ่ง SBDX021 มีผลิตออกมา 1,968 เรือนตามปีของการเปิดตัวนาฬิกาดำน้ำแบบ Hi-Beat ส่วนราคาก็ถือว่าแรงขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น โดยมีราคาป้ายอยู่ที่ 320,000 เยน ขณะที่รุ่น MM300 ตัวธรรมดาของ SBDX017 อยู่ที่ 290,000 เยน ต่างกันแค่ 30,000 เยน
ใครที่สนใจก็รอกันได้เพราะจะเริ่มขายเดือนกรกฏาคม 2018 และเราเชื่อว่าในเดือนสิงหาคม 2018 น่าจะได้เห็นความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนของรุ่นธรรมดาที่จะเข้ามาแทนที่ SBDX017 หยอดเงินรอและนับถอยหลังกันได้เลย
ข้อมูลทางเทคนิค : Seiko Prospex SBDX021
เส้นผ่านศูนย์กลาง : 44.3 มิลลิเมตร
Lug-to-Lug : 50.5 มิลลิเมตร
หนา :15.4 มิลลิเมตร
กระจก : Sapphire เคลือบสารกันการสะเทือนแสงด้านใน
กลไก : 8L35
จำนวนทับทิม : 26 เม็ด
สำรองพลังงาน : 50 ชั่วโมง
ความสามารถ : ป้องกันสนามแม่เหล็ก
กันน้ำ : 300 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/