นาฬิกาตระกูล Tuna Can ของ Seiko นอกจากจะมีพวกรุ่นใหญ่ที่ดำในระดับ 1,000 เมตรแล้ว ก็ยังมีกระป๋องเล็กซึ่งมีความสามารถในการดำน้ำ 300 เมตร และใช้กลไกควอตซ์ แน่นอนว่าราคาย่อมเยากว่า และน่าสนใจกว่าในกรณีที่คุณอยากใจเงินเพื่อแลกกับความแปลกที่ไม่เหมือนใคร
Seiko MarineMaster SBBN031 : ถ้าพอใจก็ไม่ต้องสนใจใคร
ถ้าติดตามงานเขียนของผมมาได้สักระยะคุณก็คงพอจะทราบถึงความหลงใหลของผมที่มีต่อนาฬิกาดำน้ำในตระกูล MarineMaster ที่เป็นทรงกระป๋อง หรือ Tuna Can ของ Seiko ได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่า พวกเขาไม่ได้มีแค่กลุ่มดำน้ำลึกในระดับ 1,000 เมตรเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ต้องการแค่ใช้งานในระดับเหมือนคนปกติ แต่ไม่ต้องการจ่ายเงินแบบสเป็กโอเวอร์ ทาง Seiko ก็มีให้เลือกเหมือนกันกับพวก Tuna Can กระป๋องเล็ก 300 เมตร ที่กินถ่าน ซึ่งคือเรือนที่ผมจะนำมารีวิวในวันนี้ นั่นคือ MarineMaster SBBN031
จริงๆ แล้วผมมีโอกาสได้สัมผัสพี่ชายของมันซึ่งก็คือ SBBN015 อยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้นบอกเลยว่าราคาที่ญี่ปุ่นไม่โหดเท่าไร ผมได้ของใหม่แบบฝากเพื่อนหิ้วมาในระดับ 25,000 บาท แต่สุดท้ายก็ใจเร็ว ด่วนตัดใจขายไป เพราะดันไม่ชอบที่มันบางและเล็กไปหน่อยเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นใหญ่กว่าอย่าง Darth Tuna ที่ดำน้ำ 1,000 เมตร คราวนี้พอมาตามหาในจังหวะที่ Discontinued ไปแล้ว ราคานี้ก็ได้แค่มือสองแถมของก็ยังไม่โผล่มาให้เห็นเสียด้วย…สุดท้ายก็เลยตัดใจ เอาวะ เลิกตาม 015 แล้วมาหาของใหม่กว่าอย่าง SBBN031 ดีกว่า
สำหรับ SBBN031 เป็นรุ่นปรับโฉมตามการเปลี่ยนแปลงไลน์อัพของ MarineMaster ที่ทาง Seiko จับปรับหน้าตาและชุดเข็มในช่วงปี 2015 ซึ่งงานนี้นอกจากจะมีการเพิ่มรุ่น SBBN035 ที่เรียกว่า Ninja Tuna แล้ว ตัวรุ่นปกติที่มีขายนั้นก็มีการปรับปรุงทั้งในส่วนของชุดเข็มแบบใหม่ หน้าปัดใหม่ ตัวเรือนและเกราะมีการผ่านกรรมวิธี Diasheild ทำให้มีความทนทานต่อการขีดข่วนมากขึ้น พร้อมกับการเพิ่มความสว่างของพรายน้ำ (ที่ปกติก็สว่างอยู่แล้ว) ให้สว่างขึ้นไปอีก พร้อมกับมีโลโก้ X ของ Prospex โผล่บนหน้าตัดของเม็ดมะยมให้ขัดใจแฟนๆ Seiko บางคน
ในเมืองไทย ทาง Seiko Thailand มีนำเข้ามาขายด้วย แต่ดูเหมือนว่าจะทำเอาแฟนๆ หลายคนถึงกับใจสะท้านกับราคาตั้งหน้าตู้ที่สูงถึง 50,000 บาท เรียกว่าถ้าไม่มีดีลดี โปรฯลดแบบสุดๆ คงยากที่จะดึงเงินออกจากกระเป๋าของคนปกติที่ไม่ได้มี Passion อะไรกับนาฬิกาตระกูลนี้
กับราคาขนาดนี้และสิ่งที่มีอยู่ คำถามที่ผมมักจะได้ยินจากคนรอบข้างเสมอ คือ ไม่เห็นจะคุ้มเลย เอาละผมตัดความชอบส่วนตัวออกก่อน และ (พยายาม) ทำตัวให้เป็นกลาง แต่ก่อนที่จะไปถึงการให้ความเห็นส่วนตัวเพื่อช่วยตัดสินใจแทน ผมก็มักจะถามอะไรบางอย่างก่อนเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของความต้องการใช้งาน และความชอบส่วนตัว ซึ่งผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เวลาซื้อนาฬิกา ก็คล้ายกับซื้อรถยนต์สักคัน คือ มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องในการพิจารณา
ถ้าคุณมองถึงเรื่องของการเป็นสินทรัพย์ในการขายต่อยามฉุกเฉิน…คำตอบของผมก็คือ ไม่คุ้ม
ถ้าคุณมองถึงเรื่องของความคุ้มค่ากับการใช้งาน…คำตอบของผมก็คือ ไม่คุ้มอยู่ดี เพราะนี่นาฬิกาดำน้ำ ดังนั้นความแพงของมันจึงอยู่ที่การทุ่ม Know How ไปเพื่อตอบสนองการใช้งานตรงนั้น แต่กับชีวิตคนทั่วไป มันแทบไม่ได้ใช้เลย นอกจากดูเวลา
ถ้าคุณมองถึงการเปรียบเทียบกับคู่แข่งในช่วงเดียวกัน…คำตอบของผมก็คือ ไม่น่าสู้ไหว เพราะในช่วงราคานี้ คุณจะต้องเจอกับแบรนด์ Swiss ในคลาสที่เป็น Entry-Level ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็พกความแข็งของตัวเองมาด้วย ทั้ง Oris และ Longines แถมยังเป็นกลไกอัตโนมัติอีก
ถ้าคุณมองถึงภาพลักษณ์…คำตอบของผมก็คือ สู้ไม่ได้กับพวกแบรนด์สวิสส์ แต่ในแง่ของกลุ่มคนทั่วไปที่คิดว่านาฬิกาคือนาฬิกานะครับ ไม่ใช่พวก Die hard ที่บ้านาฬิกา และถ้าคุณสวมเรือนนี้ไปที่กลุ่มของพวกคลั่ง Seiko แน่นอนว่ามันจะกลายเป็นจุดสนใจเลย
เอาแค่ 4 คำตอบถ้าเป็นนาฬิกาเรือนอื่นๆ อาจจะล้มพับไปแล้ว แต่คงไม่ใช่เจ้า MarineMaster SBBN031 ซึ่งก็น่าแปลกใจเหมือนกันที่ด้วยราคาระดับนี้ และคู่แข่งก็เพียบ แต่มันก็ฝ่าดงตรีน (ฝรั่ง) มาได้ แถมยังได้รับการตอบรับที่ดีซะด้วย
เท่าที่ลองอ่านตามรีวิวของฝรั่ง ส่วนใหญ่จะบอกได้เลยว่าเป็น Tool Watch ที่คุ้มค่ามากด้วยเหตุผลในเรื่องของ Design…แน่นอนอันนี้ผมไม่เถียง กลไกในระดับ Super Quartz แบบ High Torque ซึ่งกลไก 7C46 ของ Seiko ได้รับการยอมรับว่ามีความเที่ยงตรง และทนทาน แถมยังกินไฟต่ำ อายุของแบตเตอรี่จึงอยู่ในระดับ 5 ปีได้อย่างสบายๆ และนอกจากจะอยู่ในตัว 300m แล้ว กลไกนี้ยังวางอยู่ในกลุ่ม 1000m ด้วย และอีกเรื่องคือความเป็นตำนานของนาฬิกาดำน้ำจาก Seiko ที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างต่อเนื่องตลอด 50 ปีที่ผ่านมา
อาจจะมองดูแล้วเหมือนกับการพยายามหาเหตุผลมายืนยันความเชื่อและความชอบของตัวเอง แต่บอกได้เลยว่า ทั้งหมดถูกผลักดันโดยสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างคำว่า Passion ซึ่งถ้าคุณเป็นคนชอบนาฬิกา เพราะความชอบของตัวเอง และคิดว่าการใส่นาฬิกาคือความพึงพอใจส่วนตัวโดยที่ไม่จำเป็นต้องเลือกซื้อเพราะปัจจัยอื่นๆ มาบีบบังคับ ก็จะเข้าใจถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี
นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังอธิบายถึงปัจจัยที่ผลักดันให้หลงเจ้าปลากระป๋องเรือนนี้
แน่อนนว่ามันไม่ได้มีแต่ข้อดีไปทั้งหมด ข้อเสียที่ออกจะทำให้ขัดใจก็มีเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องของขนาดตัวเรือน ซึ่งในความรู้สึกของผม ไซส์เรื่อง Diameter และ Lug-to-Lug พอรับได้กับตัวเลขเวลาทาบอยู่บนข้อมือไซส์ 7 นิ้วของผม แต่เรื่องความหนาในระดับ 14.7 มิลลิเมตรสำหรับผม ดูจะน้อยไปสักนิดน่าจะ 16-17 มิลลิเมตร แต่คนปกติที่ข้อมือไม่ใหญ่มากอาจจะโอเคกับไซส์นี้
อีกข้อคือ กระจกยังเป็นแบบ Hardlex และเป็นแบบ Double-Domed อาจจะใช้งานได้ดีเวลาอยู่ใต้น้ำ และเวลาอยู่บนบก ผมกลับรู้สึกมันหลอนๆ และดูรายละเอียดบนหน้าปัดไม่ค่อยชัดเท่าไร สำหรับสายถ้าเปลี่ยนหรือดีไซน์ให้มันแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ สักหน่อยก็ดี เพราะสายเหล็กของ Seiko มันดูแล้วหน้าตาเหมือนกันหมดเลย…ส่วนที่เหลือไม่มีอะไรแล้ว นอกจากราคานี่แหละ ถ้าสบายกระเป๋ากว่านี้ก็จะดีไม่น้อย
อ่อ…อีกเรื่องคือ ตอนซื้อแล้วพนักงานหยิบกล่องขึ้นมาให้ อย่าตกใจว่าหยิบกล่องผิด เพราะตามปกติแล้ว Tuna 300m ที่ขายจะใช้กล่องยาวแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่สำหรับ SBBN031 จะแตกต่างและเป็นกล่องแบบสี่เหลี่ยมจตุรัส
เปรียบเทียบขนาดของ Tuna Can ไซส์ต่าง
จากซ้ายไปขวา – 1000M Auto – 1000M Quartz – 300m Quartz
คุณสมบัติของ : Seiko MarineMaster SBBN031
- เส้นผ่าศูนย์กลาง : 48 มิลลิเมตร (ไม่รวมเม็ดมะยม)
- ความหนา : 14.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 125 กรัม
- ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
- กันน้ำ : 300 เมตร
- กระจก : Hardlex แบบ Double พร้อม Anti Fog Coating
- กลไก : 7C46 ควอตซ์
- จุดเด่น : ดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ กลไกที่ดีทนทาน
- จุดด้อย : ราคาที่สูง ความหนาและไซส์ของตัวเรือนน้อยไปหน่อยสำหรับคนข้อมือใหญ่
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/