หน้าส้มกำลังจะมา และต้องบอกเลยว่าการเตรียมเปิดตัว Samurai ใหม่ที่มากับหน้าส้มนั้นเป็นอะไรที่ทำให้เริ่มหันมามองนาฬิกาที่ใช้หน้าปัดสีนี้กันมากขึ้น ถึงต้องตั้งคำถามว่า Seiko Diver Watch With Orange Dial รุ่นไหนที่น่าสนใจเก็บเข้ากรุ และในวันนี้เรามีคำตอบให้
Seiko Diver Watch With Orange Dial รุ่นไหนที่น่าสนใจเก็บเข้ากรุ
สำหรับนาฬิกาดำน้ำ หน้าปัดสีส้มเป็นอะไรที่นอกจากจะสวยโดดเด่นและลงตัวเมื่อตัดกับสีดำของหลักชั่วโมง และสายยางแล้ว มันยังมีประโยชน์ในเรื่องของสีสันและความสว่างในขณะใช้งานอีกด้วย และแน่นอนว่า Seiko เป็นขาประจำของการผลิตนาฬิกาดำน้ำหน้าส้มออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อต้อนรับการหลับมาของ Orange Samurai เรามาดูกันว่า Seiko Diver Watch With Orange Dial รุ่นไหนที่น่าสนใจในการตามเข้ามาเก็บในกรุบ้าง
แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องนั้น เรามาไขข้อข้องใจกับคำถามที่ว่า ทำไมต้องเป็นสีส้มสำหรับนาฬิกาดำน้ำกันก่อน และคำตอบที่เราหามาได้นั้นเป็นเพราะสีส้มเป็นสีที่มีความยาวคลื่นมากกว่าสีอื่นๆ และจะมีการเปลี่ยนสีออกในโทนสีฟ้าเมื่อดำดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเลลึกได้ช้าที่สุด อีกทั้งยังเป็นสีสุดท้ายที่คุณจะมองเห็นได้เมื่อดำลงไปยังความลึกที่แสงส่องลงมาได้เพียงเล็กน้อย
นาฬิกาดำน้ำสีส้มเริ่มเป็นที่สนใจและถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ Doxa คือ ผู้นำในการพลิกโฉมหน้าวงการ ด้วยรุ่น SUB Diver โดยมุ่งหวังเจาะกลุ่มเป้าหมายนักดำน้ำทั้งมืออาชีพ และมือสมัครเล่น โดยเหตุผลที่ทาง Doxa เลือกสีสัมนั้นก็เพราะว่าพวกเขานำสีสดๆ ทั้งหลายมาทดสอบภายใต้ความลึกที่จะต้องใช้งาน เพื่อดูว่าสีไหนจะสามารถให้ความเหมาะในด้านการ Contrast กันระหว่างพื้นหน้าปัด และสาร Tritium ที่ใช้แต้มบนเข็มฬิกา เพื่อช่วยในการเรืองแสง ผลคือ สีส้มดีที่สุด
กลับมาที่ Seiko แน่นอนว่าพวกเขาคือผู้ผลิตนาฬิกาดำน้ำชื่อดังที่สุดรายหนึ่งของโลก และมีประสบการณ์ รวมถึงองค์ความรู้ในเรื่องนี้มาตลอด 50 กว่าปีที่ผ่านมา อีกทั้งพวกเขายังเป็นขาประจำในการผลิตนาฬิกาดำน้ำหน้าสีส้มออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และนี่คือ Seiko Diver Watch With Orange Dial ที่เรามองแล้วว่าคุณน่าจะเก็บเข้ามาอยู่ในกรุ
-Seiko Prospex SBDC005 ‘Orange Sumo’ : 1 ใน 3 สีที่เปิดตัวออกมาพร้อมกับ Sumo และในช่วงก่อนที่จะมีเฟซบุ๊คกลุ่ม SMT ขึ้นมา บอกเลยว่าเป็นสีที่อาภัพที่สุด ขายราคาถูกที่สุด และขายต่อยากที่สุด เอาเป็นว่าผมเคยซื้อมามือ 1 ในราคา 12,000 บาทนิดๆ (ในขณะที่รุ่นหน้าดำกับน้ำเงินอยู่ที่ 15,000 บาท) พอตอนอยากขายต่อ ตั้ง 10,000 บาทอยู่ตั้งนาน สุดท้ายต้องลดเหลือ 9,000 บาทถึงจะขายออก แต่กับราคาตอนนี้นะหรือ ไปไกลสุดๆ ชนิดติดจรวจ
-Seiko H558-500A ‘Orange Arnie’ : อีกรุ่นคลาสสิคในกลุ่มนาฬิกาดำน้ำที่ผลิตออกมาขายในยุคทศวรรษที่ 1980 และเหตุที่เรียกว่า Arnie ก็เพราะนี่คือนาฬิกาที่อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ใส่เข้าฉากในภาพยนตร์เรื่อง Predator ภาคแรก แต่ตามปกติแล้วเราจะคุ้นเคยกับหน้าดำเป็นหลัก ซึ่งความจริงมันมีหน้าส้มขายคู่กันด้วย
-Seiko Prospex SRP589 ‘Orange Mohawk’ : นาฬิกาในกลุ่ม Prospex ที่ดูจะไม่ค่อยฮิตในบ้านเราเท่าที่ควร และที่เห็นตามตู้ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่รุ่นหน้าดำ แต่จริงๆ แล้ว Mohawk มีรุ่นหน้าส้มอยู่ด้วย เพียงแต่ในบ้านเราเท่าที่เช็คดูไม่เคยเห็นมีใครขายเลย ซึ่งงานนี้ถ้าสนใจอาจจะต้องอิมพอร์ตจากต่างแดนเพียงอย่างเดียว
-Seiko SRP497 ‘Orange Stargate II’ : ถือเป็นอีกรุ่นที่สวยและลงตัวมากทั้งหน้าดำเข็มแดง และเรือนดำเข็มเหลือง รวมถึงตัวหน้าส้ม แต่ด้วยการที่เป็นนาฬิกาที่คนไม่นิยม ก็เลยทำให้ถูกเมินและมองข้ามอยู่เสมอ ซึ่งสำหรับหน้าส้มมีสีสันที่โดดเด่นมาก และยิ่งตัวกระจกมี Cyclop มาให้ด้วย ยิ่งทำให้ Stargate II หน้าส้มมีความน่าสนใจมากขึ้น
-Seiko SKX011 : น่าจะเรียกว่าเป็นนาฬิกาดำน้ำที่คลาสสิคอีกรุ่นของ Seiko ที่ยังมีขายอยู่ในตลาด แต่เราจะคุ้นเคยกับนาฬิกาตระกูลนี้ผ่านทางหน้าดำกับขอบ Pepsi มากกว่า ทั้งที่จริงๆ แล้ว Seiko มีหน้าส้มทำตลาดด้วย และต้องยอมรับว่าสวยเลยทีเดียว
-Seiko SKXA55 ‘Orange Bullet’ : เจ้าของฉายา Bullet กับหน้าตาและดีไซน์ที่สวยและดูสปอร์ตขึ่นจากรุ่น SKX007/009 โดยในรุ่นนี้มีขายหน้าส้มด้วย และใช้กลไก 7S26 เหมือนกับรุ่นปกติ
-Seiko Prospex SBDC009 ‘Orange Shogun’ : น่าจะเรียกว่าเป็น The Grail ของ Seiko รุ่นหนึ่งเลยทีเดียว และมีขายควบคู่กับรุ่นปกติที่เป็นหน้าดำ แต่เมื่อมีการปรับโฉมเปลี่ยนรหัสและใช้หน้าปัดแบบมีโลโก้ X หน้าสีส้มก็ไม่มีผลิตขายอีกต่อไป
-Seiko Night Monster SZEN009 : หนึ่งใน 5 สีของนาฬิกาในตระกูล Night Monster ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ผลิตและ MOD ขายเฉพาะร้านในญี่ปุ่นเท่านั้น มากับตัวเรือนสีดำเคลือบ PVD และใช้กลไก 7S26 ซึ่งเป็นเครื่องเดิมของ Monster Classic
-Seiko SRP251 ‘Orange Sardine’ : ว่ากันว่ามันคือ Limited สำหรับผลิตขายในตลาดเกาหลี และมีขายเพียง 400 เรือน แต่เมื่อพลิกดูด้านหลังบนฝาหลังก็ไม่ได้มีการสลักเรือนที่ผลิตและจำนวนที่ผลิตตามแบบฉบับพวก LE เลย
-Seiko SBDA005 ‘Orange Samurai’ : เป็นอีกรุ่นที่มาพร้อมกับความสวยและลงตัว อีกทั้งยังถือว่าหาค่อนข้างยากเมื่อเปรียบเทียบกับหน้าดำ และหน้าฟ้า โดยตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียม แต่มีขนาดเล็กกว่ารุ่นใหม่ เพราะมีเส้นผ่านศูนย์กลางแค่ 42 มิลลิเมตรเท่านั้น
-Seiko SNM037 : จริงๆ แล้วนาฬิการุ่นนี้จัดอยู่ในคอลเล็กชั่นของ Land Monster ที่ไม่เน้นในการดำน้ำเท่าไร แต่ทว่าบนหน้าปัดกลับมีเขียนว่า Diver’s200 เมตร นั่นหมายความว่ามันสามารถที่จะลงน้ำด้วยมาตรฐานเดียวกับพวก Diver Watch ตัวนาฬิกามากับกลไก 7S35 แบบ Date และขอบ Bezel สีดำ ซึ่งสวยและตัดกันอย่างลงตัวกับหน้าปัดส้ม
-Seiko SKX781 ‘Orange Monster’ : เราเลือกเอาตัวคลาสสิคมากกว่า The Fang ซึ่งเป็นรุ่นใหม่กว่า เพราะ Monster หน้าสมที่มาพร้อมกับหลักชั่วโมงซึ่งมีตัวเลขวินาทีกำกับด้วยนั้น เป็นอะไรที่คลาสสิคมาก แม้ว่ากลได 7S26 จะไม่สามารถ Hack เข็มวินาทีได้ แต่ก็แลกมาด้วยความทนทาน และการดูแลรักษาที่ง่ายขึ้น
-Seiko SBDC023 ‘Orange Monster JDM’ : เป็น 1 ใน 2 เรือนที่ถูกผลิตออกมาสำหรับโปรเจ็กต์ Monster JDM ที่มีหน้าดำและหน้าส้ม โดยจับเอากลไก 6R15 ของ Sumo มาใส่ในร่างของ Monster และเปลี่ยนหน้าปัด และกระจกให้มีเลส์ Cyclop ตรงช่อง Date ในปัจจุบัน Discontinued ไปแล้ว และหาไม่ค่อยง่ายตามตลาดมือสองในบ้านเรา
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/