Seiko (ไซโก)ผลิต Limited Edition ที่มีความเกี่ยวข้องกับประเทศไทยออกมาทำตลาด และ 5 Sports Thailand Limited Edition (SRPF91K) ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาผลิตนาฬิการุ่นพิเศษในการเฉลิมฉลองธงชาติไทยที่มีอายุครบ 103 ปี
Seiko 5 Sports Thailand Limited Edition : อีกครั้งที่คำว่า ‘ของมันต้องมี’ ทำงานสำเร็จ
-
เป็นครั้งแรกที่ Seiko ผลิตนาฬิกาที่เกี่ยวข้องกับธงชาติไทย
-
ใช้พื้นฐานของนาฬิการุ่น 5 Sports ใหม่พร้อมกลไก 4R36
-
ผลิต 2,563 เรือน และราคาขาย 13,800 บาท
ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ หน้าฟีดของ Facebook ผมเต็มไปด้วยภาพของนาฬิการุ่นหนึ่ง นั่นคือSeiko 5 Sports Thailand Limited Edition (SRPF91K) แน่นอนว่าจากเดิมที่ตั้งมั่นว่าในปีนี้จะปิดจ็อบแล้ว ไม่สอยอะไรเพิ่มเติมเข้ามาอยู่ในกรุ แต่สุดท้าย ผมก็ทนต่อความเย้ายวนนี้ไม่ไหว
บอกก่อนว่าผมไม่ใช่แฟนตัวยงของ Seiko 5 Sportsสักเท่าไร แม้ว่าบางรุ่นในยุคที่มีการปรับปรุงใหม่ของพวกเขาจะมีหน้าตาที่ดูดีและสวยเอาเรื่อง แต่เป็นเพราะมิติของขนาดตัวเรือนที่ดันไม่ค่อยถูกกับขนาดข้อมือไซส์ 7 นิ้วของผมสักเท่าไร เนื่องจากแม้ว่าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางจะผ่าน (42.5 มิลลิเมตร) แต่ด้วยความที่เป็นนาฬิกาที่มีขาสั้น (Lug to Lug แค่ 46 มิลลิเมตร) และหนา (13.4 มิลลิเมตร) ออกแนวอ้วนป้อม เวลาอยู่บนข้อมือก็เลยดูไม่ค่อยเต็มไม้เต็มมือเท่าไร
อย่างไรก็ตามกับSeiko 5 Sports Thailand Limited Edition (SRPF91K) แล้ว ขณะที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ของ Seikoในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ แล้วเพ่งไปที่นาฬิกาเรือนนี้ บอกเลยว่ามีเสียงกระซิบข้างหูอยู่ตลอดเวลาว่า ‘ลุยเลยเถอะ’
ไม่ใช่เพราะมีญาณหยั่งถึงอะไรหรอกครับ เพียงแต่เป็นจิตใต้สำนึกของตัวเองที่มักจะเกิดขึ้นเสมอ เวลาที่เงินในกระเป๋าของผมบินออกไปอยู่กับคนขายแล้ว แต่อีกด้านของจิตใจพยายามหาเหตุผลอื่นๆ มาคัดค้านหรือยึดรั้งการปิดดีลในครั้งนี้ และดูเหมือนว่ามันจะหาเหตุผลที่จะไม่ซื้อไม่เจอ
สำหรับSeiko 5 Sports Thailand Limited Edition (SRPF91K) ถือเป็นครั้งแรกที่ Seiko ผลิตนาฬิกาที่เป็น Limited Edition ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับธงชาติไทยเป็นครั้งแรก…ใช่หรือ ? ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะแย้งขึ้นมาถ้าผมพูดประโยคนี้
คำตอบคือ จริงสิ เพราะนาฬิกาที่เป็นหน้าปัดลายธงชาติไทยที่เคยมีอยู่ในตลาดก่อนหน้านี้ 2 รุ่นนั้นเป็นผลงานของนักทำนาฬิกาอิสระซึ่ง Seiko เป็นแค่ฝ่ายรับสานฝันให้เป็นจริง ไม่ได้เป็นเจ้าของโปรเจ็กต์เหมือนกับครั้งนี้ ซึ่งเป็นการทำงานเพื่อฉลองโอกาสครบรอบ 103 ปีที่ประเทศไทยใช้ธงไตรรงค์
ทุกสีสันที่อยู่บนตัวเรือนของนาฬิการุ่น 5 Sports ที่ถูกนำมาใช้เป็นตัวเรือนหลักนั้นถือว่ามีความหมายซ่อนอยู่และมีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่า แดง ขาว และน้ำเงิน ทุกคนที่เป็นคนไทยล้วนทราบความหมายของสีเหล่านี้อยู่แล้ว ส่วนสีทองที่ถูกใช้บนขอบของชุดเข็มนั้น คือ การบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของเมืองไทยซึ่งตั้งอยู่บนดินแดนที่เรียกว่าสุวรรณภูมิ
ผมเชื่อว่านาฬิการุ่นนี้ขายดีแบบที่บางครั้งอาจจะไม่ต้องไม่นั่งบิลด์อารมณ์กันมากมาย เพราะด้วยคอนเซ็ปต์ที่มีความชัดเจน และตัวอย่างที่มีให้เห็นก่อนหน้านี้ว่า นาฬิกาอะไรก็ตามที่ถูกผลิตออกมาเป็น Limited Edition และมีความเกี่ยวพันกับความเป็นไทยนั้น โอกาสที่จะได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ชาวไทยมีค่อนข้างสูงถึงสูงมาก
ดังนั้น นั่นก็เลยทำให้หน้าฟีดของ FB ส่วนตัวผมละลานตาไปด้วยภาพของเจ้า SRPF91K เต็มไปหมด เพราะคนนั้นก็สอย คนนี้ก็สอย และเมื่อบวกกับการเลือกใช้สไตล์ของตัวนาฬิกาที่ไม่รู้ว่าจงใจให้ดูคล้ายกับเจ้า SBDB033 (รุ่นฉลอง 40 ปีของ Gundam) เข้าไปด้วย (จนมีการเรียกนาฬิกาเรือนนี้ด้วยชื่อเล่นว่า Mini Gundam) ก็เลยทำให้การตัดสินใจเป็นเจ้าของนั้นทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนตัวแล้ว เหตุผลข้อหลังนี้ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจอะไรของผม และดีลนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุผลที่ผลิตเพื่อคนไทยล้วนๆ เลย
ตอนที่เห็นภาพของ SRPF91K จากเอกสารข่าวที่ Seiko ส่งเข้ามานั้น ต้องบอกเลยว่าสายตามาสะดุดที่แพ็คเกจที่ Seiko ทำได้อลังการเอาเรื่อง เรียกว่าเรียบๆ แต่ดูดีมาก โดยเฉพาะการใช้ลายธงชาติไทยบนขอบด้านในของกล่อง ที่สำคัญเมื่อเจอตัวจริงถึงกับทำให้ต้องปาดเหงื่อ เพราะกล่องมีขนาดใหญ่กว่าที่คิด ชนิดที่ต้องคำนวนทิศทางลมดีๆ ก่อนที่จะเอาเข้าบ้านเพราะด้วยขนาดทำให้การหลบซ่อนจากสายตาของผบ.ทบ.นั้นทำได้ลำบากมาก ครั้งหน้าขอแพ็คเกจที่มีขนาดย่อมกว่านี้หน่อยจะดีมากเลย
ในเซ็ตนอกจากตัวนาฬิกาที่มาพร้อมสาย Stainless Steel แล้ว ยังมีสาย NATO ที่เป็นลายธงชาติไทยแถมมาให้อีก 1 เส้น ซึ่งถูกใจผมมากๆ แม้ว่าส่วนตัวจะมีค่อยชอบใส่สาย NATO ก็ตาม แต่ต้องบอกว่าสายเส้นนี้สวยมาก ซึ่งสุดท้ายแล้วตามสไตล์ผม ยังไงก็ต้องหาสายที่จับคู่แล้วดูไม่เหมือนใครมาทดแทน และเลือกใช้สาย Aftermarket ที่มีอยู่ในกรุของตัวเองมาสลับลองเพื่อหาเส้นที่ดูแล้วลงตัวที่สุด
ส่วนใครที่ชอบแบบเดิมๆ ผมว่าไม่ว่าจะเป็นสาย Stainless Steel หรือสาย NATO ก็เข้ากับตัวนาฬิกาได้ดีเช่นกัน หรือถ้าอยากจะเปลี่ยน กับความกว้างขาสาย 22 มิลลิเมตรก็สามารถหาได้จากตามท้องตลาดได้ง่าย เพราะถือเป็นขนาดมาตรฐาน
ในเรื่องกายภาพของตัวนาฬิกากับความเหมาะสมเวลาอยู่บนข้อมือผมนั้น ก็อย่างที่บอกว่ายังไม่ค่อยถูกจริตผมสักเท่าไรกับมิติตัวเรือนในลักษณะนี้ เพราะยังดูไม่ค่อยเต็มไม้เต็มมือของตัวเองเท่าไร (ที่มีขนาด 7 นิ้ว) แต่สำหรับคนที่มีข้อมือต่ำกว่า 6.5 นิ้ว ผมว่าใส่แล้วกำลังสวย ดูแล้วเต็มข้อมือดี แต่ด้วยความพิเศษของตัวนาฬิกาก็เลยทำให้จุดด้อยส่วนบุคคลของผมตรงนี้หมดไป
นาฬิกาถูกให้สีสันโดยยึด 4 สีหลักตามที่บอกไปข้างต้น สำหรับขอบตัวเรือนนั้น มีความพิเศษตรงที่สเกลบนขอบตัวเรือนซึ่งเป็นลักษณะโปร่งใสมีความแวววาว ชวนให้นึกถึงขอบตัวเรือนของรุ่น SNHZ35 ที่คนชอบเอามาโมดิฟายเป็น Fifty Five Fathoms ต่างจากรุ่นปกติที่ใช้วัสดุอย่างขอบฟิล์มที่เป็นอะลูมิเนียม และแน่นอนว่าด้วยราคาระดับนี้ ผมว่า Seikoก็คงไม่ใช้เซรามิกหรือ Sapphire อย่างแน่นอน ซึ่งข้อมูลบางแหล่งก็บอกว่าเป็นอะครีลิก ตรงนี้คงต้องรอข้อมูลจากทาง Seikoมาคอนเฟิร์ม
สิ่งที่ผมคิดว่าสวยและดูดีคือ การเล่นสีบนสเกลจับเวลาของขอบตัวเรือนมีการแบ่งโทนสีออกเป็นช่วง 0-20 เป็นแถบสีน้ำเงิน และที่เหลือเป็นแถบสีขาว โดยการใช้สีตรงนี้จะสอดคล้องกับ Chapter Ring ที่อยู่ด้านในของหน้าปัด เพียงแต่ตรงพื้นที่ 20-60 นั้นจะเป็นสีแดงเพื่อไม่ให้เกิดความกลมกลมไปกับหน้าปัดที่เป็นสีขาวแบบ Sunray มีการเหลื่อมไปมาตามการส่องกระทบของแสง ซึ่งเมื่อมองในแง่ภาพรวมแล้ว ถือว่า SRPF91K สวยและลงตัวอย่างมาก
ตัวนาฬิกาเป็นทรง SKX มีเม็ดมะยมอยู่ในตำแหน่ง 4 นาฬิกา และไม่ได้ใช้รูปแบบของเม็ดมะยมแบบขันเกลียว ซึ่งส่วนตัวผมไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้วกับตรงนี้ แต่สำหรับบางคนอาจจะติดใจเพราะคิดว่าในเมื่อมีดีไซน์ในแง่ภาพรวมทั้งหมดให้ดูเหมือนกับนาฬิกาดำน้ำ แต่เม็ดมะยมกลับไม่ขันเกลียว อาจจะดูแล้วขัดกันไปหน่อยหรือเปล่า แต่อย่างที่บอกไม่ได้ติดใจอะไร กลับชอบด้วยซ้ำ เพราะเวลาขึ้นลานมือก็สะดวกดี ไม่ต้องมานั่งคลายเกลียวเม็ดมะยมให้เสียเวลา
สำหรับกลไกของ SRPF91K เป็นรหัสที่แฟนๆ Seiko คุ้นเคยกันอยู่แล้ว นั่นคือ 4R36 ซึ่งน่าจะเรียกว่าเป็นกลไก Base สำหรับนาฬิกาในระดับหลัก 1-2 หมื่นบาทของ Seikoซึ่งในเรื่องของความทนทานและความน่าเชื่อถือในการทำงานนั้น สอบผ่านกับการสำรองพลังงาน 41 ชั่วโมง และความเที่ยงตามสเป็กในระดับ +45 ถึง -35 วินาทีต่อวัน
ในแง่ของหน้าตาและคอนเซ็ปต์ในการผลิตนั้น ผมถือว่าสอบผ่าน และ Seikoทำได้ดีมาก แต่บางจุดนั้น ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าเปลี่ยนจากที่เป็นอยู่ น่าจะดีขึ้นและทำให้ตัวนาฬิกามีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดขึ้นกว่านี้ แต่ทั้งนี้ความเปลี่ยนแปลงในมุมที่ผมคิดก็ส่งผลต่อต้นทุนในการผลิตที่จะต้องเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
อย่างแรกคือ ฝาหลัง ตอนที่เห็นภาพกราฟฟิกของลาย…ผมชอบนะกับไอเดียในการสกรีนอะไรที่เป็นภาษาไทยลงไป แต่ด้วยการที่ฝาหลังเป็นแบบใสกลับไม่ทำให้ข้อความที่สกรีนมีความเด่นชัดหรือดูสวยงามขึ้นมาเลย แถมฟอนต์ไม่ใช่ตัวหนา แบ็คกราวนด์ก็ดันเป็นรายละเอียดของกลไก 4R36 มันก็เลยดูละลานตาไป ซึ่งส่วนตัวผมว่า กลไกก็ไม่ได้มีอะไรที่ถูกขัดแต่งชิ้นส่วนให้ดูโดดเด่นหรือสวยงามอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ตัดใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งไปเลยดีกว่า
แต่ก็เข้าใจนะครับว่ามันเป็นการใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ 5 Sports ที่เป็นฝาหลังแบบใส ส่วนตัวคิดว่าถ้าเปลี่ยนเป็นฝาหลังแบบทึบผมว่าอาจจะเข้าท่ากว่า เช่นเดียวกับการสลักเรือนที่ผลิตจากจำนวนการผลิต ซึ่งจากการที่ฝาหลังเป็นแบบใส การสลักก็เลยต้องย้ายตำแหน่งไปอยู่ตรงขอบฝาหลังและทำให้ใช้ฟอนต์ใหญ่ไม่ได้ สุดท้ายผมต้องมองหาตั้งนานว่าหมายเลขที่ตัวเองได้มานั้นอยู่ตรงไหน
ประการต่อมาคือ ในเมื่อนาฬิกาเรือนนี้สื่อถึงความเป็นไทย และบนฝาหลัง Seikoก็เลือกใช้ตัวเลขที่เป็นตัวเลขไทยแล้ว ผมว่ามันน่าจะใช้ให้หมดนะ ตั้งแต่ตัวเลขเรือนที่ผลิต ไปจนถึงตัวเลขในจานเพลท Date หรืออาจจะไล่ไปจนถึงตัวเลขบนสเกลของขอบตัวเรือนด้วย ซึ่งตรงนี้จะช่วยทำให้ความเป็นไทยที่มีอยู่ในตัวนาฬิกามีความโดดเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจนขึ้น หรือถ้าเยอะไป ก็อาจจะมีตัวเลขไทยเฉพาะหลักบนสเกลที่ต้องการสื่อสารแบบสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ก็ได้ ส่วนที่เหลือก็ใช้เป็นแบบขีดไป
มาถึงตรงนี้ บางทีก็น้อยใจนิดๆ นะเมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับ Limited Edition อย่างพวก Naruto หรือ Street Fighter ซึ่ง Seikoยอมปรับเปลี่ยนและลงทุนในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตัวนาฬิกาเพื่อสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ที่ตั้งเอาไว้มากกว่านาฬิกาเรือนนี้เสียอีกทั้งที่เป็น Limited Edition เหมือนกัน และราคาป้ายก็แตกต่างกันไม่มากเท่าไร หรือถ้าจะต้องจ่ายเพิ่มแล้วได้ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้นและถูกใจ ผมคนหนึ่งละที่พร้อมจ่ายเพิ่ม
13,800 บาท และ 2,563 เรือน คือ ราคาและจำนวนการผลิตของSeiko 5 Sports Thailand Limited Edition (SRPF91K) ถ้าถามว่าน่าเก็บเข้ากรุไหม ? คำตอบคือ ‘ใช่’ แต่อย่าเพิ่งถามเรื่องอนาคตที่หลายคนฝันหวานว่าจะทำกำไรจากนาฬิกาเรือนนี้กันนะ เพราะผมยังไม่ได้มองไปถึงขั้นนั้น แต่ที่ซื้อก็เพราะถูกใจ และนี่คือนาฬิกาที่สื่อถึงความเป็นไทย…เหตุผลที่สนับสนุนในการเสียเงินครั้งนี้มีเท่านี้จริงๆ และนี่ถือเป็นอีกครั้งที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
ข้อมูลทางเทคนิค: Seiko 5 Sports Thailand Limited Edition (SRPF91K)
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 42.5 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 46 มิลลิเมตร
- หนา : 13.4 มิลลิเมตร
- ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
- กระจก : Hardlex
- ระดับการกันน้ำ: 100 เมตร / 10 บาร์
- กลไก : 4R36 ขึ้นลานมือ และ Hacking เข็มวินาที
- สำรองพลังงาน : 41 ชั่วโมง
- ความเที่ยงตรง : +45 ถึง -35 วินาทีต่อวัน
- จำนวนการผลิต : 2,563 เรือน
- ราคา : 13,800 บาท
- ประทับใจ : แพ็คเกจ การออกแบบและเลือกใช้สีบนตัวเรือน
- ไม่ประทับใจ : รูปแบบฝาหลังแบบใส ทำให้มองตัวหนังสือไม่ชัด
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/