สำหรับแฟนๆ ของ Rolex ( โรเล็กซ์) ตอนนี้เตรียมตัวกันได้แล้ว เพราะมีการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ๆ สำหรับปี 2020 ออกสู่ตลาด โดยไฮไลท์หนีไม่พ้น Submariner 2020 ที่มีการปรับปรุงรายละเอียดหลายอย่าง
Rolex Submariner Date 2020 ขยายขนาด กลไกใหม่ เพิ่มสีใหม่
-
ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของ Submariner สำหรับเวอร์ชันปี 2020
-
ขยายขนาดตัวเรือนเล็กน้อยและปรับรูปทรงของขาสายเช่นเดียวกับความกว้าง
-
กลไกใหม่ และมีสีสันรวมถึงวัสดุใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา
หลังปล่อย Teaser ออกมาให้รับทราบทางโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ในที่สุด Rolex ก็เผยโฉมคอลเล็กชั่นใหม่สำหรับปี 2020 ของ Submariner Date ออกมาแล้ว และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เราเห็นอยู่ในเว็บก่อนหน้านี้ โดยของใหม่ที่ว่าคือ การมาขอบตัวเรือนสีเขียวและสีน้ำเงินหน้าปัดดำ และอีกรุ่นคือตัวเรือนสีทองและใช้ขอบตัวเรือนสีดำ
สำหรับรุ่นใหม่มาพร้อมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 41 มิลลิเมตร ซึ่งแทนที่รุ่นเดิมที่มีขนาดตัวเรือน 40 มิลลิเมตร นอกเหนือจากขนาดแล้วอีกสิ่งที่เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนตัวเรือนคือ รูปทรงของขาตัวเรือนที่ดูสอบลงมาเล็กน้อย มีความบางขึ้นและมีการโค้งรับกับข้อมือมากขึ้น ส่วนความกว้างขาสายก็เปลี่ยนจาก 20 มิลลิเมตรมาเป็น 21 มิลลิเมตร และอีกจุดคือ การออกแบบตัวเรือนที่ทำหน้าที่เป็น Crown Guard ที่มีความโค้งมนละลงตัวมากขึ้น โดยที่ความสูงของตัวเรือนยังอยู่ในระดับ 12.5 มิลลิเมตร
รุ่นเก่า รุ่นใหม่ปี 2020
MY 2020 | Ref.114060 | |
เส้นผ่านศูนย์กลาง (มม.) | 41 | 40 |
ความหนา (มม.) | 12.5 | 12.5 |
ความกว้างขาสาย (มม.) | 21 | 20 |
กลไก | 3230/3235 | 3130 |
สำรองพลังงาน (ชม.) | 70 | 48 |
ในเรื่องของสีสันนั้น มีสีใหม่เพิ่มเข้ามา โดยหนึ่งในนั้นคือ Kermit หรือ Submariner ที่มากับสเกลบนขอบตัวเรือนเป็นสีเขียว และใช้หน้าปัดดำ โดยจะมีรหัส Ref.16610LV และเคยเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นของ Submariner ที่เปิดตัวทำตลาดนานถึง 7 ปีก่อนที่จะเลิกผลิตไปในปี 2010 ส่วนอีก 2 สีคือ ขอบตัวเรือนสีน้ำเงินและหน้าปัดดำ
ทุกรุ่นโดดเด่นด้วยขอบหน้าปัด Cerachrom แบบหมุนได้และสายนาฬิกา Oyster ข้อต่อแข็ง นาฬิการุ่น Submariner และ Submariner Date รุ่นล่าสุดยังคงความงดงามของรุ่นดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1953 นอกจากนี้ Submariner ยังถือเป็นตัวกำหนดมาตรฐานให้กับนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำ และเป็นจุดพลิกโฉมครั้งสำคัญในวงการผลิตนาฬิกา
สำหรับหน้าปัดพร้อมจอแสดง Chromalight เป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นในสภาพแวดล้อมอันมืดมิด ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญสำหรับนักดำน้ำ มาพร้อมเข็มแสดงชั่วโมงในรูปทรงที่เรียบง่าย เช่น สามเหลี่ยม วงกลม สี่เหลี่ยม รวมถึงเข็มแสดงชั่วโมงและนาทีที่กว้าง ซึ่งจะช่วยให้ทำการอ่านเวลาได้ทันที และสามารถเชื่อถือได้เพื่อป้องกันความสับสนขณะอยู่ใต้น้ำ โดยระดับการกันน้ำยังเท่าเดิมที่ 300 เมตร
กลไกที่ขับเคลื่อน Submariner ใหม่นั้นเป็นรหัสใหม่ In-House 3230 โดยจะเข้ามาแทนที่รหัส 3130 สำหรับรุ่น No Date และส่วน 3235 สำหรับรุ่น Date นั้นเป็นกลไกที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว ทั้ง 2 รหัสเดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง มีความเที่ยงตรงที่เรียกว่า Superlative Chronometer (ผ่านการทดสอบและรับรองทั้งจากของ COSC และ Rolex) มีความคลาดเคลื่อน -2/+2 วินาทีต่อวัน พร้อมใยนาฬิกาหรือ hairspring สีฟ้าที่เรียกว่า Parsachrom สามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้ และสามารถสำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง โดยสิ่งที่ปรับปรุงคือมีการใช้ชุด Escapemant แบบใหม่ที่เรียกว่า Chronergy Escapement มีการลดความหนาของ Pallet ถึงครึ่งหนึ่งแต่ให้ประสิทธิภาพในการสัมผัสกับเฟือง Escape Wheel เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวช่วยเพิ่มการทำงานได้ดีขึ้น 15%
รายละเอียดที่เปิดเผยออกมาจากเว็บไซต์ของ Rolex ในเมืองไทยพร้อมราคาจะประกอบด้วย
- รุ่นตัวเรือนสตีล No Date Ref.124060 ราคา 277,200 บาท
- รุ่นตัวเรือนสตีล หน้าปัดดำ Date ตัวเรือนสตีล Ref.126610LN ราคา 313,200 บาท
- รุ่นตัวเรือนสตีล หน้าปัดดำ สเกลขอบตัวเรือนสีเขียว Ref.126610LV ราคา 327,600 บาท
- รุ่นตัวเรือนทองคำขาว หน้าปัดดำ สเกลขอบตัวเรือนสีน้ำเงิน Ref.126619LB ราคา 1,360,800 บาท
- รุ่นตัวเรือนสตีล-ทองคำ หน้าปัดน้ำเงิน Ref.126613LB ราคา 489,600 บาท
- รุ่นตัวเรือนสตีล-ทองคำ หน้าปัดดำ Ref.126613LN ราคา 489,600 บาท
- รุ่นตัวเรือนทองคำ หน้าปัดดำ Ref.126618LN ราคา 1,267,200 บาท
- รุ่นตัวเรือนทองคำ หน้าปัดน้ำเงิน Ref.126618LB ราคา 1,267,200 บาท
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/