Rolex กับการนับถอยหลังสู่ 100 ปีของการแข่งสุดโหด 24 Hours of Le Mans

0

การแข่งรถสุดโหดรายการ 24 Hours of Le Mans ในปีนี้จะมีความพิเศษ โดยจะเป็นการครบรอบ 100 ปีของการแข่งขันนับจากเริ่มต้นในปี 1923 และสำหรับ Rolex ซึ่งเป็นแบรนด์นาฬิกาอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2001 ก็จะมีส่วนร่วมในปีที่พิเศษนี้ด้วยกับการผลิตนาฬิกา Rolex Daytona เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีให้กับทีมที่ชนะเลิศในปีนี้ด้วย

Rolex 24 Hours of Le Mans
©Rolex/Stephan Cooper

Rolex กับการนับถอยหลังสู่ 100 ปีของการแข่งสุดโหด 24 Hours of Le Mans

- Advertisement -

สำหรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก การแข่งรถสุดโหดแบบมาราธอน 24 ชั่วโมงในรายการ 24 Hours of Le Mans  ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำในช่วงเดือนมิถุนายนที่ประเทศฝรั่งเศสถือว่าเป็นชื่อที่คุ้นเคยกันดี และ Rolex แบรนด์นาฬิการะดับหรู ได้เข้าไปมีส่วนในการแข่งขันในฐานะของแบรนด์นาฬิกาอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2001 จะส่งมอบความพิเศษให้กับผู้ชนะเลิศในปีนี้ ซึ่งมีความพิเศษตรงที่เป็นการฉลองครบรอบ 100 ปีของการแข่งขันพอดี

การแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ในปีนี้ได้รับการขนานนามว่า เป็นการแข่งขันแห่งศตวรรษเนื่องจากการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระยะไกลสุดท้าทายที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของโลกนี้กาลังเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี โดยตั้งแต่เวลา 4 โมงเย็นของวันเสาร์ที่ 10 ไปจนถึงเวลาเดียวกันของวันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายนที่กำลังจะถึงนี้ ฝูงชนกว่า 300,000 คน

ซึ่งคาดว่าจะทำลายสถิติมากเป็นประวัติการณ์ จะเข้ามามีส่วนร่วมกับอีกหนึ่งหน้าของประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ต เพื่อเฝ้าชมนักแข่งรถและทีมก้าวข้ามขีดจำกัด ในการแข่งขันที่พวกเขาต้องทำเวลาแข่งกับนาฬิกา Rolex เพื่อให้ครอบคลุมระยะทางที่ไกลที่สุด ณ สนาม Circuit de la Sarthe ซึ่งมีระยะทางต่อรอบ 13.626 กิโลเมตร

ในฐานะพันธมิตรและนาฬิกาอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans มาตั้งแต่ปี 2001 ทางด้าน Rolex ได้ทำหน้าที่ในการสนับสนุนงานด้านวิศวกรรมและความพยายามของมนุษย์ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการแข่งขันระดับตำนานรายการนี้

Tom Kristensen นักแข่งชาวเดนมาร์กที่คว้าแชมป์มากที่สุดในรายการ 24 Hours of Le Mans ด้วย ชัยชนะถึง 9 ครั้ง และยังเป็น Testimonee ของ Rolex ต้ังแต่ปี 2010 จะรับหน้าที่เป็นทูตสำหรับการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการแข่งขันนี้และเมื่อกล่าวถึงความทรงจำของการแข่งขัน

เขากล่าวว่า “คุณจะตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของ Le Mans เมื่อคุณนึกไปถึงช่วงเวลา 100 ปีที่ผ่านมา มีทั้งวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงมากมาย มีชัยชนะและความยากลาบาก มันจึงเป็นการแข่งขันในระดับตำนานอย่างแท้จริง ตลอดระยะเวลา 24 ชั่วโมง นาฬิกา Rolex เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความสาคัญของแต่ละนาทีและแต่ละรอบที่ผ่านไป ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับนักแข่งแล้ว หากคุณสามารถยกระดับตัวเองในช่วงเวลานั้นได้ คุณก็จะสามารถเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบได้มากที่สุด”

นับตั้งแต่พิธีเปิดครั้งแรกในปี 1923 การแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรม การบุกเบิกประสิทธิภาพ และความปลอดภัยบนสนามแข่งในการแข่งขันตลอดทั้งวันทั้งคืนนี้ นักแข่งและเครื่องยนต์เริ่มต้นแข่งขัน ซึ่งบ่อยครั้งจะอยู่ในสภาพที่สมบุกสมบันที่สุด ทุ่มเทเพื่อสมรรถนะสูงสุด โดยการแข่งขันปีนี้จะต้อนรับการกลับมาของผู้ผลิตรถยนต์ระดับชั้นนำของโลก เช่น Cadillac, Ferrari, Peugeot หรือ Porsche ซึ่งทุกแบรนด์ล้วนมีความมุ่งมั่นที่จะจารึกชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของกีฬามอเตอร์สปอร์ตกันทั้งสิ้น

Rolex 24 Hours of Le Mans

นอกจากนั้น Testimonee ของ Rolex และแชมป์โลกนักขับรถ Formula 1® ของ FIA ประจาปี 2009 อย่าง Jenson Button ก็จะเข้าร่วมแข่งขันเคียงข้างกับยักษ์ใหญ่ ในวงการเหล่านี้ด้วยรถ Garage 56 สุดล้ำ โดยนักแข่งชาวอังกฤษที่เฝ้ารอถึงวันแข่งขันในปีนี้ได้กล่าว ว่า

“ผมเคยแข่งรถที่ 24 Hours of Le Mans มาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2018 และผมก็รู้สึกประทับใจมาก ก่อนหน้านั้น ทุกคนบอกว่าผมควรลงแข่ง แต่จนกว่าคุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน เป็นส่วนหนึ่งของทีม คุณจะไม่รู้หรอกว่าการแข่งขันตลอดเวลา 24 ชั่วโมงนั้น มันพิเศษมากแค่ไหน และเมื่อคุณขับผ่านเส้นชัย ในที่สุดคุณจะเห็นใบหน้าของทุกคนที่ท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ แฟนๆ ต่างเฝ้ารอตลอดทั้งคืน

ทีมงานต่างทำงานตลอด 36 ชั่วโมง และพวก เขาก็ผ่านอะไรมากมาย แค่แข่งจนจบการแข่งขัน Le Mans ก็ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ไม่มีสิ่งไหนเทียบได้เลย และ Le Mans โดดเด่นในฐานะที่เป็นหนึ่งในการแข่งขันที่พิเศษที่สุดที่ผมเคยร่วมมา และการกลับมาในปีนี้เพื่อการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัว Rolex ก็ถือเป็นสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว”

Rolex มีธรรมเนียมอันยาวนานในการมอบรางวัลแก่แชมป์กีฬามอเตอร์สปอร์ตด้วยเรือน เวลารุ่นพิเศษเพื่อเป็นเกียรติแก่ผลงานและความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของพวกเขา โดยนักแข่งที่คว้าชัยชนะในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans

ในปีนี้  จะได้รับนาฬิกา Oyster Perpetual Cosmograph Daytona และชูถ้วยรางวัลครบรอบ 100 ปี ซึ่ง Kristensen กล่าวเสริมว่า

“การที่เราได้รับชัยชนะที่ Le Mans จะเป็นความภาคภูมิใจที่ติดตัวไปตลอดชีวิตของเรา และการได้รับนาฬิกา Rolex Daytona เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี จะเป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจอย่างเหลือเชื่อ นาฬิกาจะบอกเล่าเรื่องราวของการแข่งขันไปตลอดกาล

และการได้เห็นคำ ว่า Le Mans สลักอยู่บนนาฬิกาจะทาให้นาฬิกามีความหมายมากยิ่ง ขึ้นไปอีก ในปีนี้ นักแข่ง จะไม่ใช่แค่ผู้ชนะในรายการ Le Mans เท่านั้น แต่นักแข่งคนนั้นจะเป็นผู้ชนะ Le Mans ในโอกาสครบรอบ 100 ปี ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งเดียวในชีวิตที่ไม่สามารถหาสิ่งไหนมาเทียบได้”

100 ปีที่น่าจดจำของ 24. Hours of Le Mans และ Rolex กับโลกมอเตอร์สปอร์ต

  1. 1923 การแข่งขัน 24. Hours of Le Mans จัดขึ้นเป็นครั้งแรก
  2. 1930 : ความสัมพันธ์ของ Rolex กับกีฬามอเตอรส์ปอรต์เริ่มขึ้นเมื่อ Sir Malcolm Campbell สวมนาฬิกา Oyster ในขณะขับรถแข่ง Bluebird ที่ Daytona Beach
  3. 1935 : Sir Malcolm Campbell ได้สร้างสถิติโลกใหม่ (World Land Speed Record) ด้วยความเร็ว 300 ไมล์ต่อชั่วโมง (483 กม./ชม.) โดยสวมนาฬิกา Rolex
  4. 1959 : Rolex เริ่มให้การสนับสนุนสนามแข่ง Daytona International Speedway®
  5. 1963 : Rolex รังสรรค์ Oyster Perpetual Cosmograph Daytona นาฬิกาจับเวลาที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อการแข่งรถ
  6. 1965 : Sir Jackie Stewart ปฏิวัติวงการแข่งรถในแข่งขัน 24. Hours of Le Mans เมื่อเขาขับรถแข่งที่ใช้เครื่องยนต์ Turbine
  7. 1967 : การแข่งรถนัดประวัติศาสตร์ “Race of the Century” ระหว่าง Ford กับ Ferrari เกิดขึ้นที่สนาม Circuit de la Sarthe
  8. 1968 : Sir Jackie Stewart ได้เป็น Rolex Testimonee และต่อมาไม่นาน เขาได้กลายเป็นนักแข่งรถในตำนาน ด้วยการคว้าแชมป์ Formula 1® จากสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ถึง 3 สมัย (ปี 1969, 1971, 1973)
  9. 1969 : การแข่งขันที่สูสีที่สุดในการชิงเข้าเส้นชัยระหว่างรถแข่ง 2 คันในรายการ 24 Hours of Le Mans ที่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการคือ ทิ้งระยะห่างกันเพียง 120 เมตร
  10. 1971 : เป็นปีแรกที่นำการปล่อยตัวแบบ Rolling Start มาใช้เป็นครั้งแรกในรายการนี้ โดยการสตาร์ทแบบ Rolling Start คือ รถแข่งจะขับวน 1 รอบสนามตามอันดับที่ควอลิฟายได้ ห้ามแซงกัน และมีการกำหนดความเร็วเอาไว้ จนกว่าจะขับผ่านเส้นชัยถึงเร่งความเร็วได้ และเริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
  11. 1988 : ความเร็วสูงสุดได้รับการบันทึกไว้ที่ 405 กม./ชม. (251.65 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในระหว่างการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans โดยรถ VM prototype
  12. 1992 : Rolex เป็นผู้สนับสนุนรายการ Rolex 24 At DAYTONA
  13. 1997 : Tom Kristensen คว้าชัยชนะครั้งแรกของตัวเองในการแข่งขัน 24. Hours of Le Mans และสร้างสถิติเวลาต่อรอบสนามเอาไว้ที่ 3:45.068 นาที
  14. 2001 : Rolex กลายเป็นแบรนด์นาฬิกาอย่างเป็นทางการ (Official Timepiece) ของการแข่งขัน 24. Hours of Le Mans และ Tom Kristensen สามารถคว้าชัยชนะครั้งที่ 3 ของตัวเองได้สำเร็จ
  15. 2005 : Tom Kristensen คว้าแชมป์ครั้งที่ 7 ในการแข่งขัน 24. Hours of Le Mans และเป็นชัยชนะ 6 ครั้งติดต่อกัน
  16. 2010 : Tom Kristensen ได้เข้าร่วมครอบครัว Rolex Testimonee และได้สร้างสถิติใหม่ โดยแล่นทำระยะทางสูงสุด 5,410.71 กิโลเมตร (3,362.05 ไมล์) ในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ปีนั้น ซึ่งถือเป็นสถิติของรายการ
  17. 2012 : การแข่งขันรายการ World Endurance Championship (WEC) ของ FIA จัดขึ้นเป็นครั้งแรก
  18. 2013 : Tom Kristensen ผู้เป็น Rolex Testimonee สร้างสถิติคว้าชัยชนะครั้งที่ 9 ในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดที่ยังไม่มีใครทำลายได้
  19. 2015 : Mark Webber ชนะการแข่งขันรายการ FIA World Endurance Championship
  20. 2016 : Rolex กลายเป็นนาฬิกาอย่างเป็นทางการ (Official Timepiece) ของการแข่งขัน FIA World Endurance Championship
  21. 2017 : Mark Webber คว้าแชมป์รายการ Formula 1® Grand Prix หลายสมัย และแชมป์การแข่งขัน FIA World Endurance Championship 2015 รวมถึงยังได้เป็น Rolex Testimonee
  22. 2019 : สถิติเวลาต่อรอบที่สนาม Circuit de la Sarthe ถูกทำลายลง ด้วยสถิติใหม่ 3:17.297 นาที
  23. 2022 : Jenson Button แชมป์รายการ FIA Formula 1® ปี 2009 ได้เข้าร่วมครอบครัว Rolex Testimonee
  24. 2023 : ครบรอบปีที่ 100 ของการแข่งขัน 24. Hours of Le  Mans โดย Jenson Button ซึ่งเป็น RolexTestimonee จะเข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้

บรรยายภาพ

1.นาฬิกา Rolex Daytona Cosmograph รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นมาเพื่อผู้ชนะการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 100 แล้ว Rolex 24 Hours of Le Mans
  1. Jenson Button แชมป์รายการ FIA Formula 1® ปี 2009 ได้เข้าร่วมครอบครัว Rolex Testimonee เครดิต : ©Rolex/Jean-Francois Galeron
Rolex 24 Hours of Le Mans

QUALIFYING SESSION 2<br />
LMP1 SMP RACING, BR ENGINEERING BR1 – AER.<br />
JENSON BUTTON (GBR).
3. Tom Kristensen ผู้เป็น Rolex Testimonee สร้างสถิติคว้าชัยชนะครั้งที่ 9 ในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดที่ยังไม่มีใครทำลายได้ เครดิต : ©Rolex/Thomas Laisné Rolex 24 Hours of Le Mans

Tom Kristensen, 2022. He is wearing the Oyster Perpetual Cosmograph Daytona
4.การแข่งขันอันสุดโหดของ 24 Hours of Le Mans ที่แต่ละทีมจะต้องขับเคี่ยวกันนานแบบข้ามวัน เครดิต : ©Rolex/Stuart Wallace Rolex 24 Hours of Le Mans

IMSA PERF. MATMUT CAR 76 PASSES PESCAROLO SPORT CAR 16 IN THE PITS DURING FIRST DAY OF PRACTICE FOR THE 24 HEURES DU MANS 2006, LE MANS, FRANCE.<br />
PICTURE COPYRIGHT ? STUART WALLACE/ ROLEX 2006
5.การแข่งขันอันสุดโหดของ 24 Hours of Le Mans ที่แต่ละทีมจะต้องขับเคี่ยวกันนานแบบข้ามวัน เครดิต : ©Rolex/Jad Sherif Rolex 24 Hours of Le Mans

2, AUDI SPORT TEAM JOEST, Class: LMP1, Car: AUDI R18 E-TRON QUATTRO, Hybride, Drivers: Tom KRISTENSEN (DNK), Loic DUVAL (FRA), Allan McNISH (GBR)
6.การแข่งขันอันสุดโหดของ 24 Hours of Le Mans ที่แต่ละทีมจะต้องขับเคี่ยวกันนานแบบข้ามวัน เครดิต : ©Rolex/Jad Sherif Rolex 24 Hours of Le Mans

8, TOYOTA GAZOO RACING, LM P1, TOYOTA TS050 – HYBRID, S?bastien BUEMI (CHE), Kazuki NAKAJIMA (JPN), Brendon HARTLEY (NZL)
7.Tom Kristensen กับถ้วยรางวัลฉลองครบรอบปีท่ี 100 ของการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans เครดิต : ©Rolex/Nick Harvey Rolex 24 Hours of Le Mans

Rolex Testimonee, Tom Kristensen in the Rolex Drivers’ Lounge
8.นาฬิกานับเวลาถอยหลังของ ROLEX ยามค่าคืน ในปี 2018 เครดิต : ©Rolex/Jad Sherif Rolex 24 Hours of Le Mans
9.Rolex เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ 24 Hours of Le Mans มาตั้งแต่ปี 2001 เครดิต : ©Rolex/Eddie Keogh Rolex 24 Hours of Le Mans

QUALIFYING 1 ROLEX CLOCK