เหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา Robinson The Ultimate Watch Fair 2023 ยังเต็มไปด้วยความน่าสนใจที่คนรักนาฬิกาไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะในปีนี้มีนาฬิการุ่นใหม่ๆ มาเปิดตัวหลายรุ่น เช่นเดียวกับโปรโมชั่นของงานที่เย้ายวน และช่วยทำให้การเป็นเจ้าของนาฬิกาสักเรือนเป็นเรื่องง่ายด้วยข้อเสนอที่สุดพิเศษ
9 เรือนเวลาเด่นห้ามพลาดในงาน Robinson The Ultimate Watch Fair 2023
สำหรับงานในปีนี้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 21 มี.ค. 66 – 2 เม.ย. 66 ที่ Center Court ชั้น 1 ศูนย์การค้า แฟชั่นไอส์แลนด์ โดยมีแบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลกเข้ามาร่วมงานมากมาย ทั้งกลุ่มสมาร์ทวอทช์ แฟชั่น ไปจนถึงกลุ่มลักชัวรี่ ไม่ว่าจะเป็น Garmin, Casio, Seiko Grand Seiko, Rado, Oris, Frederique Constant, Maurice Lacroix, Mido ฯลฯ โดยมีทั้งคอลเลกชั่นใหม่ และ ลิมิเต็ด เอดิชั่น
ใครที่อยากรู้ว่ามีนาฬิกาเรือนไหนบ้างที่น่าสนใจดูได้จาก 9 นาฬิกาเด่นของงานในปีนี้ได้เลย
1.Garmin MARQ Golfer Gen 2: MARQ
เป็นซับแบรนด์ที่ถูกเปิดตัวออกมาในวาระของการฉลองครบรอบ 30 ปี ของการก่อตั้ง Garmin International ซึ่งเมื่อก่อนเติบโตและเป็นที่รู้จักกับการผลิตเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการนำทางก่อนที่จะขยายแนวรุกมาสู่ตลาดนาฬิกาออกกำลังกาย
และ Smart Watch คอลเลคชั่น MARQ ผลิตขึ้นมาโดยวิศวกรของ GARMIN ที่ควบคุมดูแลการผลิตและการประกอบชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของทุกชิ้นงานกระบวนการในการผลิตอุปกรณ์ชั้นเลิศเหล่านี้แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยใช้การประสานแสง (Optical Bonding) การวางตัวของระบบเลนส์ (Optical Alignment)
การทดสอบความดันน้ำ การทดสอบการทนต่อความร้อน การสั่นสะเทือน และการสึกกร่อน ผลลัพธ์คือการออกแบบวัสดุที่มีเงื่อนไขมากมาย ส่งผลให้ชื่อเสียงของ Garmin ที่มีอยู่เดิมในด้านคุณภาพได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
ในรุ่นใหม่เจนเนอเรชั่นที่ 2 คือที่สุดของการใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัด สะท้อนทุกด้านของชีวิตอันไร้ขอบเขต ตัวตน จิตวิญญาณ และความกล้าหาญ คัดสรรทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถันเฉพาะคุณ กับนวัตกรรมที่ได้มาตรฐานจากแบรนด์ระดับโลก
ก้าวไปสู่เป้าหมายที่สูงยิ่งกว่าด้วย MARQ Golfer (Gen 2) ลักชัวรี่วอทช์ที่ไม่เหมือนใคร สร้างจากไทเทเนี่ยมเกรด 5 เพื่อความทนทานและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มาพร้อมหน้าจอสัมผัสแบบ Amoled ที่ดึงดูดทุกสายตาแผนที่สนามกอล์ฟมากกว่า 42,000 สนาม และการติดตามข้อมูลในเกมการแข่งขันที่ล้ำหน้าที่สุด คุณจึงสามารถยกระดับความสามารถได้สูงยิ่งขึ้น
2.Casio G-B001MVE-9DR_LIMITED:
นาฬิกา DW–001 ที่เปิดตัวในปี 1994 และเคยกลับมาทำตลาดอีกครั้งในปี 2010 ก่อนหายไป ในตอนนี้ Casio ปัดฝุ่นนำนาฬิกาเจ้าของฉายา Jason กลับมาสู่ตลาดอีกครั้ง และจริงอยู่ที่แม้ว่าจะมีรูปร่างและดีไซน์ท้ายเดิม แต่ทว่าในแง่ของนวัตกรรมที่อยู่บนตัวเรือนและโมดุลมีการเปลี่ยนแปลงใหม่หมดเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัย
CASIO ได้นำเสนอวิวัฒนาการใหม่ของนาฬิกาที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มาพร้อมโครงสร้างป้องกันแกนกลางที่ทำจากคาร์บอน ภายนอกเป็นโลหะ และมีฟังก์ชันการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน นอกจากนั้น กรอบยูรีเทนแบบถอดได้ยังให้สัมผัสที่สนุกสนาน
โดยมีให้เลือกระหว่างกรอบสองกรอบคือ โลหะหรือยูรีเทน รูปแบบแคปซูลที่แข็งแกร่งที่ได้รับการปรับแต่งขึ้นมาใหม่ รักษารูปแบบการออกแบบดั้งเดิมไว้ขณะที่มีลักษณะเฉพาะตัวแบบใหม่เพิ่มเข้ามา กรอบและสายนาฬิกาโปร่งแสงได้รับการรวมเอาไว้ด้วย
เพื่อให้การผสมผสานการออกแบบที่ปรับแต่งได้ 12 รูปแบบ กรอบเพิ่มเติมมีแบบหล่อสองโทนสีในรูปแบบสีเหลืองและสีเขียว และสายเพิ่มเติมที่แสดงการไล่ระดับสีน้ำเงิน คันโยกแบบเลื่อนทำให้ส่วนต่างๆ เปลี่ยนได้ง่าย
3.Seiko Prospex Speedtimer Mechanical Chronograph รุ่น SRQ045J:
นาฬิกาที่ได้รับการสร้างสรรค์ใหม่จากเรื่องราวความสำเร็จของแบรนด์ในฐานะที่เป็นผู้จับเวลาหลักของการแข่งขันโอลิมปิก ฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นในปี 1964 เช่นเดียวกับการเป็นผู้บุกเบิกในโลกของการจับเวลาด้วยการผลิตและพัฒนานาฬิกาจับเวลาที่มีความเที่ยงตรงระดับสูงสำหรับใช้ในวงการกีฬา
โดยทั้งหมดได้ถูกถ่ายทอดลงบนนาฬิการุ่นใหม่อย่าง Prospex Speedtimer Limited Edition ที่มาพร้อมกับตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตรสีดำ ขับเคลื่อนด้วยกลไกจับเวลาในรหัส 8R46 ที่มีกำลังสำรอง 45 ชั่วโมง ส่วนการผลิตนาฬิกาเรือนนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 600 เรือน
4.Grand Seiko SLGA015:
ความสวยงามและความสปอร์ตของนาฬิกาจากคอลเล็กชั่น Evolution 9 ของ Grand Seiko กับรุ่น SLGA015 ที่แรงบันดาลใจจากสายน้ำ Black Stream หรือ คุรุชิโอะ
ซึ่งเป็นสายน้ำในทะเลญี่ปุ่นที่ไหลเข้าสู่ในมหาสมุทร และ Grand Seiko ได้นำไปสู่การสร้างสรรค์เรือนเวลาที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่น ซึ่งถูกสะท้อนผ่านลวดลายที่อยู่บนหน้าปัด ตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43.8 มิลลิเมตร ผ่านการขัดแต่งตัวเรือนและสายอย่างสวยงามตามแบบฉบับ Zaratsu
ขับเคลื่อนอย่างเที่ยงตรงด้วยกลไก Spring drive ใหม่ล่าสุด 9RA5 เดินด้วยความเที่ยงตรง +- 0.5 วินาทีต่อวัน พลังงานสำรอง 120 ชั่วโมง พร้อมความสามารถในการกันน้ำ 200 เมตร
5.Rado True Square Automatic:
Rado มีชื่อเสียงจากการผลิตนาฬิกาไฮเทคเซรามิกรูปทรงสี่เหลี่ยม True Square เป็นนาฬิกาคอลเล็คชั่นใหม่ที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมอันโดดเด่นตามแบบฉบับของ Rado พร้อมการใช้วัสดุอย่างไฮเทคเซรามิที่มีการฉีดขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียว True Square มีน้ำหนักเบา มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนและสวมใส่สบาย Rado True Square Automatic Open Heart ที่โดดเด่นและมุ่งเน้นด้านการออกแบบ ซึ่งเป็นรูปทรงของเทรนด์ใหม่ในอนาคต
6.Oris Big Crown Calibre 473:
ความโดดเด่นของกลไกแบบ In-House ของ Oris ที่มาพร้อมกับตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตรของรุ่น Big Crown ซึ่งถือเป็นนาฬิกา Iconic ของแบรนด์ที่ทำตลาดอย่างต่อเนื่องมามากกว่า 80 ปี โดยในครั้งนี้ Oris ได้พัฒนากลไก Calibre 473 ขึ้นมา เป็นกลไกไขลานที่มีกำลังสำรอง 5 วันหรือ 120 ชั่วโมง
โดยถือเป็นหนึ่งจากผลผลิตของโปรเจ็กต์ Oris Movement Creation Programme ที่เริ่มขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ ตัวนาฬิกามาพร้อมการแสดงเวลาในแบบ Small Second ที่มีหน้าปัดย่อยของวงวินาทีในตำแหน่ง 6 นาฬิกา หน้าปัดสีฟ้าอมเขียว และมาพร้อมสายหนังกวางจาก Cervo Volante เพื่อแสดงถึงความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
7.Frederique Constant รุ่น FC-303N4NH6B Highlife Automatic COSC:
นาฬิการะดับหรูของ Frederique Constant ที่ได้รับการยกระดับความโดดเด่นในแง่ของกลไกที่มีความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer ซึ่งผ่านการรับรองโดยสถาบัน COSC ตัวเรือนผลิตจากสแตนเลสสตีลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 41 มิลลิเมตร
โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินที่มีการสลักลวดลายบนพื้นหน้าปัดให้เป็นรูปโลกพร้อมกับสายที่ผลิตจากสตีลโดยที่มีสายยางแถมมาให้ในเซ็ตอีก 1 เส้น และในรุ่นนี้มากับกลไก FC–310 ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีความเที่ยงตรงระดับสูงจนได้การรับรองจาก COSC และเดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง มีกำลังสำรอง 38 ชั่วโมง
8.Maurice Lacroix AIKON Master Grand Date Black:
เผยโฉมภายใต้ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาดใหญ่ 45 มม. ที่ได้สัดส่วนลงตัว พร้อมทั้งความโดดเด่นของการเคลือบ ดีแอลซี (DLC) สีดำสนิท ด้วยรูปลักษณ์อันเหนือคำบรรยาย ทั้งสไตล์อันปราดเปรียวและเข้มแข็ง แต่กลับถ่ายทอดความโดดเด่นได้อย่างเหนือใคร
นาฬิกาเรือนนี้มากับหน้าปัดในแบบเยื้องศูนย์ (Offset) ด้วยการจัดวางหน้าปัดบอกเวลาเอาไว้ในพื้นที่ส่วนตำแหน่ง 0-3 นาฬิกาของหน้าปัดพร้อมเข็มทรง Baton และหน้าปัดย่อยของเข็มวินาทีในแบบ Small Second ที่อยู่ตรงด้านล่าง พร้อมการขัดแต่งหน้าปัดแบบ Clous de Paris ที่มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์
และมีการเปิดเผยรายละเอียดของชิ้นส่วนกลไก เช่น จักรกรอก และ Bridge ของกลไก ขณะที่ส่วนของพื้นที่ 9-12 นาฬิกาจะเป็นช่องในการแสดงวันที่แบบ Big Date ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติในรหัส ML331 ซึ่งเป็น In-House Calibre เดินด้วยความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง มาในแบบเข็มวินาทีแยก หรือ Small Second พร้อมกำลังสำรองที่นานถึง 50 ชั่วโมง บวกกับฟังก์ชั่นแสดงวันที่หรือ Date ในแบบ Big Date ที่มีการแยกตัวเลขทั้ง 2 หลักออกจากกัน
9.Mido Multifort M chronometer:
อีกทางเลือกใหม่ของความหรูหราซึ่งเปี่ยมด้วยคุณภาพในการผลิตตามแบบฉบับ Swiss Made ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์อันสวยงาม แข็งแกร่งและดุดัน ด้วยตัวเรือนและสายจากสแตนเลสสตีลที่มีความทนทานเป็นพิเศษ มาพร้อมหน้าปัดทรงกลมสีเขียวที่มีการไล่ระดับสีเขียวบริเวณตรงกลางกระจายออกไปด้านข้างกระทั่งกลายเป็นสีดำบริเวณรอบหน้าปัด และเทคนิคการขัดลายซาตินในแนวตั้งอย่างประณีต
จึงทำให้หน้าปัดของ Multifort M Chronometer มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ตัวกลไกอัตโนมัติผ่านการทดสอบและรับรองโดย COSC (Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres) สำหรับกลไกอัตโนมัติ Calibre 80 สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมซิลิคอนบาลานซ์สปริงช่วยเสริมความแม่นยำทนทานต่อสนามแม่เหล็ก
สำหรับดีลโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีที่มีเฉพาะงานนี้เท่านั้น! (คลิก http://bitly.ws/BTHn) ประกอบด้วย ลดสูงสุด 30% (เฉพาะแบรนด์ / เฉพาะรุ่น) พร้อมรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30% เมื่อใช้คะแนนเดอะวัน และบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมทั้งรับคูปองส่วนลดสูงสุด 5,900 บาท เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไข
พิเศษ! สำหรับลูกค้ากลุ่ม Top Spender ที่มียอดช้อปขั้นต่ำ 100,000 บาทขึ้นไป รับบัตรรับประทานอาหารที่ร้าน Sushi Hiro Omakase หรือ บัตรกำนัล Afternoon Tea ที่โรงแรม Park Hyatt Bangkok พร้อมรับฟังคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจาก Personal Shopper และกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกาแบบใกล้ชิด
ร่วมสัมผัสกับมหกรรมนาฬิกาแห่งปีที่ทุกคนรอคอย “ROBINSON THE ULTIMATE WATCH FAIR 2023” ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. – 2 เม.ย. 66 ณ เซ็นเตอร์ คอร์ท ชั้น 1 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ พร้อมช้อปในหลากหลายช่องทางการช้อปปิ้งสุดสะดวกของห้างโรบินสัน
ไม่ว่าจะเป็น Robinson Chat & Shop, Robinson Personal Shopper On Demand โทร.1425 ผู้ช่วยช้อปส่วนตัว Central App และเว็บไซต์ www.Central.Co.th ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้ง Facebook Fanpage: Robinson Department Store
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline
