แรงบันดาลใจจากมรดกแห่งการบินอันรุ่มรวยของ Oris และความสนุกสนานของกลไกจักรกลที่สรรสร้างขึ้นเป็น ProPilot X Caliber 400 ภายในตัวเรือนไทเทเนียม 39 มม. คือระบบกลไกอัตโนมัติ In-House ที่ต้านทานสนามแม่เหล็กระดับสูง พลังงานสำรองเวลาห้าวัน มาพร้อมกับการรับประกัน 10 ปี นี่คือไอคอนโฉมใหม่
Oris ProPilot X Calibre 400 ตำนานบทใหม่ของนาฬิกานักบิน
-
นาฬิการุ่นใหม่จาก Oris ที่มาพร้อมกลไก In-House Calibre 400
-
ตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตร และสายผลิตจากไทเทเนียม พร้อมฝาหลังแบบใส
-
ในช่วงแรกมีจำหน่ายด้วยกัน 3 สีหน้าปัด
หลังจากที่เปิดตัวรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับตลาดนาฬิกานักบินด้วยรุ่น ProPilot X ที่มาพร้อม Calibre 115 แบบไขลาน ในตอนนี้ Oris เติมความน่าสนใจให้กับคอลเล็กชั่นนี้อีกครั้ง กับการเปิดตัวรุ่น Oris ProPilot X Calibre 400 พร้อมลดขนาดตัวเรือนลงมาอยู่ในระดับ 39 มิลลิเมตรเพื่อให้เข้ากับทุกข้อมือ และขับเคลื่อนด้วยกลไก In-House รุ่นพิเศษอย่าง Calibre 400 เจ้าของฉายา The New Standard
นาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมกับตัวเรือนและสายที่ได้รับการผลิตจากไทเทเนียม ที่มีความพิเศษตรงการนำเทคนิคการพ่นทราย หรือ Sand Blasted มาใช้ โดยตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตร ได้รับการขัดแต่งตัวเรือนด้วยเส้นสายที่เป็นระเบียบของรูปแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากการบินเป็นพื้นผิวแบบขัด Satin และ Sand Blasted แบบผิวพ่นทราย ทำให้นาฬิกามีรูปลักษณ์ทางเทคนิคที่ดิบๆ เสริมด้วยขอบตัวเรือนของนาฬิกา ProPilot ที่คุ้นเคย และสายนาฬิกาไทเทเนียมที่ดูแข็งแกร่ง เม็ดมะยมขนาดใหญ่ทำจากไทเทเนียมเช่นเดียวกัน และขนาบข้างด้วยบ่าป้องกันมะยม
ประเด็นที่น่าสนใจคือ การนำเทคนิคเดียวกันนี้มาใช้กับหน้าปัดนาฬิกา ซึ่งมีด้วยกัน 3 สี คือ เทา น้ำเงิน และสีส้มอ่อนแบบแซลมอน ในเรื่องของการ หน้าปัด Sand blasted และเทคนิคการขัดแบบ Satin ซึ่งเป็นเทคนิคการเตรียมพื้นผิววัสดุหน้าปัด โดนการพ่นวัสดุที่มีขนาดเล็กไปกระทบบนโลหะที่ใช้ทำหน้าปัด และเป็นวิธีที่นิยมทำกันในกลุ่มนาฬิกาที่เป็นแบรนด์นาฬิการะดับไฮเอนด์ (Luxury Watch) และเป็นรุ่นพิเศษ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ลักษณะของพื้นผิวหน้าปัด จะมีลักษณะเหมือนกับเม็ดทราย หลังจากนั้นจึงจะนำหน้าปัดไปทำสีต่อไป คุณสมบัติเด่นของเทคนิคนี้ที่ทำหน้าปัดคือเนื้อสีจะยึดติดกับผิวหน้าปัดได้ดีมากขึ้นซึ่งจะช่วยให้สีหน้าปัดมีความคงทน สีซีดยาก หลุดร่อนยาก นอกจากนี้ การทำหลักชั่วโมง (Index) และรายละเอียดอื่นๆ บนหน้าปัด ก็จะมีความคงทนมากขึ้นยึดติดบนหน้าปัดได้ดีมากขึ้น เทคนิค Sand Blasted นี้ ต้องใช้คนที่มีทักษะความชำนาญเป็นพิเศษ เพราะถ้าทำไม่ดีจะทำให้หน้าปัดไม่เรียบและเกิดปัญหาได้
อีกไฮไลท์ของ Oris ProPilot X Calibre 400 คือ กลไก In-House เจ้าของฉายา The New Standard ซึ่ง Oris นำมาเปิดตัวครั้งแรกกับนาฬิกาดำน้ำรุ่น Aquis โดยกลไกรุ่นนี้มีความทนทานที่ทางแบรนด์กล้ารับประกันนานถึง 10 ปี กำลังสำรองในระดับ 120 ชั่วโมง หรือ 5 วันจากกระปุกลานแบบคู่ ความเที่ยงตรงอยู่ที่ -3 ถึง +5 วินาทีต่อวัน ที่อยู่ภายในช่วงมาตรฐานการรับรองความเที่ยงตรงโครโนมิเตอร์ และความสามารถในการทนทานต่อสนามแม่เหล็ก ซึ่งในกลไกรุ่นนี้จะมีการใช้ชิ้นส่วนมากกว่า 30 ชิ้นที่มีความสามารถในการต้านทานสนามแม่เหล็ก โดยรายละเอียดของกลไกชุดนี้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่
สำหรับราคาเปิดตัวของ Oris ProPilot X Calibre 400 อยู่ที่ 3,900 ฟรังก์สวิสส์ และใครที่สนใจ ข่าวว่าบ้านเรามีเข้ามาจำหน่ายแล้ว และมาครบ 3 สีเลย ดังนั้น รักชอบหน้าปัดสีไหน ต้องไปให้ไว เพราะว่าจำนวนนำเข้ามาขาย มีไม่เท่ากัน
ข้อมูลทางเทคนิค : Oris ProPilot X Calibre 400
- ตัวเรือน ไทเทเนียมแบบประกอบหลายชื้นส่วน ตกแต่งพื้นผิวแบบขัดซาตินและ แซนด์บลาสต์แบบผิวพ่นทราย
- ขนาด 39 มิลลิเมตร (1.535 นิ้ว)
- หน้าปัด สีเทา สีน้ำเงิน และสีแซลมอน
- วัสดุเรืองแสง ขีดบอกเวลา และเข็มชั่วโมง เข็มนาที เคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova®
- กระจกหน้าปัด แซฟไฟร์โค้งรูปโดมสองด้าน เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน
- ฝาหลัง ไทเทเนียมตกแต่งพื้นผิวแบบขัดซาตินและแซนด์บลาสต์แบบผิวพ่นทราย ขันสกรู กระจกแซฟไฟร์เปลือยให้เห็นกลไกภายใน
- ปุ่มปรับตั้งเวลา เม็ดมะยมนิรภัยแบบขันเกลียว และบ่าป้องกันเม็ดมะยมทำด้วยไทเทเนียม
- สายนาฬิกา สายไทเทเนียม พร้อมเฟืองล็อคแบบบานพับด้วยระบบ ‘ยกขึ้น’ ที่ได้รับสิทธิบัตรของโอริส
- การกันน้ำ 10 บาร์ (100 เมตร)
- หมายเลขเครื่อง Oris Calibre 400
- ฟังก์ชั่น เข็มชั่วโมง เข็มนาที และเข็มวินาทีจากจุดศูนย์กลาง หน้าปัดแสดงวันที่ ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ปรับตั้งวันที่ ปรับตั้งเวลาแบบละเอียด และหยุดเข็มวินาที
- ความเที่ยงตรง -3/+5 วินาทีต่อวัน (อยู่ในมาตรฐาน COSC)
- คุณสมบัติพิเศษ ต้านทานสนามแม่เหล็กระดับสูง
- การขึ้นลาน อัตโนมัติ
- พลังงานสำรอง 120 ชั่วโมง
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline