Oris Prodiver Chronograph Dive Control Limited Edition ผลิตจำกัดสเป็กจัดเต็ม

0

Oris เปิดตลาดนาฬิกาดำน้ำครั้งใหม่ให้ Prodiver Chronograph ด้วยรุ่นพิเศษ Dive Control Limited Edition ที่ผลิตจำกัดเพียง 500 เรือน พร้อมตัวเรือนที่มีขนาดถึง 51 มิลลิเมตร

- Advertisement -

Oris Prodiver Chronograph Dive Control Limited Edition ผลิตจำกัดสเป็กจัดเต็ม

  • รุ่นพิเศษผลิตจำกัดบนพื้นฐานรุ่น Prodiver Chronograph

  • กลไก Cal.774 สำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง

  • ผลิตจำกัด 500 เรือนและราคาในสวิสส์ 4,850 ฟรังก์

สำหรับใครที่ชอบนาฬิกาดำน้ำแบบ Oversize และความสามารถแบบสุดๆ Oris เคยส่งเจ้า Prodiver Chronograph ออกมาทำตลาดตั้งแต่ช่วงปี 2009 แต่หลังจากที่มีการปรับโฉมเปลี่ยนรายละเอียดบนหน้าปัดไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วดูเหมือนว่านาฬิการุ่นนี้จะไม่ค่อยมีอะไรใหม่ออกมา จนกระทั่งถึงตอนนี้กับคอลเล็กชั่น Dive Control Limited Edition

นาฬิการุ่นนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Oris กับ Roman Frischknecht นักดำน้ำชื่อดังของโลกคนหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านั้นทั้งคู่เคยทำงานร่วมกันมาครั้งหนึ่งแล้วกับระบบความปลอดภัยในการล็อก Bezel เพื่อใช้ในการดำน้ำ หรือ RSS- Rotation Safety System ที่ใช้อยู่ใน Prodiver ทั้งรุ่นธรรมดาและ Chronograph โดยระบบ RSS จะเป็นตัวล็อกไม่ให้ Bezel ที่ถูกเซ็ตเวลาในการดำน้ำเกิดหมุนเองในระหว่างการใช้งาน และผ่านการทดสอบการใช้งานภายใต้ความลึกในระดับ 1,000 เมตรมาแล้ว

แน่นอนว่าในแง่ของตัวนาฬิกานั้น Oris ใช้ Prodiver Chronograph เป็นต้นทาง แต่ก็ไม่ใช่ยกมาทั้งเรือนแล้วแค่สลักตัวเลขผลิตจำกัด แต่ยังสร้างความแตกต่างหลากหลายจุด โดยบนตัวเรือนที่ผลิตจาก ไทเทเนียม Grade 2และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 51 มิลลิเมตรนั้น คราวนี้มีการรมดำ DLC เพิ่มความเข้ม ขอบ Bezel ยังผลิตจากเซรามิก และเปลี่ยนตัวเลขสเกลเป็นสีเหลืองดำตามแนวทางของนาฬิการุ่นนี้

คอนเซ็ปต์ในการตกแต่งนาฬิการุ่นนี้เน้นสีดำและเหลือง ดังนั้นเราจึงได้เห็น 2 สีนี้ตามรายละเอียดต่างๆ ของนาฬิกาทั้งชุดเข็มในหน้าปัดย่อย และเข็มสำหรับใช้ในการจับเวลาของระบบ Chronograph รวมถึงถึงสายยางที่มีทั้งสีเหลืองและดำ และบนหน้าตัดของตัวกดจับเวลา ซึ่งในรุ่นนี้ยังต้องมีการขัดเกลียวลงก่อนที่จะกดปุ่มจับเวลาหรือ Reset

ตัวกลไกเป็น Oris Cal.774 ที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของรุ่น SW-500 จาก Selitta เดินด้วยความถี่ 4Hz หรือ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และสามารถสำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง โดยเป็นการเปลี่ยนตอนช่วงที่มีการปรับโฉมเมื่อปี 2016 เพราะก่อนหน้านั้นใช้ Cal.674 ที่สำรองพลังงานได้แค่ 42 ชั่วโมง

การผลิตมีเพียง 500 เรือนเท่านั้น และจะมีการสลักหมายเลขเอาไว้ตรงกลางฝาหลัง และนาฬิกาเรือนนี้จะมากับเซ็ตกล่องอลังการเหมือนกับรุ่นธรรมดา โดยจะมีครบชุดทั้งสายสำรอง สปริงบาร์สำรอง ไขขวนสำหรับเอาไว้ใช้ตอนเปลี่ยนสาย โดยราคาในสวิสส์จะอยู่ที่ 4,850 ฟรังก์สวิสส์ ส่วนบ้านเราถ้าเข้ามาราคาน่าจะเกิน 150,000 บาทอย่างแน่นอน เพราะรุ่นธรรมดาก็มีราคาอยู่ในช่วงนี้