ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วสำหรับ Oris ซึ่งเมื่อถึงวันที่ 1 มิถุนายนของทุกปีซึ่งถือเป็นวันก่อตั้งแบรนด์ Oris จะเปิดตัวนาฬิกาที่เรียกว่า Hölstein Edition ออกสู่ตลาด สำหรับปีนี้จะมากับคอนเซ็ปต์ในการนำความต้องการของ Oris Fans ทั่วโลกมาสร้างสรรค์จนได้ Aquis เรือนแรกแบบ No Date และหน้าปัดสีม่วง ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 400 พร้อมจำนวนการผลิต 250 เรือนทั่วโลก
Oris Hölstein Edition 2023 พลังแห่งการสร้างสรรค์จาก Oris Fans
-
นับจากปี 2020 เป็นต้นมาทุกวันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี Oris จะเปิดตัวนาฬิกาที่เรียกว่า Hölstein Edition ออกสู่ตลาด
-
สำหรับปีนี้จะมากับคอนเซ็ปต์ในการนำความต้องการของ Oris Fans ทั่วโลกมาสร้างสรรค์จนได้ Aquis เรือนแรกแบบ No Date และหน้าปัดสีม่วง
-
ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 400 พร้อมจำนวนการผลิต 250 เรือนทั่วโลก
ทุกวันที่ 1 มิถุนายนของทุกปีถือว่าเป็นปีแห่งความพิเศษสำหรับ Oris เพราะเปรียบเสมือนกับวันก่อตั้งแบรนด์ ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายน 1904 และทุกปีพวกเขาจะมีนาฬิกาพิเศษที่เรียกว่า Hölstein Edition ออกมาทำตลาด ซึ่งในปีนี้ กับการฉลองครบรอบ 119 ปีของการก่อตั้งแบรนด์ Oris Hölstein Edition 2023 มากับความพิเศษของนาฬิการุ่นใหม่ในเวอร์ชันปี 2023 ที่ใช้พื้นฐานของรุ่น Oris Aquis 41.5 มิลลิเมตร Calibre 400 และจะมีการผลิตจำนวนจำกัดเช่นเดิมคือ 250 เรือนทั่วโลก
Hölstein Edition เริ่มต้นขึ้นในปี 2020 ในการผลิตนาฬิกาเพื่อระลึกถึงช่วงเวลาพิเศษของ Oris และนาฬิกาจะเปิดตัวในวันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันเกิดของแบรนด์ โดยในปี 2020 จะมีการผลิตรุ่นบรอนซ์ที่ใช้พื้นฐานของ Divers Sixty-Five Chronograph ส่วนในปี 2021 เป็นรุ่น Big Crown Pointer Date ที่มากับกลไก Calibre 403 ในปี 2022 เป็นรุ่น Full Steel Worldtimer ซึ่งทุกเรือนจะมีความพิเศษตรงที่มีการผลิตจำนวนจำกัด 250 เรือน ซึ่งรุ่น 2023 ที่ใช้พื้นฐานของ Oris Aquis 41.5 มิลลิเมตร
ในรุ่นใหม่นี้มากับหน้าปัดสีสวยสด นั่นคือ Deep Purple สีม่วงที่มีการไล่โทนสีอย่างสวยงาม โดย Oris สร้างคอนเซ็ปต์ของยนาฬิการุ่นนี้ด้วยการดึงเอาเรื่องราวมากกว่า 100 ปีของ Oris มาถ่ายทอดลงบนรายละเอียดที่อยู่บนตัวเรือนของ Aquis ซึ่งในครั้งนี้มาในแบบ No Date โดยคอนเซ็ปต์ในการพัฒนานาฬิกาเรือนนี้จะมาพร้อมกับเรื่องราวและคำแนะนำที่เกิดขึ้นจาก Oris Fans ที่อยู่ทั่วโลก เรียกว่าเป็นการพัฒนาภายใต้เรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านทางข้อคิดเห็นของคอมมูนิตี้ของ Oris
ดังนั้น Oris Hölstein Edition 2023 จึงทลายกำแพงและกรอบแบบเดิมๆ ด้วยการนำเสนอนาฬิกาที่มีสีสันและลูกเล่นอย่างเป็นอิสระ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการพัฒนานาฬิกาเพื่อให้ตรงกับความต้องการของเหล่า Oris Fans ทั่วโลก และถือเป็นนาฬิการุ่นที่ 4 ของ Hölstein Edition
จุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้นอกเหนือจากหน้าปัดที่มีสีสันเด่นและเป็นครั้งแรกที่ Aquis มากับหน้าปัดสีม่วงแล้ว ก็คือ การนำกลไก Calibre 400 ที่ถือเป็น The New Standard ของแบรนด์มาใช้ โดยกลไกนี้ถือเป็นผู้เล่นสำคัญที่ช่วยยกระดับให้แบรนด์มีการเติบโตและสามารถสร้างสรรค์แนวทางใหม่ที่เหนือระดับจากที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องการเป็นกลไกแบบ In-House ความสามารถในการสำรองกำลังงาน 5 วัน ความเที่ยงตรงที่อยู่ในเกณฑ์ของ Chronometer คือ +3 ถึง -5 วินาทีต่อวัน ความทนทานต่อสนามแม่เหล็ก และการรับประกันนานถึง 10 ปี นอกจากนั้นนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ Aquis มากับหน้าปัดแบบ No Date หรือไม่มีวันที่
ซึ่งเป็นสิ่งที่ Oris นำข้อมูลจากข้อเสนอแนะและคำแนะนำของลูกค้าที่ถูกมาผ่านทางช่องทางต่างๆ ที่แบรนด์ได้สร้างเอาไว้เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่ม OSC หรือ Oris Social Club ซึ่งในปัจจุบันมีมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก รวมถึงที่เมืองไทย นั่นคือ OSC Bangkok
‘เราโชคดีมากที่กลุ่มคอมมูนิตี้ของแฟนๆ กระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่ง OSC ในปัจจุบันมีมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก พวกเขาคุยกับเราและบอกเราถึงความรู้สึกที่พวกเขามีต่อนาฬิกาของเรา และยังถามคำถามดีๆ ที่น่าสนใจอย่างเช่น ‘ทำไมถึงวไม่ทำ Aquis แบบ No Date ออกมาขาย?’ หรือ ‘เมื่อไรถึงจะมีนาฬิกาที่มีหน้าปัดสีม่วง ?’ นั่นก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนานาฬิกาเรือนนี้ และต้องบอกว่านี่คือนาฬิกาสำหรับคอมมูนิตี้ของพวกเราอย่างแท้จริง’ Rolf Studer CEO ของ Oris กล่าว
ส่วนกิมมิกที่เหมือนกันจากนาฬิกาทุกเรือนในคอลเล็กชั่นนี้คือ ฝาหลังจะมาพร้อมกับสัญลักษณ์ Oris Bear ซึ่งในรุ่นนี้จะเป็น Oris Bear ที่มากับชุดดำน้ำซึ่งมีความน่ารักและความสวยงามอย่างมาก
เช่นเดียวกับ 3 รุ่นก่อนหน้านั้น นาฬิกาเรือนนี้จะมีการผลิตออกสู่ตลาดเพียง 250 เรือน และมีราคาอยู่ที่ 4,000 ฟรังก์สวิสส์
รายละเอียดทางเทคนิค : Oris Hölstein Edition 2023
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 41.5 มิลลิเมตร
- วัสดุเรืองแสง :เข็มนาฬิกา และขีดบอกเวลา เคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova®
- กระจกหน้าปัด: แซฟไฟร์ โค้งรูปโดมทั้งสองด้าน เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนด้านใน
- ปุ่มปรับตั้งเวลา: เม็ดมะยมนิรภัยสเตนเลสสตีลแบบขันเกลียว พร้อมบ่าป้องกันเม็ดมะยม
- สายนาฬิกา: สายสเตนเลสสตีล หรือสายรับเบอร์สีดำ ทั้งสองแบบประกอบด้วยเฟืองล็อคสายนิรภัยแบบบานพับ พร้อมส่วนขยายความยาวสาย และระบบ Quick Strap Change เพื่อการเปลี่ยนสายได้อย่างรวดเร็ว
- การกันน้ำ: 30 บาร์ (300 เมตร)
- รหัสกลไก: Oris Calibre 400
- ความเที่ยงตรง: -3/+5 วินาทีต่อวัน (ตามมาตรฐานความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ – COSC tolerances)
- คุณลักษณะพิเศษ: ต้านทานสนามแม่เหล็กระดับสูง
- พลังงานสำรอง: 120 ชั่วโมง
- การรับประกัน*ขยายเวลารับประกันนาน 10 ปี เมื่อลงทะเบียน MyOris ใช้สำหรับนาฬิกาและกลไก ช่วงเวลาการบริการนาฬิกาที่แนะนำ 10 ปี
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline