Oris Big Crown Pointer Date ตำนานนักบินที่ยังมีลมหายใจ

0

หลายคนอาจจะคิดว่า Oris (โอริส)โด่งดังมาจากนาฬิกาดำน้ำ แต่เอาเข้าจริงๆ นาฬิกาที่สร้างชื่อให้กับพวกเขาคือ Big Crown Pointer Date ที่ใช้ชื่อนี้ในการทำตลาดมาร่วม 80 ปีและในปัจจุบันมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาแล้วโดยมีการปรับหน้าตาให้ดูสวยและทันสมัยขึ้น

Oris Big Crown Pointer Date
Oris Big Crown Pointer Date

Oris Big Crown Pointer Date ตำนานนักบินที่ยังมีลมหายใจ

  • รุ่นใหม่ของนาฬิกานักบินที่เป็น Iconic ของแบรนด์ที่มีอยู่คู่กับตลาดมานานถึง 80 ปี

  • ตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตร และใช้กลไก Oris 754 สำรองพลังงาน 38 ชั่วโมง

  • ราคาป้าย 56,000 บาทโดยประมาณ

- Advertisement -

สำหรับนาฬิกาสักรุ่น (Nameplate) ระยะเวลา 80 ปีที่ถูกทำตลาดอย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความยอดเยี่ยมในตัวของมันเองได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าไม่ดีจริงคงไม่ได้อยู่กันนานขนาดนี้อย่างแน่นอน และสำหรับ Oris แม้ว่าในช่วงหลังพวกเขาจะได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าผ่านทางนาฬิกาดำน้ำมากเป็นพิเศษ แต่ก็ลืมไม่ได้ว่าสิ่งที่เป็นรากเหง้าและสร้างพื้นฐานแห่งความสำเร็จให้กับแบรนด์มาโดยตลอดคือนาฬิกากลุ่มนักบิน โดยที่มีตำนานอย่าง Big Crown เป็นตัวขับเคลื่อนมาโดยตลอด

Oris Big Crown Pointer Date

เอาเข้าจริงๆ กับตัวผมเองนั้น Big Crown แทบไม่ค่อยอยู่ในสายตาเลยเมื่อพูดถึง Oris ซึ่งตรงนี้ก็มีเหตุผลเข้าข้างตัวเองอยู่ 2 เรื่องคือ ผมชอบนาฬิกาดำน้ำ และในช่วงที่เริ่มหันมาจริงจังกับการเสียเงินให้กับนาฬิกา Oris กำลังทุ่มโปรโมทนาฬิกาในกลุ่มนี้ของพวกเขามากเป็นพิเศษ และอีกเรื่องคือขนาดของ Big Crown ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางแค่ 40 มิลลิเมตรเท่านั้นก็เลยทำให้ผมมองข้ามมาโดยตลอดชนิดที่ไม่เคยคิดที่จะลองทาบเลยด้วยซ้ำ

และก็เหมือนกับอีกหลายๆ เรือนที่ผมพลาดและไม่ได้มีโอกาสสัมผัสเพียงแค่ความคิดที่คาดเดาจากข้อมูลที่มีอยู่ในหัว โดยที่ไม่คิดจะลอง และอันนี้ต้องบอกเลยว่า ถ้าเรือนไหนที่คุณชอบ แต่ขนาดยังไม่ใช่…จงไปลองขึ้นข้อซะ

อย่างที่เราทราบกันดีว่า นาฬิกาในกลุ่ม Big Crown โดยเฉพาะรุ่น Pointer Dateที่เป็นทีเด็ดของพวกเขานั้น มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเพิ่งจะลองครบรอบ 80 ปีไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Oris เป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดมาจากการผลิตนาฬิกาสำหรับนักบิน ดังนั้น Big Crown Pointer Dateจึงเปรียบเสมือนกับตัวแทนที่เชื่อมโยงอดีตของพวกเขา อีกทั้งยังเป็นนาฬิกาที่มีส่วนช่วยให้ Oris สามารถฝ่าฟันวิกฤตในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะ Quartz Crisis ที่ทำเอาสวิสส์แบรนด์หลายรายแทบล้มทั้งยืน

นั่นจึงทำให้พวกเขากล้าที่จะบอกได้อย่างเต็มปากว่าตัวเองคือ Independent Brand และเป็นแบรนด์ที่ไม่เคยแตะต้องนาฬิกาควอตซ์เลย

ในปี 2018 นอกจากรุ่นฉลอง 80 ปีที่มากับตัวเรือนบรอนซ์แล้ว Oris ยังเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Big Crown Pointer Date ของพวกเขาออกมา แน่นอนผมได้แต่ดูเพราะยังคาใจเรื่องขนาด แต่ต้องยอมรับว่ารุ่นใหม่ของพวกเขาสามารถคงกลิ่นอายแห่งความคลาสสิคเอาไว้โดยที่มีกลิ่นอายของความทันสมัยส่งออกมาด้วย และสารภาพเลยว่า สิ่งที่ตรึงตราใจของผมให้หันมามองนาฬิการุ่นนี้อีกครั้งคือ ฟอนต์ตัวเลขบนหลักชั่วโมงของหน้าปัด

ใช่แล้ว…ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมชอบจริงๆ และชอบเอามากๆ ด้วย และเป็นการออกแบบที่ลงตัวอย่างมาก ขณะที่สีของหน้าปัดที่ Oris เริ่มเปิดทางเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้าต้องบอกว่าเป็นโทนสีที่เข้ากับยุคสมัยได้ดี และดูไม่เชยเหมือนกับ Big Crown Pointer Date รุ่นก่อนๆ

แน่นอนว่าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตรยังเป็นอะไรที่คาใจผมอย่างมาก แต่หลังจากได้ลองทาบแล้ว สารภาพเลยนะครับว่า ก็ยังขัดใจอยู่ แต่จากการที่นาฬิกาตัวเลขของ Lug to Lug อยู่ในระดับที่ค่อนข้างยาวตามสไตล์นาฬิกานักบิน ทำให้สามารถลบข้อด้อยในเรื่องของเส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือนที่ไม่เยอะสำหรับคนที่มีขนาดข้อมือใหญ่อย่างผมลงไปได้ บวกกับความหนาที่ค่อนข้างเยอะในระดับหนึ่งและเม็ดมะยมขนาดใหญ่ตามสไตล์ Big Crown เมื่อมองในแง่ของแพ็คเกจโดยรวมของตัวนาฬิกาแล้ว ผมว่าค่อนข้างลงตัวอย่างมากเมื่อทาบอยู่บนข้อมือหลังของตัวเอง

หลังจากทิ้งระยะเวลาในการปรับสภาพความรู้สึกสัก 10-15 นาที

ผมคิดว่านี่คือนาฬิกาที่มีการกำหนดในด้านมิติตัวเรือนที่ลงตัวอย่างมาก และไม่ทำให้จุดใดจุดหนึ่งเป็นข้อด้อย แต่กลับมีองค์ประกอบโดยรวมที่สามารถลบบางจุดที่บางคน (อย่างผม) มองเป็นข้อด้อยลงไปได้

Big Crown Pointer Dateยังคงให้กลิ่นอายของการเป็นนาฬิกาย้อนยุคอย่างเต็มตัวด้วยชุดเข็มแบบ Cathedral ซึ่งมีปลายเข็มชั่วโมงที่มาเป็นทรงพุ่มคล้ายกับกระจกหน้าต่างของโบสถ์ในยุโรป ส่วนเข็มนาทีจะเป็นปลายเรียวยาวในสไตล์ Syringe Hand ที่เหมือนกับเข็มฉีดยา โดยที่เอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้คือ การใช้เข็มที่เรียกว่า Pointer Hand พร้อมปลายสีแดงที่บางคนเรียกกว่าก้ามปู ทำหน้าที่เป็นตัวชี้วันที่ หรือ Date แทนที่จะเป็นช่องหน้าต่างที่ถูกเจาะอยู่บนหน้าปัดเหมือนกับนาฬิกาทั่วไป นี่เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นของ Big Crown Pointer Date.

Oris Big Crown Pointer Dateแน่นอนว่าอีกเอกลักษณ์ที่จะขาดไม่ได้สำหรับนาฬิกานักบินรุ่นนี้ (และถูกถ่ายทอดไปยังนาฬิกานักบินรุ่นอื่นๆ อีกด้วย) นั่นคือ ขอบตัวเรือนและขอบบนฝาหลังแบบใสที่สลักลวดลายเป็นบั้งๆ ซึ่งว่ากันว่าดูเหมือนกับใบพัดที่กำลังหมุน หรือบางคนก็เรียกว่า Coin-Edge Bezel เพราะดูคล้ายกับลายบนขอบเหรียญ แต่ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร นี่คือเอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ เช่นเดียวกับโรเตอร์สีแดงของ Oris

Oris Big Crown Pointer Date

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบคือ การเลือกใช้โทนสีของสายหนังออกแนวสีน้ำตาลอ่อนที่เข้ากับสีฟ้าของหน้าปัด แต่เสียอย่างเดียว ผมรู้สึกว่าขนาดสายแบบ 20/16 พอขึ้นข้อและใส่แล้วไม่ค่อยลงตัวเท่าไรดูมันเล็กและบอบบางไปนิดนึง ซึ่งถ้าเป็นขนาด 20/18 ผมว่าน่าจะเข้าท่ามากกว่า ซึ่งแน่นอนว่า ผมต้องไปหาสายไซส์นี้มาใส่แทน แต่ที่สำคัญ คือ คุณต้องมีสปริงบาร์ไซส์ 20 สำรองติดเอาไว้ที่บ้านด้วยนะ เพราะในรุ่นสายหนังของ Big Crown Pointer Date รุ่นใหม่ๆ พวกเขาจะออกแบบให้เป็นสไตล์ Quick Change เหมือนกับสมาร์ทวอทช์ แค่ดันปุ่มเล็กๆ ด้านหลังสายก็ปลดออกได้แล้ว แต่ข้อเสียก็อย่างที่บอกเวลาจะเปลี่ยนสายใหม่ก็ต้องหาสปริงบาร์ทดแทนมาใช้

นาฬิการุ่นนี้มากับกลไก Oris Cal754 ที่มีพื้นฐานมาจาก Sellita SW200-1 ที่แฟนๆ ของ Oris คุ้นเคยกันดี แต่มีการดัดแปลงในส่วนของ Pointer Date ตัวกลไกเดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมงหรือ 4Hz และมีกำลังสำรองอยู่ที่ 38 ชั่วโมง ซึ่งส่วนตัวผมไม่ได้มองว่าเป็นของด้อยอะไรมากมายแม้ว่าในปัจจุบันกลไกส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในท้องตลาดจะอัพขนาดของถังกำลังสำรองเกินกว่า 40 ชั่วโมงกันไปหมดแล้วก็ตาม

Oris Big Crown Pointer Date

คำถามสำคัญคือ ความคุ้มค่าของนาฬิการุ่นนี้มีมากน้อยแค่ไหน

ส่วนตัวผมมองว่านี่คือ Iconic Model ของ Oris ที่มาพร้อมราคาที่ถือเป็น Entry-Level Collection ของพวกเขา เรียกว่าเหมาะสำหรับคนที่กำลังเดินเข้าสู่โลกของนาฬิกาจักรกลจากสวิสส์ หรือที่คนที่ชอบนาฬิกาที่มีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ เพราะราคาป้ายถือว่าอยู่ในระดับที่จับต้องได้ ประมาณ 56,000 บาทแบบยังไม่หักส่วนลด ขณะที่สวิสส์แบรนด์ทั่วไป ถ้าคุณต้องเข้าถึงรุ่นที่เป็น Iconic ของพวกเขา ส่วนใหญ่แล้วราคาจะทะลุโลกไปเลยจนคนทั่วไปแทบจะแตะไม่ถึง

ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ควรอยู่ในเช็คลิสต์สำหรับคนที่กำลังจะซื้อนาฬิกาจักรกลสักเรือนครับ

รายละเอียดทางเทคนิค

  • ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง : 40 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 13 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 20 มิลลิเมตร
  • กระจก : Sapphire
  • การกันน้ำ : 50 เมตร
  • กลไก : Oris 754 แฮคเข็มวินาที ขึ้นลานมือ
  • ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
  • สำรองพลังงาน : 38 ชั่วโมง
  • ประทับใจ : ดีไซน์ ตัวเลขบนหน้าปัด โทนสีบนหน้าปัด และการแสดงวันที่แบบ Pointer Date
  • ไม่ประทับใจ : ขนาดสายหนัง และรูปแบบของสปริงบาร์