ปกติคำว่า Limited Edtion ไม่ได้มีผลอะไรกับผมมากมาย แต่สำหรับ Oris Aquis Tubbataha รุ่นนี้ กลับทำได้ดี และชวนให้เงินหลุดลอยออกจากกระเป๋าจริงๆ
Oris Aquis Tubbataha LE : มีดีที่เข็มแยก
ในมุมของผม Oris กับ Seiko เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ บรรดาแฟนๆ มักจะคลั่งไคล้ในนาฬิกากลุ่มดำน้ำ เรียกว่าน่าจะเป็นของขึ้นชื่อของทั้ง 2 แบรนด์เลยก็ว่าได้ ส่วนอีกประเด็นหนึ่งที่ผมคิดว่าคือความโดดเด่นอีกอย่างของ Oris ก็คือ พวกเขาเป็นแบรนด์ไฮเอนด์ระดับกลางที่มีการนำเสนอความแปลกใหม่ของกลไก อย่างเช่นนาฬิกาในแบบ Regulateur ซึ่งปกติจะเห็นได้ในแบรนด์ระดับหรู ดังนั้นด้วยความที่ชอบของแปลกๆ แบบไม่กลัวเลือดหมดตัวเป็นทุนเดิม ผมจึงตกหลุมรักเจ้า Oris Aquis Tubbataha LE ทันทีที่ได้เห็น
เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมาแล้ว สัก 4 ปีที่แล้วน่าจะได้ ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นจังหวะที่เหมาะทั้งโอกาสและสถานการณ์ทางการเงินอันกรอบแกรบ ซึ่งเป็นปกติของพวกบ้านาฬิกาแบบไม่ลืมหูลืมตา และเมื่อโอกาสเปิด ผมก็ไมรีรอ จัดการเสียให้สมหมาย (ข้อนี้ไม่ขอแนะนำให้ทำตาม) และจะว่าไปแล้ว Aquis Tubbataha ก็หนังเหนียวเอาเรื่อง เพราะเมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป ดูเหมือนจะมีเจ้านี่กับ Fortis B-47 Culculator GMT ที่ยังเป็นนาฬิกาเก่าแก่ติดกรุโดยที่ไม่โดนเทรดออกไป ก็ไม่รู้ว่าผมรักมัน หรือมันรักเจ้าของกันแน่
แต่เอาเป็นว่า กับสถานการณ์ในปัจจุบัน ใครที่เกิดอยากจะได้เจ้า Aquis Tubbataha มาครอบครอง ของใหม่อาจจะหายากหน่อยเพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมลองหยั่งเชิงถามเซลส์ที่คุ้นเคยกันดี ปรากฏว่าไม่น่าจะหาได้อีกแล้ว ดังนั้น ของมือสองหรือการตระเวณหาตามร้านเล็กๆ ที่อาจจะพอหลงเหลืออยู่ จึงน่าจะเป็นทางออกเพียงไม่กี่ทาง เผื่อคุณอ่านรีวิวของผมแล้วเกิดอารมณ์ (อยากได้) ขึ้นมา
ตามปกติแล้ว Oris มักจะออก Limited Edition ในกลุ่มนาฬิกาดำน้ำโดยอ้างอิงจากแหล่งธรรมชาติซึ่งเป็นหมายในการดำน้ำของบรรดามนุษย์กบทั่วโลก เช่น Maldives, Great Barrier Reef หรืออย่างล่าสุดคือ Red Sea Edition โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายนาฬิกาพวกนี้ก็จะนำไปมอบให้กับกองทุนที่ดูแลพื้นที่เหล่านี้ ส่วน Tubbataha Limited Edition ซึ่งเป็นชื่อของอุทธยานแห่งชาติทางทะเลของประเทศฟิลิปปินส์ แต่ละเรือนจะถูกนำไปบริจาคให้องค์กรอนุรักษ์แนวประการังและพิทักษ์พันธุ์สัตว์ทะเล…เริ่มดูดีและมีเหตุผลที่จะเป็นเจ้าของสักเรือนแล้ว
Oris เปิดตัว Tubbataha เปิดตัวออกมาในบ้านเราเมื่อสัก 4 ปีที่แล้ว โดยตามจำนวนการผลิตจริงๆ จะแบ่งออกเป็นสายยางและสายโลหะ ซึ่งผลิตจากไทเทเนียมอย่างละ 2,000 เรือน แต่ไม่มีการระบุว่าในบ้านเราหลุดเข้ามากี่เรือน โดยรุ่นสายยางจะมี Reference Number คือ 01 749 7663 7185-Set RS ส่วนรุ่นสายไทเทเนียมจะมีรหัส 01 749 7663 7185-Set MB
สำหรับเรือนนี้ จริงๆ แล้วเป็นเวอร์ชันสายไทเทเนียม แต่ด้วยความที่ผมไม่ค่อยชอบใส่นาฬิกาสายโลหะ ก็เลยลงทุนอีกพอประมาณ ตามหาสายยางของ Oris มาใส่ สรุปคือ ต้องสูญเสียแบงค์พันไป 8 ใบด้วยกัน และนั่นคือ ราคาที่หักส่วนลด 20% แล้วด้วยสิ…น้ำตาจิไหล
สิ่งที่ทำให้ Tubbataha ร่ายมนต์จนสะกดใจผมมากก็คือ การเป็นนาฬิกาแบบ Regulateur หรือเข็มแยก ซึ่ง Oris ถือเป็นแบรนด์นาฬิกาในกลุ่ม Entry-Level ของพวกแบรนด์หรูเพียงไม่กี่แบรนด์ที่มีของแปลกแบบนี้วางขาย และส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มนาฬิกาดำน้ำ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาเคยมีการผลิตกับ Diver ตัวเล็กขนาด 39 มิลลิเมตร ก่อนจะเป็นรุ่นถังเบียร์ซึ่งมีการขายในเวอร์ชัน Regulateur Der Meistertaucher ส่วน Aquis เท่าที่ทราบ Oris ยังไม่มีการผลิตเวอร์ชัน Regulateur ออกมาในนาฬิการุ่นปกติ ดังนั้น Tubbataha LE จึงเป็นเรือนแรกของนาฬิกาตระกูลนี้ เพราะหลังจากนั้นอีกสัก 2 ปี Regulateur Der Meistertaucher เข็มแดง ที่มีระดับการกันน้ำเพียง 300 เมตรนั้นถึงถูกเปิดตัวตามออกมา
เมื่อเปรียบเทียบกับนาฬิกาดำน้ำรุ่นก่อนๆ ในส่วนของ Package ของ Tubbataha (รวมถึง Aquis) อาจจะดูไม่ค่อยอลังการงานสร้างเท่าไร เพราะขณะที่เมื่อก่อนเป็นหมวกดำน้ำ แต่พอมาเป็นรุ่นนี้กลับเป็นแค่กล่องพลาสติกและใช้ซิปรูดเปิดเป็นฝาขึ้นมาเหมือนกับหอยนางรม โดยที่ทั้งหมดจัดวางอยู่ชั้นบนของกล่องหลัก ส่วนชั้นล่างจะเป็นที่เก็บคู่มือ และใบ Limited Edition ที่มีทำเป็น Booklet ไม่หนามากเพื่อบอกถึงวัตถุประสงค์ของการผลิต Limited Edition เรือนนี้ รวมถึงสถานการณ์ของ Tubbataha และที่สำคัญคือ มีการระบุเลขเรือนจากจำนวน 2,000 เรือนที่ผลิต
Tubbataha มากับตัวเรือนที่อ้างอิงดีไซน์ของ Aquis ซึ่งมีจุดเด่นที่ Crown Guard ทรงเหลี่ยมประกบเข้ากับเม็ดมะยม ในรุ่นนี้ตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียม มีขนาด 46 มิลลิเมตรไม่รวมเม็ดมะยม มีความหนา 13.5 มิลลิเมตร และมี Helium Valve แบบอัตโนมัติติดตั้งอยู่ข้างตัวเรือนตรงตำแหน่ง 9 นาฬิกา
Bezel เซรามิก และหน้าปัดมากับโทนสีน้ำเงินเข้ม และตัดกับสีส้มของหลักชั่วโมง และเข็มนาที ซึ่งมีขนาดใหญ่ และช่วยทำให้ดูในเรื่องการจับเวลาตอนดำน้ำได้ง่ายกว่านาฬิกา 3 เข็มปกติ โดยสิ่งที่ทำให้ Tubbataha น่าหลงใหล คือ พรายน้ำของนาฬิกาที่จะมีสีสัน โดยในส่วนที่เป็นสีส้มนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเวลาเรืองแสง และตรงวงย่อยของวินาที และชั่วโมงจะเรืองแสงเป็นสีฟ้า
จากการใช้ไทเทเนียมในการผลิตตัวเรือน แถมยังเปลี่ยนสายเป็นสายยางกลิ่นโอรีโออันเป็นเอกลักษณ์ของ Oris นั้น ทำให้น้ำหนักของนาฬิกาเบาลงอย่างมาก ใส่สบายและไม่เป็นภาระบนข้อมือเหมือนกับ Oris Aquis Depth Gauge ซึ่งแม้ว่าจะเปลี่ยนเป็นสายยางแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่กดลงมา
นอกจากนั้น สิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างชื่นชม Oris ในการออกแบบ คือ ขานาฬิกาที่ถูกทำให้งุ้มลงมา และสอดรับกะบข้อมือ ดังนั้น คุณอย่าตกใจไปกับตัวเลข Diameter ของมัน แต่จงลองดูก่อนแล้วจะพบว่า แม้ตัวเลข Diameter ของนาฬิกาดำน้ำของค่ายนี้ จะมีขนาด 46-49 มิลลิเมตร ซึ่งดูแล้วใหญ่ แต่กลับใส่อย่างสบายและไม่กาง ซึ่งอันนี้กล้าการันตีกับนาฬิกา Oversize อย่าง Pro Diver Chronograph ขนาด 52 มิลลิเมตร ข้อมือ 7 นิ้วของผมก็ยังเอาอยู่อย่างสบายๆ
ในแง่ของกลไกของ Aquis Tubbataha นั้น เป็นการต่อยอดพัฒนาจากเครื่อง SW220-1 ของ Sellita โดยเรียกกลไกนี้ว่า Oris 749 มีโรเตอร์สีแดงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Oris แต่คุณไม่มีทางเห็นเพราะโดนฝาหลังทึบที่มีรูปปลาฉลามปิดอยู่ ตัวกลไกเดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมงใช้ทับทิม 28 เม็ด และสำรองพลังงานได้ 38 ชั่วโมง ซึ่งจะว่าแล้วค่อนข้างน้อยไปสักหน่อย
ยอมรับว่านาฬิกา Regulateur มันมีหน้าตาที่เท่สุดๆ แต่ถ้ามองในแง่ของการใช้งาน ก็ทำเอาลำบากในการมองเหมือนกัน เอาเป็นว่าใครมาถามเวลา ต้องบอกว่ารอแป๊บและขอเพ่งดูก่อนว่าเข็มไหนอยู่ตำแหน่งไหน ถึงจะดูยาก แต่ก็แลกมาด้วยความสวยและความสะดุดตา
นอกจากนั้น ในแง่ของการใช้งาน กับเข็มนาทีที่มีขนาดใหญ่ และมีการแยกเข็มแต่ละส่วนออกจากกัน ว่ากันว่านอกจากจะให้ความเที่ยงตรงแล้ว ยังช่วยทำให้การมองเห็นเป็นไปอย่างสะดวก เพราะตรงนี้มีการออกแบบเข็มนาทีให้มีขนาดใหญ่ และเด่นที่สุดบนหน้าปัด คุณจึงสามารถมองเห็นได้อย่างสบายๆ และช่วยได้ดีเมื่อต้องใช้งานอยู่ในน้ำสำหรับการจับเวลาดำน้ำ
อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมไม่ค่อยชอบสำหรับนาฬิกาในกลุ่มดำน้ำของ Oris ไม่เฉพาะ Aquis นั่นคือ การที่พวกเขาออกแบบรูปแบบของขานาฬิกา ที่ไม่ได้กว้างออกมาเหมือนกับนาฬิกาทั่วไป ทำให้ขาดความยืดหยุ่นในการสร้างสีสันให้กับนาฬิกาในเรื่องของการเปลี่ยนสาย โดยเฉพาะการเปลี่ยนสายหนัง และลืมไปได้เลยแม้ว่าคุณจะหาทางออกด้วยการบากสายเพื่อใส่ แต่ในแง่ความทนทานและความสวยงามมันแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย ซึ่งนั่นทำให้ผมตัดใจยอมจ่ายเพื่อแลกกับสายยางดีกว่า และทำให้นาฬิกาดูสปอร์ตเต็มตัว ใส่กับชุดทำงานหรือชุดลำลองก็ไม่ขัดตา
ราคาตั้งตามป้ายของนาฬิกาเรือนนี้อยู่ที่ 96,000 บาท แต่อย่างที่ทราบกันดีในกลุ่มคนเล่น Oris ว่า คุณยังมีทางเลือกที่ดีกว่าในด้านส่วนลดสำหรับการซื้อกับตัวแทนจำหน่ายที่เป็นร้านข้างนอก ดังนั้น ส่วนลดที่ได้ก็จะแตกต่างกันไปตั้งแต่ระดับ 30-40% ซึ่งกรณีของผมด้วยความเป็น LE และหน้าตาแปลก ส่วนลดก็เลยน้อยหน่อย แค่ 30% เท่านั้น แต่ผมก็ถือว่าน่าพอใจแล้วนะกับการที่ไม่ต้องไปนั่งควานหาให้เสียเวลาอีกเพื่อได้ส่วนลดที่อาจจะเพิ่มมาอีกแค่ 5-10% แถมยังไม่มีการการรันตีว่าจะมีของหรือไม่
เอาเป็นว่าถ้าคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วกิเลสพวยพุ่ง อยากตามหาเป็นเจ้าของ ผมคงต้องบอกว่า พยายามกันต่อไป เพราะของใหม่ เท่าที่ลองสืบค้น ไม่น่าจะมีเหลือในตลาดแล้ว ส่วนของมือสองก็นานๆ มาที ดังนั้น ถ้าอยากเป็นเจ้าของ คุณควรมีอยู่ 2 สิ่งคือ เงินในระดับครึ่งแสน หรืออาจจะน้อยกว่านั้นถ้าคนขายรีบ และข้อสองที่สำคัญกว่า คือ จิตใจที่หนักแน่น
เพราะส่วนใหญ่แล้ว เวลาคนป่ามีปืน พวกเขามักจะไม่ค่อยอยากรอ และออกล่าทันที จนบางทีออกนอกเส้นทางไป และยิ่งแบบสะเปะสะปะ และมักตกอยู่ในสภาพพบไม้งามเมื่อขวานบิ่นทุกครั้งไป
คุณสมบัติของ : Oris Aquis Tubbataha LE
- ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง : 46 มิลลิเมตร
- ความหนา : 13 มิลลิเมตร
- กระจก : แซฟไฟร์ทรงโค้งทั้ง 2 ส่วนและเคลือบสารกันแสงสะท้อนที่ด้านใน
- ตัวเรือนและฝาหลัง : ไทเทเนียมอฝาหลังทึบพร้อมสัญลักษณ์
- กันน้ำ : 500 เมตร พร้อม Helium Valve
- กลไก : Oris 749 แบบ Regulateur เข็มแยก แฮ็คเข็มวินาที และขึ้นลานมือได้
- ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 4 เฮิร์ตซ์
- จำนวนทับทิม : 28 เม็ด
- สำรองพลังงาน : 38 ชั่วโมง
- จุดเด่น : ความสวยงาม กลไกแบบ Regulateure ตัวเรือนและสายไทเทเนียม
- จุดด้อย : แพ็คเกจ และรูปแบบของขาสาย
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/