Oris Aquis Date Relief สร้างแรงบันดาลใจให้รักษ์น้ำ

0

Oris เพิ่มสีสันกับนาฬิกาดำน้ำรุ่น Aquis Date กับคอลเล็กชั่นใหม่ Relief ซึ่งเป็นการทำงานโดยร่วมมือกับ นักว่ายน้ำชื่อดัง Ernest Bromeis ที่กำลังทำโปรเจ็กต์ว่ายน้ำข้ามทะเลสาบหลายแห่งของโลกเพื่อช่วยอนุรักษ์น้ำ

Oris Aquis Date Relief
Oris เพิ่มสีสันกับนาฬิกาดำน้ำรุ่น Aquis Date กับคอลเล็กชั่นใหม่ Relief

Oris Aquis Date Relief สร้างแรงบันดาลใจให้รักษ์น้ำ

  • รุ่นพิเศษของ Oris Aquis Date
  • เป็นการทำงานร่วมกันกับ Oris และ Ernest Bromeis
  • มีสายทั้งหมด 3 แบบ 4 สไตล์ให้เลือก
- Advertisement -

Oris ยังมีอะไรใหม่ๆ ออกมายั่วใจบรรดาแฟนๆ ที่ชื่นชอบนาฬิกาในกลุ่มดำน้ำของพวกเขา และเวอร์ชันล่าสุดรับปี 2019 คือ การเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Aquis ที่มากับชื่อ Aquis Date Relief ซึ่งเป็นการจับมือกับนักว่ายน้ำชื่อดัง Ernest Bromeis พร้อมกับความแปลกใหม่ของขอบ Bezel ที่เป็นแบบสีเงินและสเกลสำหรับใช้จับเวลาเป็นแบบนูนสูง โดยจะมีจำหน่ายด้วยกัน 4 ทางเลือก

สำหรับคอลเล็กชั่นนี้มีความสัมพันธ์กับความพยายามของ Bromeis ซึ่งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Oris และวางแผนในการว่ายน้ำข้ามทะเลสาบหลายแห่งของโลกภายใต้ชื่อโปรเจ็กต์ The Blue Miracle โดยไฮไลท์อยู่ที่การว่ายข้ามทะเลสาบ Bikal ซึ่งถือเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเป้าหมายก็เพื่อการสร้างความตื่นตัวในเรื่องของการอนุรักษ์น้ำ ซึ่งถือเป็นทรัพยกรธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อการหล่อเลี้ยงชีวิตของมนุษย์

โปรเจ็กต์นี้ไม่ใช่ Limited Edition โดยตัวเรือนพัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น Aquis Date ซึ่งมีตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43.50 มิลลิเมตร และมาพร้อมกับหน้าปัดสีเทาแบบเล่นแสงหรือ Gradient พร้อมกับขอบ Bezel แบบสแตนเลสที่มีการใช้หลักสเกลจับเวลาแบบนูนสูง ขณะที่ชุดเข็มมีการสร้างความแตกต่างด้วยเข็มวินาทีสีแดงสด และใน 4 รุ่นที่ทำตลาด นอกจากสายเหล็ก สายยางสีดำ และสายหนังแล้ว ก็จะมีรุ่นสายยางสีแดงเป็นอีกทางเลือก

Aquis Date Relief ขับเคลื่อนด้วยกลไก Oris 733 ที่สามารถสำรองพลังงานๆได้ 38 ชั่วโมง และมีหน้าต่าง Date แสดงวันที่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกาบนหน้าปัด ส่วนกระจกเป็นแบบแซฟไฟร์ที่เคลือบสารกันการสะท้อนแสงทั้งด้านในและด้านนอก ส่วนฝาหลังเป็นแบบใสมองเห็นชิ้นส่วนของกลไกและโรเตอร์สีแดงเอกลักษณ์ของ Oris ผ่านทางกระจกแบบ Mineral Glass โดยที่ระดับการกันน้ำอยู่ที่ 300 เมตร

สำหรับราคาจะเริ่มต้นที่ 1,750 ฟรังก์สวิสส์ หรือ 56,000 บาทสำหรับรุ่นสายยางและสายหนัง ส่วนสายเหล็กราคาจะขยับเป็น 1,950 ฟรังก์สวิสส์ หรือ 62,400 บาท และจะเริ่มขายในตลาดยุโรปช่วงเดือนมกราคม 2019 เป็นต้นไป