โอเมก้า เริ่มต้นความสัมพันธ์กับยอดสายลับชาวอังกฤษอย่าง James Bond เมื่อปี 1995 และแน่นอนว่า 2020 ถือเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษของการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีกับตอนที่ 25 ของ James Bond อย่าง No Time To Die ซึ่งในวันนี้เรามาทำความรู้จักกับนาฬิกาของ โอเมก้า ที่คาดอยู่บนข้อมือของยอดสายลับคนนี้กัน
OMEGA กับ James Bond: 25 ปีแห่งความสัมพันธ์
โอเมก้า ยินดีอย่างยิ่งที่จะเผยเรือนเวลาสำหรับจารชน 007 รุ่นใหม่ล่าสุดที่จะปรากฎในภาพยนตร์ James Bond ลำดับที่ 25 มีกำหนดเข้าฉายในเดือนพฤศจิกายนปี 2020
นาฬิการุ่นใหม่ที่จะปรากฎบนจอเงินคือ โอเมก้า ซีมาสเตอร์ ไดเวอร์ 300M 007 Edition นับตั้งแต่เผยโฉมเป็นครั้งแรกในปี 1993 นาฬิกา Diver 300M ได้สร้างตำนานของตนร่วมกับเหล่านักดำน้ำอาชีพและบรรดาผู้ชื่นชอบการแต่งกายเช่นเดียวกับการเป็นเพื่อนคู่ใจที่ขาดไม่ได้สำหรับสายลับ James Bond
โอเมก้า ได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดในขั้นตอนการพัฒนากับ Daniel Craig และผู้ผลิตภาพยนตร์ซึ่งได้มอบความเข้าใจเรื่อง James Bond อย่างลึกซึ้งทรงคุณค่าให้กับนักพัฒนาและนักออกแบบ ประสบการณ์ในฐานะ 007 ของ Daniel Craig ยังมีอิทธิพลต่อการออกแบบขั้นสุดท้ายด้วยเช่นกัน
ข้อมูลด้านในจะแสดงให้คุณเห็นถึงเรือนเวลา Seamaster ทุกรุ่นที่ James Bond เคยฝากชีวิตไว้จวบจนถึงในปัจจุบัน และร่วมค้นหานาฬิกาที่จะได้ปรากฎในภาพยนตร์ No Time To Die
นาฬิกา โอเมก้า ที่สวมใส่โดย James Bond
GOLDENEYE (1995) : Seamaster Quartz Professional Diver 300M
นับเป็นปฐมบทของเรื่องราวระหว่าง James Bond กับ โอเมก้า ขณะที่จารชนรหัส 007 ติดอยู่ในรถไฟหุ้มเกราะของเหล่าร้าย เวลาก็กำลังนับถอยหลังก่อนการระเบิด สายลับอังกฤษรายนี้ได้ใช้เลเซอร์ที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเรือนนาฬิกาในการยิงตัดแผ่นเหล็กจนเปิดช่องให้เขาหลบหนีออกไปได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด
TOMORROW NEVER DIES (1997) : Seamaster Professional Diver 300 M
ในการผจญภัยครั้งที่ 2 ในฐานะ James Bond ของ Pierce Brosnan เขาสวมใส่เรือนเวลาโครโนมิเตอร์รุ่นกลไกอัตโนมัติของ โอเมก้า ซีมาสเตอร์ ไดเวอร์ 300M อันโด่งดัง ในภาพยนตร์ นาฬิกาที่ยังได้รับการติดตั้งด้วยเครื่องจุดระเบิดระยะไกลแบบถอดได้อีกด้วย
THE WORLD IS NOT ENOUGH (1999) : Seamaster Professional Diver 300M
เมื่อJames Bond โดนหิมะถล่ม สิ่งที่ช่วยให้เขารอดชีวิตก็คือสกีแจ็คเก็ตที่สามารถพองออกเป็นบอลชูชีพ ในขณะที่แสงไฟ LED จากนาฬิกา โอเมก้า ก็ช่วยประคองสติของจารชนท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุม ภายหลัง ระหว่างที่ Bond ติดอยู่ที่ก้นบ่อตรวจสภาพระเบิดนิวเคลียร์ในบังเกอร์ จารชนรายนี้ได้เผยตะขอสลิงขนาดจิ๋วที่ทำงานด้วยการกดตรงฮีเลียมวาล์ว
DIE ANOTHER DAY (2002) : Seamaster Professional Diver 300M
Bond ใช้งานเรือนเวลา Seamaster ที่ได้รับการเสริมเขี้ยวเล็บพิเศษให้ใช้งานได้ถึง 2 แบบ: เข็มจุดชนวนระเบิดที่ถูกใส่มาแทนที่ฮีเลียมวาล์วซึ่งทำงานด้วยการหมุนขอบตัวเรือน กับเลเซอร์ที่ยิงออกมาจากเม็ดมะยมที่ทำงานด้วยการกดลงบนหน้าปัด
CASINO ROYALE (2006) : Seamaster Diver 300M
นี่คือนาฬิกาที่ถูกใส่ในฉากพบกันครั้งแรกอันโด่งดังระหว่าง James Bond กับ Vespor Lynd บนรถไฟ เครื่องบอกเวลารุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงให้มีความวิจิตรกว่ารุ่นก่อนๆ ด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินชวนมองจนสะกดสายตาของ Vesporที่ให้คำจำกัดความสั้นแต่กระชับถึงเรือนเวลารุ่นนี้ไว้ว่า “งามจับใจ”
OMEGA Seamaster Planet Ocean 600M
นาฬิกาเรือนนี้คือนาฬิกา โอเมก้า เรือนแรกที่ Daniel Craig ใส่ในภาพยนตร์ Casino Royale: นาฬิกามาพร้อมกับสายยาง, หน้าปัดดำ เรือนเวลา Seamaster Planet Ocean 600 M Co-Axial Chronometer มาพร้อมกับขนาดตัวเรือนน่าชมที่ 45.5 มม.
QUANTUM OF SOLACE (2008) : Seamaster Planet Ocean 600M
เรือนเวลานำสมัยรุ่นนี้อยู่บนข้อมือของ Bond บนรถ Aston Martin DBS ระหว่างการไล่ล่าสุดระห่ำไปตามแนวชายฝั่งทะเลสาบการ์ดาในฉากเปิด หน้าปัดและขอบตัวเรือนสีดำให้ทั้งความคลาสสิกและมีระดับ โดย Planet Ocean รุ่นนี้ได้รับการปรับโฉมให้บางกว่านาฬิกาบอนด์แบบเดิมลงเล็กน้อย
SKYFALL (2012) : Seamaster Planet Ocean 600M
ท่ามกลางฉากต่อสู้ที่อัดแน่นของภาค Skyfall นาฬิกา Seamaster รุ่นนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งในหลายฉากที่เป็นที่จดจำมากที่สุดซึ่งรวมไปถึงฉากการขับมอเตอร์ไซด์ไล่ล่าสุดระทึกบนถนนเมืองอิสตันบูล
OMEGA Seamaster Aqua Terra
ด้วยหน้าปัดแบบสไตร์ปสีน้ำเงิน OMEGA Seamaster Aqua Terra ได้รับการติดตั้งด้วยกลไกประสิทธิภาพสูงรุ่นเดียวกันกับใน Planet Ocean
SPECTRE (2015) : OMEGA Seamaster Aqua Terra
เรือนเวลาที่งดงามแบบคลาสสิกและทนทานนั้นฉายให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ระหว่าง โอเมก้า กับโลกแห่งท้องทะเลที่มีมาอย่างยาวนาน จึงนับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดกับจารชน Bond ที่มีพื้นเป็นนายทหารในราชนาวี ด้วยหน้าปัดแบบซันบรัชสีน้ำเงินเคลือบแลคเกอร์ เรือนเวลาโครโนมิเตอร์ขนาด 41.5 มม. เรือนนี้ทำงานด้วยกลไก OMEGA Master Co-Axial calibre 8500
OMEGA Seamaster 300
นอกจากนาฬิกา โอเมก้า เรือนนี้จะเป็นเรือนเวลา 007 รุ่นแรกที่มาพร้อมกับสาย NATO นาฬิกายังมาพร้อมกับดีไซน์และทรงนาฬิกาดำน้ำแบบคลาสสิก รายละเอียดอื่นที่น่าสนใจประกอบไปด้วยเข็มวินาทีกลางทรงโลลิป๊อปและขอบตัวเรือน GMT ที่สามารถหมุนได้ทั้งสองทิศทาง ในภาพยนตร์ นาฬิกาแอบบรรจุระเบิดไว้ภายในซึ่งช่วยให้บอนด์รอดจากสถานการณ์อันยากลำบากได้
NO TIME TO DIE (2020) : Seamaster Diver 300M 007 Edition
โอเมก้า ทำงานร่วมกับ Daniel Craig อย่างใกล้ชิดในขั้นตอนการรังสรรค์เรือนเวลารุ่นใหม่สำหรับ 007 ที่จะไปปรากฎในภาพยนตร์และผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็วิเศษอย่างยิ่ง นาฬิกาสุดนำสมัยขนาด 42 มม. นั้นผลิตจากวัสดุที่เบาแต่แข็งแกร่งอย่างไทเทเนียมเกรด 2
นาฬิกา Seamaster Diver 300M 007 Edition
เมื่อJames Bond เตรียมรับภารกิจสุดอันตรายชิ้นถัดไป เรือนเวลารุ่นใหม่ของ โอเมก้า ก็ปรากฏบนจอภาพยนตร์เช่นเดียวกัน นาฬิกา โอเมก้า ซีมาสเตอร์ ไดเวอร์ 300M 007 อิดิชั่น รุ่นใหม่นั้นถูกรังสรรค์ขึ้นโดยยึดการใช้งานทางทหารเป็นแนวคิดพื้นฐานตั้งแต่ต้น อีกทั้งยังออกแบบโดยใช้ข้อมูลจากนักแสดงอย่าง Daniel Craig อีกทั้งเรือนเวลารุ่นนี้ยังเปิดวางจำหน่ายแบบไม่จำกัดจำนวนร่วมกับคอลเลคชั่นไอคอนิกของ โอเมก้า นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป – โดยมาพร้อมกับสายนาฬิกาไทเทเนียมถักหรือสาย NATO แถบสีน้ำตาลเข้ม, เทาและเบจซึ่งมีการสลักเลข 007 บนห่วงสาย
ตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียมเกรด 2 ขนาด 42 มม. วัสดุเดียวกับสายนาฬิกาและหัวสายชนิดปรับขนาดได้อันนำสมัย วัสดุพิเศษนี้มีความแข็งแกร่งและให้น้ำหนักเบาจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับจารชนที่ต้องลอบเร้น อีกทั้งกระจกแซฟไฟร์ทรงโดมแบบพิเศษยังช่วยให้นาฬิกาดูมีมิติที่บางลงกว่า Seamaster Diver 300M รุ่นมาตรฐานอีกด้วย
สำหรับการทอนน้ำหนักโดยรวมของตัวเรือนให้เบาลง โอเมก้า ได้เลือกใช้หน้าปัดอลูมิเนียมด้วยสีเดียวกับหน้าปัดนาฬิกาวินเทจที่จะดูเข้มขึ้นเมื่อผ่านไปตามกาลเวลา ในวงการนักสะสมเรือนเวลา สีดังกล่าวถูกเรียกว่า “ทรอปิคัล” เช่นเดียวกับขอบตัวเรือนอลูมิเนียมที่ใช้สีเดียวกัน
บริเวณฝาหลัง คุณจะได้พบกับชุดตัวเลขตามฉบับนาฬิกาที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้งานในกองทัพ “0552” คือเลขรหัสที่กำหนดไว้สำหรับกองทัพเรือ ส่วน “923 7697” คือเลขสำหรับนาฬิกาดำน้ำ ตัวอักษร “A” แสดงถึงนาฬิกาที่ใช้เม็ดมะยมแบบขันเกลียว ส่วนเลข “007” นั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือรหัสประจำตัวสุดไอคอนิกของสายลับJames Bond และสุดท้ายคือ “62” ที่มาจากปีที่ภาพยนตร์James Bond ภาคแรกเข้าฉาย
สำหรับขั้นตอนการออกแบบนาฬิกาที่สะกดสายตารุ่นใหม่นี้ ทาง โอเมก้า ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Daniel Craig และผู้ผลิตภาพยนตร์ ตัวตนและคำชี้แนะของ Daniel Craig นั้นมีผลอย่างมากกับผลลัพธ์ นักแสดงรายดังกล่าวให้ความเห็นว่า “เมื่อผมทำงานร่วมกับ โอเมก้า ผมลงความเห็นว่านาฬิกาน้ำหนักเบาคือเป็นหัวใจหลักสำหรับสายทหารอย่าง 007 แถมยังบอกอีกด้วยว่าให้เพิ่มกลิ่นอายและสีแบบวินเทจบางจุดซึ่งจะทำให้เรือนเวลามีความโดดเด่นไม่เหมือนใครลงไป ผมคิดว่านาฬิกาที่ออกมาจะดูดีเหลือร้ายและเข้ากันได้อย่างลงตัวกับเจมส์ นาฬิกาที่ออกมานั้นดูดีเหลือร้ายทีเดียวเชียว”
ฝาหลังของนาฬิการุ่นใหม่ถูกออกแบบให้ผนึกด้วยระบบ NAIAD LOCK ซึ่งช่วยยึดโยงตัวอักษรให้อยู่ตรงตามตำแหน่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภายในนั้นเครื่องบอกเวลาขับเคลื่อนด้วยกลไกชั้นนำ – OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 8806 ที่ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานขั้นสูงสุดของอุตสาหกรรมเวลาทั้งด้านความเที่ยงตรง, สมรรถนะและคุณสมบัติการต้านทานสนามแม่เหล็ก
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบโลกแห่งการผจญภัย เรือนเวลา Seamaster Diver 300M 007 Edition จะมาพร้อมกับกระเป๋าผ้าสีน้ำตาลสุดพิเศษที่ผลิตโดย British Millerain นาฬิกามีคุณสมบัติกันน้ำได้ 30 บาร์ (300 เมตร/ 1000 ฟุต) และมาพร้อมกับการรับประกันถึง 5 ปีเต็ม
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/