OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue ลดขนาดกับตัวเรือน O-MegaSteel

0

หนึ่งในนาฬิกาที่อยู่ในเซ็ตพิเศษของคอลเล็กชั่นฉลอง 75 ปีของ Seamaster โดย OMEGA นำเสนอความสวยงามและลงตัวของ Seamaster Ploprof รุ่นพิเศษหน้าปัด Summer Blue ด้วยตัวเรือนที่ผลิตจาก O-MegaSteel พร้อมขนาดที่ลดลงในส่วนของ Lug to Lug และความหนา โดยที่ยังคงความแกร่งของนาฬิกาดำน้ำที่มีความสามารถในการกันน้ำ 1,200 เมตร

OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue O-MegaSteel
OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue O-MegaSteel

OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue ลดขนาดกับตัวเรือน O-MegaSteel

  • นาฬิการุ่นพิเศษในเซ็ตฉลอง 75 ปีของ Seamaster

  • ปรับสเป็กจากรุ่นธรรมดาของ Seamaster Ploprof ทั้งไซส์ตัวเรือนและวัสดุที่ใช้ในการผลิต

  • ราคา 502,000 บาท และเริ่มส่งมอบในเดือนพฤศจิกายน 2023

- Advertisement -

ในวาระครบรอบ 75 ปีของ OMEGA Seamaster และทางแบรนด์ได้เปิดตัวคอลเล็กชั่น Summer Blue ออกสู่ตลาด Proplof ถือเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่อยู่ในเซ็ตนี้และจะเปิดตัวออกให้เห็นหน้าตากันก่อน แต่ทว่าการส่งมอบและทำตลาดจะมาหลังสุด โดยตามที่เปิดเผยออกมาจะอยู่ที่ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้

OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue O-MegaSteel
OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue O-MegaSteel

Seamaster Ploprof ถือเป็นนาฬิการะดับ Iconic ของคอลเล็กชั่นนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมีรูปทรงที่โดดเด่นและแตกต่างจากบรรดานาฬิกาข้อมือที่ถือกำเนิดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน จุดเริ่มต้นของ Ploprof มาจากความต้องการของนักดำน้ำที่เริ่มมีความหลากหลายรูปแบบในการใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยในช่วงทศวรรษที่ 1960 OMEGA ได้ทำงานร่วมกับ COMEX ในการพัฒนานาฬิกาดำน้ำเพื่อรองรับกับการใช้งานในแบบ Saturation Diving หรือการดำน้ำแบบอิ่มตัวซึ่งต้องใช้เวลาอยู่ใต้น้ำเป็นระยะเวลานานและอยู่ในห้องพักที่เรียกว่า Bell หรือ Chamber ที่อยู่ใต้น้ำซึ่งในนั้นจะมีอากาศซึ่งเป็นก๊าซที่ผสมฮีเลี่ยมเข้าไปด้วยสำหรับใช้ในการหายใจ

OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue O-MegaSteel

ทั้งคู่ทำงานร่วมกันในโปรเจ็กที่เรียกว่า Ploprof ซึ่งย่อมาจาก Plongeur Prodessionel ในภาษาฝรั่งเศสหรือ Professional Diver ในภาษาอังกฤษจากนั้นในปี 1961 OMEGA ได้นำนาฬิกาต้นแบบ 2 รุ่นมาเสนอนั่นคือ Ploprof 0 และ Ploprof 1

โดยต้นแบบรุ่นหลังได้ถูกพัฒนาขึ้นมาและหลายมาเป็น Seamaster 600 Plongeur Professionnel หรือถูกเรียกว่า Seamaster Ploprof ในเวลาต่อมาโดยถูกผลิตขายในระหว่างปี 1971-1972 ด้วยตัวเรือนแบบ Monocase ที่มีรูปทรงเอกลักษณ์ผลิตจากเหล็ก Inox 904L พร้อมความสามารถในการกันน้ำ 600 เมตร ขอบตัวเรือนสามารถหมุนได้ 2 ทางแต่มีระบบล็อกซึ่งเป็นปุ่มสีแดง

OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue O-MegaSteel OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue O-MegaSteel

อย่างไรก็ตาม Seamaster Ploprof ไม่ได้ทำตลาดแบบต่อเนื่องเหมือนกับนาฬิการุ่นอื่น แต่ห่างหายจากตลาดไปนานถึง 30 ปีก่อนกลับมาอีกครั้งในปี 2009 กับรุ่น Seamaster Ploprof 1200M และรุ่นใหม่ที่ใช้ชื่อเดียวกันในการทำตลาด แต่มีการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดซึ่งเปิดตัวในปี 2016 โดยมากับตัวเรือนที่ผลิตจากไทเทเนียม เกรด 2 พร้อม HEV หรือ Helium Escapement Valve

OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue O-MegaSteel

สำหรับนาฬิกา Seamaster Ploprof ในเซ็ต Summer Blue นั้น มีรหัส Ref. 227.32.55.21.03.001เป็นการนำดีไซน์ของ Seamaster Ploprof 1200M รุ่นปัจจุบันมาปรับเปลี่ยนใหม่และสร้างขึ้นเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของการเฉลิมฉลอง ตัวนาฬิกาเป็นแบบ Monocase มีเส้นผ่านศูนย์กลางแบบรวม Crown Guard 55 มิลลิเมตร และ Lug to Lug 45 มิลลิเมตร ซึ่งสั้นกว่ารุ่นปกติ 3 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับความหนาที่ลดลงจาก 18 มิลลิเมตรมาเป็น 15.5 มิลลิเมตร

OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue O-MegaSteel

ที่แปลกแตกต่างจากรุ่นปกติคือ รุ่นนี้ไม่ได้ผลิตจากไทเทเนียม เกรด 2 อีกต่อไป แต่มากับสแตนเลสสตีลที่เรียกว่า O-MegaSteel ที่ใช้ในการผลิตรุ่น Seamaster Ultra Deep เป็นโลหะผสมหรือ Alloy แบบไม่มีนิเกิลผสมอยู่จึงหมดปัญหาเรื่องอาการแพ้ เช่นเดียวกับการเพิ่มความทนทานต่อการขูดขีด

แม้จะเป็นสตีลแบบอัลลอยรูปแบบหนึ่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสแตนเลสสตีลที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันอย่าง 316L หรือ 904L แล้ว O-MegaSteel มีค่าความแข็งและความทนทานที่ดี เช่น ค่าความแข็งในระดับ 300HV ซึ่งสแตนเลสสตีล 316L และ 904L มีตัวเลขแค่ 200 และ 175 HV ตามลำดับ ส่วนค่าความแข็งแกร่งหรือทนทานมีสูงถึง 560 MPa ขณะที่316L และ 904L มีตัวเลขแค่ 200-250 และ 220 MPa เท่านั้นเอง

อีกสิ่งที่เปลี่ยนไปคือ เมื่อพลิกฝาหลังสำหรับคอลเล็กชั่นนี้จะไม่พบกับสัญลักษณ์ของ Seamaster แต่จะเป็นโลโก้ฉลอง 75 ปีของคอลเล็กชั่น Seamaster ซึ่งเป็นรูปเทพ Poseidon ถือตรีศูลพร้อมกับม้าน้ำ 2 ตัว ส่วนหน้าปัดจะเป็นโทนสี Summer Blue แบบ Sun-Brushed

OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue O-MegaSteel

ซึ่งมีการเล่นแสงอย่างสวยงาม ขอบตัวเรือนสามารถหมุนได้แบบ 2 ทาง อินเสิร์ตผลิตจาก Sapphire มีสีน้ำเงินเข้ม และมีตัวล็อกอยู่ที่ปุ่มตรงแท่งข้างตัวเรือน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิการุ่นนี้ สำหรับรุ่นนี้มากับสายยางแบบ Isofrane ที่มีลายเป็นช่องเหมือนกับบันได หรือ Ladder Design

OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue O-MegaSteel

การขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของกลไกอัตโนมัติ Calibre 8912 ซึ่งเป็นเวอร์ชัน Nodate ของกลไก 8900 มาพร้อมเฟืองเอสเคปเมนต์แบบ Co-Axial ใยนาฬิกาหรือ Balance Spring ผลิตจากซิลิคอน Si14 มีความทนทานต่อสนามแม่เหล็ก 15,000 เกาส์ เดินด้วยความถี่ 3 Hz หรือ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมงและมีกำลังสำรอง 60 ชั่วโมง และความเที่ยงตรงในระดับ Master Chronometer

สำหรับราคาอยู่ที่ 502,000 บาท แพงกว่ารุ่นปกติที่เป็นสาย Milanese ประมาณ 91,000 บาท และเป็นนาฬิกาเรือนเดียวในเซ็ตนี้ที่จะส่งมอบช้าสุด คือ เริ่มส่งมอบในเดือนพฤศจิกายน 2023

 รายละเอียดทางเทคนิค : OMEGA Seamaster Ploprof Summer Blue

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 55 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 15.5 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 45 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย 24 มิลลิเมตร
  • วัสดุตัวเรือน : O-MegaSteel เป็นสตีลอัลลอยแบบผสมพิเศษ
  • กระจก : Sapphire
  • กลไก : อัตโนมัติรหัส Calibre 8912
  • ความถี่ : 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง
  • กำลังสำรอง : 60 ชั่วโมง
  • การกันน้ำ : 1,200 เมตร