มาทำความรู้จักกับ Omega Seamaster Diver 300M Beijing 2022 Special Edition

0

โอลิปิกฤดูหนาวที่ประเทศจีนกำลังจะเริ่มขึ้นในปี 2022 และทาง Omegaในฐานะที่เป็นผู้สนับสนุนหลักด้านการจับเวลา ไม่พลาดที่จะเปิดคอลเล็กชั่นพิเศษเพื่อการแข่งขันกีฬารายการนี้ โดยจะจำหน่ายในชื่อ Omega Seamaster Diver 300M “Beijing 2022” Special Edition

- Advertisement -

Omega

มาทำความรู้จักกับ Omega Seamaster Diver 300M Beijing 2022 Special Edition

  • ใช้พื้นฐานของ Seamaster Diver 300M พร้อมกลไก 8800

  • เป็นรุ่นพิเศษ ไม่มีการจำกัดจำนวนการผลิต

  • ราคาจำหน่ายในเมืองไทย 214,000 บาท

ขณะที่โอลิมปิก (Olympic) ฤดูร้อนที่โตเกียวยังไม่เริ่มสักทีเพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ทุกอย่างก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะของที่ระลึกซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดงาน และในปี 2022 ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาของการจัดโอลิมปิก ฤดูหนาวที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

ทางแบรนด์ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันอย่างเป็นทางการในด้านการจับเวลาอย่าง  Omega (โอเมกา) จัดการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษสำหรับการแข่งกีฬารายการนี้ โดยใช้ชื่อรุ่นว่า  Omega Seamaster Diver 300M Beijing 2022 Special Edition

ในการแข่งขันกีฬาที่มีเรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น การแพ้หรือชนะที่มักเชือดเฉือนกันเพียงเสี้ยววินาที จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงในการช่วยบันทึกทุกวินาทีแห่งความหมาย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Omegaไม่เคยหยุดพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อยกระดับความเที่ยงตรงและแม่นยำในการตัดสิน

โดยยังคงได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่องให้สวมบทบาทอันทรงเกียรติ กับการเป็นแบรนด์ผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขันกีฬา Olympic มาแล้วถึง 29 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1932 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งการจัดโอลิมปิก ฤดูหนาวที่เมืองปักกิ่งนั้น ถือเป็นโอลิมปิกครั้งที่ 30 ซึ่ง Omegaเข้ามามีส่วนในการทำหน้าที่นี้

การทำหน้าที่ของ Omega ถือเป็นส่วนหนึ่งในการบันทึกเวลาเพื่อเป็นหลักฐานการแสดงถึงชัยชนะที่สามารถทำสถิติเหนือจากสถิติเก่าในหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นในการแข่งขันโอลิมปิกมาโดยตลอด อีกทั้งได้มีการต่อสัญญาไปจนถึง ปี 2032 เมื่อเร็วๆนี้อีกด้วย ทำให้ Omega เป็นแบรนด์นาฬิกาที่มีชื่อเสียงเหนือใครในฐานะผู้จับเวลาการแข่งขันกีฬาที่วัดกันด้วยความเร็วที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยำที่สุด

OmegaOmega

นาฬิการุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษที่ไม่ได้มีการผลิตจำกัด จึงไม่มีการจำกัดจำนวนเรือนในการผลิต และอย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า Omegaผลิต Seamaster Diver 300M “Beijing 2022” Special Edition เพื่อโอกาสพิเศษอย่างการจัดงานโอลิมปิก ฤดูหนาวที่จะมีขึ้นในวันที่ 4-20 กุมภาพันธ์ 2022 ที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน โดย Omega เลือกเอานาฬิการุ่น Seamaster Diver 300M รุ่นปัจจุบันที่มีขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตรมาช่วยแต่งเติมเพื่อให้เกิดความพิเศษ

สำหรับรุ่นนี้มีความพิเศษกับตัวเรือนและขอบตัวเรือนที่ผลิตจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างไทเทเนียม เกรด 5 พร้อมความกว้างขาสาย 20 มิลลิเมตร หน้าปัดผลิตจากเซรามิก (ZrO2) มากับสีน้ำเงินแบบ Sun-Brushed มีการขัดเงา ซึ่งทำให้พื้นผิวสามารถสะท้อนแสงด้วยเหลื่อมเงาที่แตกต่างออกไปตามแสงที่ส่องกระทบ

ซึ่งช่วยเพิ่มความสวยงามได้เป็นอย่างดี และสิ่งที่พิเศษคือ หลักชั่วโมงทรงกลมในตำแหน่งที่ 2 , 4 , 8 , 10 และ 12 จะมีสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามสีของสัญลักษณ์ 5 ห่วงของโอลิมปิกซึ่งเป็นสีที่เป็นตัวแทนของทวีปต่างๆ โดยไล่จากแดง เขียว เหลือง น้ำเงิน และดำ ตามลำดับ

เมื่อพลิกด้านหลังจะพบกับฝาหลังที่มีสลักแบบนูนของสัญลักษณ์การจัดงาน Olympic Winter Game Beijing 2022 ขณะที่ขอบนอกมีการยิงเลเซอร์คำว่า NAIAD LOCK ซึ่งหมายถึงว่าการขันฝาหลังของนาฬิกาเรือนนี้จะทำด้วยขั้นตอนพิเศษที่ทำให้สัญลักษณ์และข้อความบนฝาหลังสามารถจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมและสัมพันธ์กับภาพรวมของตัวนาฬิกา

ต่างจากสมัยก่อนที่เมื่อฝาหลังถูกขันแล้วรายละเอียดต่างๆ บนฝาหลังจะอยู่ในตำแหน่งแบบตามมีตามเกิดจนสุดท้ายผู้ผลิตต้องขึ้นคำบนเว็บไซต์ของตัวเองเพื่อระบุว่า ‘ภาพที่เห็นถูกจัดทำเพื่อใช้ในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์เท่านั้น บนนาฬิกาตัวจริงอาจจะมีความแตกต่างออกไป’

Omega

กลไกที่อยู่ข้างในเป็น Co-Axial Master Chronometer Calibre 8800 ผ่านการทดสอบ 8 รูปแบบที่มีความเข้มงวดและถูกกำหนดมาตรฐานโดย METAS หรือ Swiss Federal Institute of Metrology เพื่อให้ได้ความเที่ยงตรงในระดับสูงสุดจนอยู่ในระดับ Master Chronometer และมีความสามารถในการต้านทานต่อสนามแม่เหล็กในระดับ 15,000 Gauss เดินด้วยความถี่ 25,200 ครั้งต่อชั่วโมง และสามารถสำรองพลังงานได้ 55 ชั่วโมง

Omega

Omega Seamaster Diver 300M “Beijing 2022” Special Edition จะมากับกล่องชุดพิเศษตามสไตล์ของนาฬิกาที่ผลิตเพื่อเป็นที่ระลึกของ Olympic และราคาที่เปิดเผยในเว็บไซต์ของOmega Thailand นั้นจะอยู่ที่ 214,000 บาท และจะเริ่มขายในเดือนเมษายนนี้

ข้อมูลทางเทคนิค : 

  • รหัสอ้างอิง : 522.30.42.20.03.001
  • เส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือน : 42 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 20 มิลลิเมตร
  • วัสดุตัวเรือนและขอบตัวเรือน : ไทเทเนียมเกรด 5
  • กระจก : Sapphire ทรงโดมพร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสงทั้ง 2 ฝั่ง
  • ความสามารถในการกันน้ำ : 300 เมตร
  • ความทนต่อสนามแม่เหล็ก : 15,000 Guass
  • กลไก : Calibre 8800 มีความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer
  • จำนวนทับทิม : 35 เม็ด
  • ความถี่ : 25,200 ครั้งต่อชั่วโมง
  • สำรองพลังงาน : 55 ชั่วโมง