Omega Seamaster 300 2021 ปรับโฉมเพื่อความสดใหม่

0

หลังจากที่ Omega รังสรรค์ Seamaster 300 ขึ้นในปี 1958 เรือนเวลานี้ก็กลายเป็นหนึ่งในนาฬิกาดำน้ำที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ใต้เกลียวคลื่น เครื่องบอกเวลาจาก Omega ได้ครองใจของนักดำน้ำหลากหลายรุ่นมาตลอดระยะเวลา 60 ปีและยังครองตำแหน่งนี้ไว้ได้อย่างไม่เหนียวแน่น

- Advertisement -

Omega Seamaster 300

Omega Seamaster 300 2021 ปรับโฉมเพื่อความสดใหม่

หลังจากที่ Omega รังสรรค์ Seamaster 300 ขึ้นในปี 1958 เรือนเวลานี้ก็กลายเป็นหนึ่งในนาฬิกาดำน้ำที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ใต้เกลียวคลื่น เครื่องบอกเวลาจาก Omega ได้ครองใจของนักดำน้ำหลากหลายรุ่นมาตลอดระยะเวลา 60 ปีและยังครองตำแหน่งนี้ไว้ได้อย่างไม่เหนียวแน่น เช่นเดียวกัน ในปี 2021 นาฬิกา Seamaster 300 รุ่นใหม่ก็กำลังจะได้รับการเปิดตัวในไม่ช้า ไม่เพียงแต่ตัวเรือนที่บางลงกว่าเดิมเมื่อเทียบกับนาฬิการุ่นก่อนเพราะติดตั้งด้วยกระจกแซฟไฟร์แบบใหม่ แต่นาฬิกายังมีสัมผัสแห่งความวินเทจและความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer

Omega Seamaster 300เรื่องราวของการบุกเบิก

Seamaster 300 ถือกำเนิดมาในช่วงเวลาที่โลกเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี 1945 มนุษย์ก็เริ่มที่จะหันไปสู่ยุคแห่งการค้นพบ, การเดินทางและการผจญภัย วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมเองก็เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทาง OMEGA ต้องการที่จะตอบสนองกับความต้องการนี้ด้วยนาฬิกาหลากหลายรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อเหล่ามืออาชีพด้านต่างๆ ในปี 1957 คอลเลคชั่น “Professional Trilogy” ก็ถือกำเนิดขึ้นซึ่งรวมถึง Speedmaster, Railmaster และ Seamaster 300

ในฐานะส่วนหนึ่งของนาฬิกาตระกูลดังกล่าว Seamaster 300 ได้รับการเสนอในฐานะนาฬิกาดำน้ำสำหรับมืออาชีพรุ่นแรกของ Omega การออกแบบนั้นโดดเด่นด้วยหน้าปัดสีดำ หลักชั่วโมงบรรจุสารเรืองแสงและชุดเข็มขนาดใหญ่ซึ่งทำให้มันใช้งานและอ่านค่าได้ง่ายในหลากหลายสภาวะ

Omega Seamaster 300

เหนืออื่นใด มันคือผลลัพธ์แห่งนวัตกรรม นอกจากจะสามารถทนทานแรงดันน้ำระดับสูงได้แล้ว OMEGA ยังนำเสนอขอบตัวเรือนดำน้ำแบบแรกของแบรนด์ที่รังสรรค์โดยคำนึงถึงมาตรการความปลอดภัยที่ป้องกันไม่ให้ขอบตัวเรือนหมุนขณะอยู่ใต้น้ำ

Seamaster 300 ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากนักดำน้ำมืออาชีพจากความเที่ยงตรงและความน่าเชื่อสูงสำหรับทำกิจกรรมใต้เกลียวคลื่น ความนิยมของเครื่องบอกเวลารุ่นนี้ทะยานสูงขึ้นและกลายเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ของนักดำน้ำเชิงสันทนาการ, นักวิทยาศาสตร์และกองทัพเรือ

Omega Seamaster 300Omega Seamaster 300

การออกแบบในองค์รวม

คอลเลคชั่นใหม่นี้ยังคงยึดมั่นในจิตวิญญาณนาฬิกาดั้งเดิม นาฬิกาขนาด 41 มม.แต่ละเรือนจะมาพร้อมกับตัวเรือนสแตนเลสสตีล, ขอบตัวเรือนที่บางลงกว่าเดิมซึ่งผลิตด้วยกรรมวิธีใช้กรดออกซาลิกชุบอลูมิเนียมเพื่อเพิ่มความแข็ง

Omega Seamaster 300

 

Omega Seamaster 300

 

สายหนังและสายโลหะ

สายโลหะเองก็ผลิตจากสแตนเลสสตีลซึ่งได้รับการปรับโฉมในด้านการขัดแต่งและสวมได้กระชับยิ่งกว่าที่เคย ทรงสายนาฬิกาได้รับการออกแบบให้เข้ากับสรีรศาสตร์มากขึ้น บานพับแบบขัดเงา-ขัดด้านมีความทันสมัยและบางลงกว่าเดิม ส่วนสายหนังนั้นก็จะมาพร้อมกับหัวสายแบบใหม่

หน้าปัดแซนวิช

บางทีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดนั้นจะพบบนส่วนของหน้าปัดนาฬิกา เครื่องบอกเวลาจาก Omega ได้นำหน้าปัดแบบแซนวิชมาใช้ โดยหน้าปัดชั้นแรกจะเคลือบด้วยสาร Super-LumiNova ก่อนจะประกบด้วยแผ่นที่ฉลุให้เป็นหลักชั่วโมงและตัวเลขแบบอารบิกสไตล์วินเทจซึ่งเป็นการเคารพตามประวัติศาสตร์ของ Seamaster 300 รุ่นแรกๆ ที่เผยโฉมในทศวรรษที่ 60

Omega Seamaster 300

หน้าปัดที่เรียบง่ายและเข็มโลลิป๊อป

Omega Seamaster 300

เป็นอีกครั้งที่ Omega ได้นำเข็มวินาทีกลางแบบโลลิป๊อปกลับมาใช้กับนาฬิการุ่นสแตนเลสสตีล ปลายเข็มได้รับการบรรจุด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova ซึ่งเข้ากันได้ดีกับหน้าปัดที่ออกแบบมาให้ดูเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น โดยปรากฏเพียงตรา Omega และชื่อ Seamaster 300 ส่วนชื่อรุ่นอ้างอิงของกลไกได้ย้ายไปอยู่บนฝาหลังแทน

การออกแบบที่บางลง

บางท่านที่มีสายตาเฉียบแหลมอาจสังเกตถึงขอบด้านในที่เล็กลงกว่าเดิมเพื่อขับเด่นให้กับหน้าปัดมากกว่าที่เคยด้วยขนาด 30.4 มม. เทียบกับของเดิมที่ 29.5 มม. นอกจากนี้ Omega ยังทำให้ Seamaster 300 บางลงได้สำเร็จด้วยการใช้กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโดมและเม็ดมะยมแบบใหม่

มาตรฐาน Master Chronometer

ปิดท้ายด้วยฝาหลังขอบลายคลื่นและกระจกแซฟไฟร์ที่เปลือยให้เห็นการทำงานของกลไก OMEGA CoAxial Master Chronometer Calibre 8912 โดยทั้งนาฬิกาและกลไกล้วนได้รับรองจาก Swiss Federal Institute of Metrology (METAS) ในด้านความเที่ยงตรง, ประสิทธิภาพและคุณสมบัติการต้านทานสนามแม่เหล็กระดับสูงสุดในอุตสาหกรรมผู้ผลิตนาฬิกา

สำหรับรุ่นสายหนังจะมีราคา 206,000 บาท และ 217,000 บาทสำหรับรุ่นสายโลหะ

ข้อมูลทางเทคนิค

ตัวเรือน

  • ขนาด: 41 มม. หนา: 13.85 มม.
  • คุณสมบัติในการกันน้ำ: 3 บาร์ (30 เมตร/ 1,000 ฟุต)
  • ตัวเรือน: ขัดเงา-ขัดด้าน

ขอบตัวเรือน: สามารถหมุนได้ทิศทางเดียว ทำจากอลูมิเนียมที่ชุบโดยใช้กรดออกซาลิกจนเป็นสีน้ำเงิน สเกลดำน้ำบรรจุสารเรืองแสง Super-LumiNova แบบ “วินเทจ” (เรืองแสงสีน้ำเงิน); สารเรืองแสง Super-LumiNova บนดอท ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา (เรืองแสงสีเขียว)

  • เม็ดมะยมแบบใหม่: เม็ดมะยมขันเกลียวขัดเงาประดับด้วยตรา Ω
  • กระจกหน้าปัด: กระจกแซฟไฟร์ทรงโดมป้องกันรอยขีดข่วนและเคลือบด้วยสารกันสะท้อนทั้งด้านในและด้านนอก
  • ฝาหลัง: เป็นแบบขันเกลียว ขัดเงา-ขัดด้าน; ฝาหลังขอบลายคลื่นสลักด้วยคำว่า “CO-AXIAL MASTER CHRONOMETER” และคุณสมบัติการกันน้ำ; ติดตั้งด้วยกระจกแซฟไฟร์แบบเรียบ

หน้าปัด

  • สี: น้ำเงิน

ประกอบจาก 2 ชั้น:

  • ชั้นแรกบรรจุสารเรืองแสง Super-LumiNova แบบวินเทจ “ให้แสงสีน้ำเงิน”
  • ชั้นที่สองฉลุเปิดเป็นหลักชั่วโมงและตัวเลข

ชุดเข็ม

  • ชุดเข็มชั่วโมง-นาทีชุบโรเดียมขัดเงา เข็มวินาทีโลลิป๊อป เติมด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova แบบวินเทจ
  • เรืองแสงสีน้ำเงิน: เข็มชั่วโมงและวินาที (รวมถึงหลักชั่วโมง)
  • เรืองแสงสีเขียว: เข็มนาที (เหมือนกับดอทบนสเกลดำน้ำบนขอบตัวเรือน)

สายนาฬิกา

  • สายนาฬิกา: ขัดเงา-ขัดด้าน สายนาฬิกา screw-and-pin สิทธิบัตรเฉพาะของ OMEGA ผสานเข้ากับตัวเรือนได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังติดตั้งด้วยระบบปรับสายแบบ rack-and-pusher

กลไก

OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 8912

  • ผ่านการรับรองมาตรฐาน METAS
  • สามารถขึ้นลานได้สองทิศทางได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์
  • จำนวนทับทิม: 38 เม็ด
  • ความถี่: 25’200 A/h (3.5 Hz)
  • พลังงานสำรอง: 60 ชั่วโมง
  • คุณสมบัติพิเศษ:สามารถทนทานสนามแม่เหล็กได้ถึง 15,000 เกาส์