OMEGA ถือเป็นแบรนด์นาฬิกาที่มีส่วนร่วมในหน้าประวัติศาสตร์ของการแข่งขันกีฬา Olympic มานานถึง 29 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1932 และนี่คือช่วงเวลาที่สำคัญที่ OMEGA ได้มอบให้กับการแข่งขันรายการนี้

OMEGA & Olympic ดาวเด่นจากหน้าประวัติศาสตร์
ในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกมาแล้ว 29 ครั้งตั้งแต่ปี 1932 OMEGA ได้รังสรรค์นวัตกรรมและช่วงเวลาอันน่าจดจำไว้มากมาย โดยเรื่องราวต่อไปนี้เป็นเพียงเสี้ยวเดียวจากประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของเรา
1932
ลอสแอนเจลิส
เปิดฉากตำนาน
นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีบริษัทนาฬิกาเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ด้วยชื่อเสียงที่ยากหาผู้ใดเปรียบในด้านความเหนือระดับและความเที่ยงตรง หน้าที่แห่งเกียรติยศนี้จึงตกมายัง OMEGA นับเป็นช่วงเวลาสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์การบอกเวลาสำหรับการแข่งขัน และเป็นการกำหนดทิศทางให้กับอนาคตที่ดำเนินไปไกลเกินกว่าใครจะคิดฝัน แบรนด์ในเวลานั้นได้ส่งช่างนาฬิกาจาก Bienne หนึ่งรายไปยังลอสแอนเจลิสพร้อมอาวุธคู่ใจเป็นนาฬิกาจับเวลาความเที่ยงตรงสูง 30 เรือนที่บอกเวลาได้ละเอียดเกือบถึงระดับ 1/10 ของวินาที
1936
การ์มิช-พาร์เทินเคียร์เชิน
ไม่หวั่นแม้เหมันตฤดู
ประสบการณ์กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งแรกของ OMEGA เกิดขึ้นในหมู่บ้านพี่น้องอย่าง การ์มิช-พาร์เทินเคียร์เชิน เมื่อเทียบกับฤดูร้อนแล้ว กีฬาฤดูหนาวนับเป็นความท้าทายใหม่ของผู้ผลิตเรือนเวลาสวิส โดยเฉพาะกีฬาสกีอัลไพน์ซึ่งแบรนด์จะต้องส่งเวลาออกตัวไว้ในกระเป๋าของนักสกีคนถัดไป แต่ความเที่ยงตรงและความอุตสาหะของ OMEGA ก็ช่วยให้ผ่านพ้น ดวงอาทิตย์ทอแสงและสภาพอากาศก็เป็นใจ มอบสนามให้กับแข่งขันและสถิติเวลาที่ถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์
1948
ลอนดอน
ยุคแห่งไฟฟ้ามาเยือน
![]() |
![]() |
สองสิ่งที่ปฏิวัติการบอกเวลาสำหรับการแข่งขันปรากฏตัวในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนเป็นครั้งแรกในปี 1948 – ผลงานรังสรรค์ของ OMEGA นับเป็นการเปิดฉากของ “ยุคแห่งอิเล็กทรอนิก” หลังเทคโนโลยีสามารถเอาชนะขีดความสามารถของสายตามนุษย์ หนึ่งในเทคโนโลยีของ OMEGA คือกล้องโฟโต้ฟินิชรุ่นแรก อุปกรณ์ที่ช่วยในการตัดสินลำดับของนักกีฬาที่เข้าเส้นชัย เช่นเดียวกับโฟโต้อิเล็กทริกเซลล์ซึ่งทำงานโดยการใช้สัญญาณไฟฟ้าหยุดนาฬิกาทันทีที่นักกีฬาเข้าเส้นชัย ความเที่ยงตรงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน!
1952
เฮลซิงกิ
รางวัลสำหรับความทุ่มเท
หลัง OMEGA ได้มีส่วนร่วมในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครบ 20 ปีแบรนด์จึงได้รับ Cross of Merit จาก IOC ในปี 1952 สำหรับ “การอุทิศตนให้กับโลกของการกีฬา” นอกจากเป็นหมุดหมายที่ควรคู่แล้วสำหรับความสำเร็จที่สั่งสมมา ทว่ายังสะท้อนถึงความก้าวหน้า และหนึ่งในความก้าวหน้านั้นคือ OMEGA Time Recorder ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกควอทซ์ โครโนกราฟไฟฟ้าชั้นยอดรุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องพิมพ์ความเร็วสูงซึ่งทำให้ OMEGA สามารถบอกเวลาของการแข่งและสามารถพิมพ์ผลออกมาได้ทันทีที่ความละเอียดระดับ 1/100 ของวินาที
1956
เมลเบิร์น – สตอกโฮล์ม
กีฬาว่ายน้ำและอุปกรณ์ไฟฟ้า
เมื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมที่เป็นน้ำ กีฬาว่ายน้ำก็นับว่าเป็นความท้าทายที่ไม่เหมือนใครของบรรดาผู้บอกเวลา อย่างไรก็ตาม ในปี 1956 OMEGA ได้ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัว Swim Eight-O-Matic – อุปกรณ์บอกเวลาสำหรับกีฬาว่ายน้ำแบบกึ่งอัตโนมัติรุ่นแรกของโลก โดยอุปกรณ์จะเริ่มจับเวลาอัตโนมัติเมื่อมีการยิงปืนสัญญาณ และกลไกจะหยุดลงเมื่อนักกีฬาถึงเส้นชัยผ่านอิเล็กทริคไทม์เมอร์แบบมือถือ ระบบดีเยี่ยมถึงขั้นที่สามารถบอกได้ว่านักว่ายน้ำรายใดที่เข้าเส้นชัยก่อนแม้ว่าสายตามนุษย์จะไม่สามารถแยกออก – ส่งสัญญาณถึงความก้าวหน้าครั้งใหม่ในวงการกีฬา
1964
อินส์บรุค
เวลาบนหน้าจอ
![]() |
![]() |
เมื่อ OMEGA เผยโฉมเทคโนโลยีใหม่อย่าง Omegascope การรับชมมหกรรมกีฬาโอลิมปิกก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล อุปกรณ์ชนิดใหม่นี้ได้ทำให้เรารู้จักคอนเซปต์ของการรายงานผลแบบ “เรียลไทม์” ด้วยการแสดงผลเวลาของนักกีฬาด้านล่างของหน้าจอ เมื่อความเที่ยงตรงของ OMEGA เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนหลายล้านคน นั่นย่อมหมายความว่าแบรนด์ต้องแสดงค่าทุกอย่างถูกต้อง ไร้ช่องว่างให้กับข้อผิดพลาด เป็นครั้งแรกที่ผู้ชมนอกสนามจะได้รับทราบผลการแข่งที่รวดเร็วเช่นนี้
1968
MEXICO CITY
พลิกโฉมกีฬาว่ายน้ำ
การมาถึงของทัชแพดนั้นได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในห้วงเวลาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของการบอกเวลา แป้นมีขนาดความสูง 90 ซม. และกว้าง 240 ซม. โดยจะอยู่ในน้ำสองในสามส่วน แผ่นแป้นมีความไวต่อการสัมผัสอย่างยิ่ง ทันทีนักกีฬาสัมผัสกับขอบสระ พวกเขาก็จะสามารถหยุดเวลาได้ด้วยตนเอง ไร้สิ้นถึงข้อกังขาของผลการแข่งขันการว่ายน้ำ
1976
มอนทรีออล
สกอร์บอร์ดวิวัฒน์
ณ มอนทรีออล วิดีโอเมทริกซ์บอร์ดรุ่นใหม่ของ OMEGA ได้ทำหน้าที่แสดงเวลา คะแนนและคะแนนรวม เช่นเดียวกับภาพวิดีโอที่บันทึกไว้แบบขาวดำ อุปกรณ์ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับการแสดงภาพเป็นตัวอักษรครั้งละปริมาณมากและฉายผลการแข่งให้ผู้ชมทั้งสนามกีฬาโอลิมปิก วิถีใหม่ในการแสดงผลให้กับทั้งผู้ชมและนักกีฬารับทราบได้ช่วยเปิดทางให้กับการปรับปรุงสกอร์บอร์ดหลายแห่งและนำพานวัตกรรมไปสู่อนาคต
1984
ลอสแอนเจลิส
จับคนผิดกติกา
มหกรรมกีฬาโอลิมปิกปี 1984 นั้นเป็นที่จดจำจากความสำเร็จมากมายของเหล่านักกีฬา รวมถึงเรื่องราวของ Carl Lewis นักกีฬาอเมริกันที่คว้าไปถึงสี่เหรียญทอง ทาง OMEGA ก็ลงลู่วิ่งเช่นเดียวกัน หมายมั่นที่จะคว้าชัยในสนามแห่งการบอกเวลาด้วยการเผยเครื่องตรวจการออกสตาร์ทที่ผิดกติกา อุปกรณ์ชนิดนี้มีความไวอย่างมาก โดยจะทำงานผ่านแรงกดที่นักวิ่งแต่ละรายกดลงบนที่ยันเท้าเริ่มวิ่ง เมื่อนักวิ่งทำการออกตัว เวลาตอบสนองของนักกีฬานั้นจะถูกกระตุ้นด้วยแรงทางกายภาพ ทำให้ OMEGA สามารถตรวจจับการทำผิดกติกาได้แม้จะเกิดขึ้นชนิดแทบไม่มีใครสังเกตเห็น
1988
โซล
หน้าบทใหม่ของสถิติ
Seoul 1988 นับเป็นโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งแรกที่มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการบอกเวลา ในหนนี้ แทนที่จะวัดค่า บันทึกและพิมพ์เวลาออกมา ทาง OMEGA ยังสามารถจัดเก็บข้อมูลสำคัญในรูปแบบดิจิตอลรวมถึงค่าทางสถิติที่จำเป็นสำหรับประกอบการรับชมแต่ละชนิดกีฬา ข้อมูลถูกเก็บรักษาไว้สำหรับอนาคตไปพร้อมๆ กับการที่แบรนด์ถ่ายทอดข้อมูลเวลาแบบเรียลไทม์ให้กับเมนสเตเดี้ยม และต้องขอบคุณวิดีโอเมทริกซ์บอร์ดรุ่นใหม่ที่ช่วยให้แสดงภาพและวิดีโอแบบสีได้เป็นครั้งแรก
2006
โตรีโน
เทคโนโลยีบนร่างของนักกีฬา
![]() |
![]() |
เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1992 ที่ OMEGA ได้หวนคืนสู่ตำแหน่งผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการสำหรับทุกการแข่งขันของมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โดยมีการเน้นย้ำเป็นพิเศษสำหรับกีฬาสปีดสเก็ตติ้งด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ เป็นครั้งแรกของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่นักกีฬาจะสวมใส่เครื่องส่งสัญญาณรุ่นพิเศษที่ข้อเท้า ซึ่งแผงวงจรภายในจะทำหน้าที่รับส่งสัญญาณวิทยุและช่วยให้ OMEGA สามารถบอกเวลาได้อย่างแม่นยำในแต่ละช่วงของการแข่งขัน
2012
ลอนดอน
หนึ่งส่วนหนึ่งล้านวินาที
ด้วยความละเอียดในการบอกเวลาที่เพิ่มขึ้นเป็นถึงกว่าหนึ่งส่วนล้านวินาที Quantum Timer รุ่นใหม่ของ OMEGA ที่ทำหน้าที่ในบอกเวลาสำหรับการแข่ง ณ กรุงลอนดอนได้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์บอกเวลาเจเนอเรชั่นใหม่ของแบรนด์โดยความละเอียดนั้นมากกว่าอุปกรณ์รุ่นก่อนถึง 100 เท่าและมีความคลาดเคลื่อนสูงสุดเพียงหนึ่งวินาทีในสิบล้านวินาที อีกทั้งยังเที่ยงตรงมากกว่าเดิมถึงห้าเท่า
2018
เปียงยาง
เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเทคโนโลยีในการระบุตำแหน่ง
![]() |
![]() |
![]() |
PyeongChang 2018 นับเป็นจุดเริ่มต้นอันยิ่งใหญ่สำหรับยุคสมัยใหม่อันกล้าแกร่งของ OMEGA ด้วยเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและระบบบอกตำแหน่งรุ่นใหม่ ผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการจึงสามารถที่จะบอกค่า ณ ช่วงเวลาต่างๆ ของนักกีฬาได้ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งจบการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการบอกความเร็วของนักสกีอัลไพน์แบบวินาทีต่อวินาที – หรือการจัดแผนการเล่นของนักฮอกกี้ทั้งทีม – OMEGA ช่วยมอบข้อมูลเชิงลึกให้สำหรับแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับนักกีฬาแล้ว เทคโนโลยีใหม่นี้ได้ช่วยให้พวกเขาสามารถวิเคราะห์ขีดความสามารถของตนได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ผู้ชมทางบ้านก็จะยิ่งชมการแข่งขันได้อรรถรสมากกว่าที่เคย
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/