Nomad 6105 Homage ทรงคลาสสิค คุ้มค่ากับราคา

โดย

MP4/4

11/07/2018

เดี๋ยวนี้การสวมนาฬิกาของผมไม่ได้ยึดติดเอากับเรื่องแบรนด์เหมือนกับที่ผ่านมา แต่เน้นนาฬิกาที่สวย มีเอกลักษณ์ ซึ่ง Nomad 6105 ที่เปิดจองกันในกลุ่ม Homage Thai เป็นอะไรที่ถูกใจอย่างมาก และสมกับการรอคอยหลังจากที่สั่งจองไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

Nomad 6105 Homage ทรงคลาสสิค คุ้มค่ากับราคา

นาฬิกา Homage อย่าง Nomad 6105 มากับดีไซน์ของ Seiko 6105-8110
ตัวเรือน 44 มม.และผลิตจากบรอนซ์ CuSn8
กลไกมาจาก Seiko ในตระกูล NH35A

- Advertisement -

ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเหมือนผมหรือเปล่า ที่เมื่อผ่านไปสักระยะ คำว่าแบรนด์เริ่มไม่มีผลในแง่การตัดสินใจซื้อนาฬิกาสักเรือน แต่ผมเริ่มจะมองหาอะไรที่แปลกๆ แต่สวยและลงตัวอย่างมีเอกลักษณ์เข้ามาทดแทนโดยที่ไม่สนใจในแง่ของปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคาขายต่อ หรือสิ่งที่คนทั่วไปมองกลับมาบนข้อมือ ตรงนี้ก็เลยทำให้โลกของ Homage Watch เดินเข้ามาจนกระทั่งผมได้เป็นส่วนหนึ่งในการจองนาฬิการุ่น 6105 ของคอลเล็กชั่น Nomad จากคุณ Nirut Jeenyu ในกลุ่ม Homage Thai และบอกได้คำเดียวเลยว่า ‘โคตรชอบเลย’

สารภาพก่อนว่าผมไม่รู้จักกับคุณ Nirut เป็นการส่วนตัว เป็นแค่ 1 ใน 99 คนที่มีโอกาสได้จองผลงานของเขาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018 ก่อนที่ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นและนัดรับกันในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเรือนที่ผมสั่งเอาไว้นั้น จัดการฝากทางคุณ Nirut เปลี่ยนหน้าปัดและเข็มใหม่ จากนั้นก็ดั้นด้นหาอีกเรือนที่เป็นหน้าตาแบบเดิมๆ เข้ามาเพิ่มในกรุ เพราะเกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง ซึ่งจริงๆ แล้ว ผมชอบหน้าเดิมมาก แต่อีกใจก็ชอบหน้าใหม่ที่ชื่อว่า Thailand Regatta ของเขาด้วย งานนี้ก็เลยตัดใจเหมาสอง เพราะชอบมากถึงมากที่สุด

อีกเรื่องที่ต้องสารภาพก็คือ เนื้อหาและข้อมูลของเจ้านาฬิกาเรือนนี้แทบไม่มีอยู่เลย ผมทราบจากสเป็กที่แปะเอาไว้ในเพจของ Homage Thai เพียงแค่ทราบว่ามันคือหนึ่งในคอลเล็กชั่น Nomad และน่าจะเรียกว่าเป็นเรือนแรกของคอลเล็กชั่นนี้ เพราะหลังจากที่ติดตามมาสักระยะ ผมก็ได้เห็นตารางการทำงานของเขาพร้อมกับรุ่นที่ 2 และ 3 ของ Nomad ที่เตรียมเปิดตัวออกมาในอีกไม่นานหลังจากนี้

Nomad 6105…ผมเดาเอาว่าน่าจะชื่อรุ่นนี้ เพราะตัวเรือนของนาฬิกายึดเอามาจากทรงของนาฬิกาดำน้ำยอดฮิตที่ขึ้นหิ้งอมตะของ Seiko อย่างรุ่น 6105-8110 ที่ใครหลายคนคุ้นตาดีกับภาพที่อ้างอิงจากข้อมือของ Martin Sheen ในภาพยนตร์เรื่อง Apocalypse Now ที่ฉายในปี 1979

ผมชอบนาฬิการุ่นนี้นะ แต่ถามว่าต้องเป็น 6105-8110 หรือเปล่า ? ก็ไม่นะ เพราะผมชอบแค่รูปทรงและเคสทรงเต่าในสไตล์กระดองบานเหมือนกับจานบินของมันเท่านั้นเอง ไม่ได้ติดใจหรืออยากได้ของแท้ๆ เข้ากรุ ดังนั้น Nomad 6105 จึงตอบโจทย์ข้อแรกได้ ส่วนข้อที่ 2 คือ เรื่องของราคา เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ณ ตอนนี้ 6105-8110 ราคาทะยานไปไกลราวกับติดจรวดแล้ว ผมก็คงไม่อยากที่จะตามไปจนถึงตรงนั้นอย่างแน่นอน ดังนั้น งาน Homage ที่อ้างอิงดีไซน์ของ 6105-8110 แบบที่มีราคารับได้ จึงเป็นทางเลือกที่มากได้อย่างถูกที่และถูกเวลา จนถูกใจอย่างแท้จริง

นอกจากนั้น ปกติผมชอบนาฬิกาบรอนซ์เป็นการส่วนตัวเพราะความเปลี่ยนแปลงทางกายของภาพของวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตตัวเรือนที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน และไม่เหมือนกันเลย นั่นก็เลยทำให้ตรงนี้เป็นแต้มต่อที่ทำให้ผมมักจะมีให้กับนาฬิกาประเภทนี้มากกว่านาฬิกาที่มีตัวเรือนผลิตจาก Stainless Steel

Nomad 6105 ผลิตจาก CuSn8 ซึ่งผลิตจากบรอนซ์ที่มีส่วนผสมของทองแดงและดีบุก และว่ากันว่ามีคุณภาพที่ค่อนข้างดีและสามารถทำให้เกิด Patina ค่อนข้างสวย มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว เอาเป็นว่าตอนที่แกะออกมาจากกล่องยังเงาทองเหลืองอร่ามอยู่เลย แต่พอใส่ไปไม่ถึงชั่วโมงจะเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

ขนาดตัวเรือนถือว่าถอดแบบมาจาก Seiko 6105-8110 โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มิลลิเมตร และ Lug to Lug 47.46 มิลลิเมตร ส่วนความหนาอยู่ที่ 13 มิลลิเมตรโดยประมาณ แต่ความกว้างขาสายอาจจะต่างกันเล็กน้อย เพราะของเดิมเป็น 19 มิลลิเมตร แต่ Nomad 6105 เป็นขนาด 20 มิลลิเมตร

ส่วน Bezel ผลิตจากอะลูมิเนียม และมี Insert โทนสีน้ำตลาดเข้ม หรือ Burnt Amber ซึ่งเข้ากับชุดสีหน้าปัด โดยที่ตัวฟอนต์ของตัวเลขบน Insert แม้ว่าจะไม่ใช้สีสันฉูดฉากเพื่อสร้างความแตกต่าง แต่การเล่นโทนพื้นสีเข้ม ตัวหนังสือสีอ่อนก็ทำให้มีความโดดเด่นขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง และรับกันหน้าปัดที่เป็นพื้นสีน้ำตาลเช่นเดียวกัน โดยที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกามีปุ่มพรายน้ำติดตั้งอยู่ ส่วนเม็ดมะยมก็มีการสลักคำว่า Lock พร้อมทิศทางการหมุนเพื่อไขเปิดหรือ-ปิดเหมือนกับ Seiko 6105-8011

ขณะที่ฝาหลังเป็นแบบทึบและผลิตจาก Stainless Steel 316L ไม่มีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมนอกจากภาพสลักของหอยโบราณอย่าง Nautilus และหมายเลขของเรือนที่ถูกผลิตออกมา ซึ่งในคอลเล็กชันนี้ตามที่เปิดจองใน Facebook มีการผลิต 1-99 เรือน

นอกเหนือจากหน้าตาและรูปทรงแล้ว อีกความพึงพอใจที่ผมได้รับมาจาก Nomad 6105 คือ สเป็กที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า กับค่าตัวในระดับ 7,400 บาทในขณะที่พวกนาฬิกา Micro Brand ที่ขายในบ้านเราราคาหมื่นกลางอัพนั้น ยอมรับเลยว่าสิ่งที่ได้มาถือว่าค่อนข้างโอเคเลย ทั้งกระจก Sapphire แบบ Swiss Grade สายยางลายวัฟเฟิลออกแนววินเทจคุณภาพดี นุ่มมือ และกลไกถ้าเป็นระดับราคานี้คุณอาจจะต้องเจอกับพวกกลไกจีนที่ Clone งาน Swiss แต่ Nomad 6105 มากับกลไกที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคย คือ Seiko NH35A ที่มีพื้นฐานมาจากรหัส 4R35 ที่อยู่ในพวก Seiko Prospex Samurai สำรองพลังงาน 41 ชั่วโมง เดินด้วยความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง และมีความเที่ยงตรงในสภาพปกติที่ -20 ถึง +40 วินาทีต่อวัน ถือว่ามีความใส่ใจในทุกเรื่องสำหรับคนที่ชอบนาฬิกาเลยก็ว่าได้

ข้างบนคือความประทับใจที่ผมมีให้กับ Nomad 6105 ส่วนเรื่องที่ไม่ประทับใจมีบ้างไหม คำตอบคือ มีบ้างตามประสาคนขี้บ่น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

อย่างแรก ความละเอียดของรูสายบนสายยางที่ทำให้ผมต้องเจอกับสภาพหารูที่ถูกใจไม่เจอ เรียกว่าถ้าไม่รัดแน่นไปก็หลวมไป อันนี้เป็นปัญหาส่วนตัวของผมเอง ประการต่อมาคือ การให้บัคเคิลบรอนซ์ 18 มม.ติดมากับสายเดิม มันเป็นอะไรที่ปวดใจสำหรับคนชอบเปลี่ยนสาย เพราะการหาสายหนัง 20/18 มม.แบบสวยๆ นั้นหายาก น่าจะขยับเป็นไซส์ 20 มม. ซึ่งทำให้หาสายทดแทนมาใช้งานได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าบัคเคิลเพิ่ม

ส่วนอีกเรื่องคือ ความจืดของสิ่งที่อยู่บนหน้าปัด ส่วนตัวผมว่าถ้าเปลี่ยนเฉพาะเข็มนาทีให้มีสีสันขึ้นมาอีกนิดเหมือนกับพวกนาฬิกาดำน้ำบางรุ่น หรือ แต้มสีสันอะไรเด่นๆ บนจุดที่เป็น Lollipop ของเข็มวินาที น่าจะทำให้ชวนมองขึ้นอีกเยอะเลย เพราะโดยรวมหน้าปัดก็เรียบไม่มีตัวอักษรหรืออะไรมาดึงความสนใจทางสายตาอยู่แล้ว แถมหลักและชุดเข็มก็ยังเป็นสีขาวอีก ก็เลยดูกลืนๆ ไปกันหมด แต่สุดท้ายก็คงไม่ได้ MOD เพิ่มละครับ เพราะมีอีกเรือนรับหน้าที่นี้ไปแล้ว

ในแง่ของคุณภาพในการผลิตและการประกอบ ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียว เมื่อเปรียบเทียบกับนาฬิการะดับราคาเดียวกันที่ผมเคยเจอมา การคลายเกลียวเม็ดมะยม และดึงออกเพื่อตั้งเวลาสามารถทำได้อย่างนุ่มมือ และรู้สึกง่ายในการเข้าเกลียวตอนที่กดเม็ดมะยมลงไปเพื่อหมุนปิด ส่วน Bezel ก็แน่นหนาออกแรงหน่อยในการหมุน โดยส่วนที่ผมค่อนข้างชอบที่สุดในแง่ของคุณภาพคือ ฝาหลังที่มีการขัดหยาบสลับเงา และการยิงเลเซอร์ลวดลาย ซึ่งถือว่าทำได้อย่างเนียนตา แม้ว่าจะไม่ค่อยมีรายละเอียดอยู่บนฝาหลังเท่าไร

เอาเป็นว่าการสอยเข้ากรุ 2 เรือนน่าจะยืนยันถึงความถูกใจที่มีต่อนาฬิการุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี ที่แน่ๆ ผมปวารณาตัวเองเป็นแฟนของคุณ Nirut ไปโดยปริยาย และตอนนี้ก็สั่งเจ้า Nomad 66 ไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงจับเอานาฬิกาอีกหลายรุ่นของเขาที่ตอนนี้ยังเป็น Prototype ใส่ไว้ใน Wish List ของตัวเอง

ส่วนใครที่ตกขบวน อาจจะต้องไปเลียบๆ เคียงๆ เอาในกลุ่ม Homage Thai กันดูว่ายังมีของหลงเหลืออยู่หรือไม่

อ่อ…นอกจากนั้นยังมีคนบอกว่านาฬิกาเรือนนี้มี Easter Egg อยู่ ลองไปหาดูกันครับ แต่บอก Hint ให้นิดส์นึง เกี่ยวกับการสลับตำแหน่งสายและ Bezel ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่…ประมาณนี้ละครับ