MIDO X RED BULL CLIFF DIVING
จับมือพันธมิตรใหม่เพื่อความสมบูรณ์แบบ
Ocean Star คอลเล็กชั่นที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1944 ได้เวลาของการฉลองครบรอบ 75 ปีแล้ว และเพื่อฉลองวาระพิเศษเช่นนี้ ทาง Mido ได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับการแข่งขัน Red Bull Cliff Diving World Series ซึ่งถือเป็นรายการแข่งกระโดดน้ำบนหน้าผาที่ได้รับความนิยมและสนใจจากคนทั่วโลก โดยแบรนด์นาฬิกาชื่อดังจากสวิตเซอร์แลนด์และผู้จัดการแข่งขันกีฬาเอ็กซ์ถือว่ามีความหลงใหลและความภาคภูมิใจที่คล้ายกัน และพร้อมที่จะร่วมแบ่งปันออกไปให้คนทั่วโลกได้รับรู้นั่นคือ การเอาชนะตัวเองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่ความสมบูรณ์แบบ Jonathan Paredes จากเม็กซิโก และ Alessandro De Rose จากอิตาลี คือ 2 นักกีฬาชื่อดังที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในแวดวงกีฬาประเภทนี้ จะเข้าร่วมกับ Mido ในฐานะที่เป็น Friends of the Brand และแน่นอนว่า สิ่งที่มีความเกี่ยวพันกับโลกของการดำน้ำย่อมหนีไม่พ้นนาฬิกาดำน้ำรุ่นท็อปของ Mido อย่าง Ocean Star Diver600 ซึ่งได้ถูกเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นพันธมิตรแห่งความเป็นเลิศทั้งในเรื่องความเที่ยงตรง ประสิทธิภาพ และการสืบทอดมรดกแห่งชื่อเสียงที่ตกทอดมาตลอด 75 ปี
Mido : หนึ่งศตวรรษแห่งความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและความยอดเยี่ยมในโลกแห่งเวลา
Mido แบรนด์จากสวิตเซอร์แลนด์ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญในด้านการผลิตและพัฒนานาฬิกาจักรกลในระดับโลกมานานกว่า 1 ศตวรรษ เทคโนโลยีที่ทันสมัย กลไกอัตโนมัติที่ได้รับการยอมรับว่ามีความยอดเยี่ยม และคุณภาพของวัสดุที่ใช้ผลิตเรือนเวลา ถือเป็น 3 เสาหลักในการสร้างเรือนเวลาของ Mido ซึ่งได้ทำให้แบรนด์มีความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร ยิ่งไปกว่านั้น นาฬิกาของ Mido แต่ละคอลเล็กชั่นยังมาพร้อมกับความประณีตและงานออกแบบที่แสดงให้เห็นความคลาสสิคที่อยู่เหนือกาลเวลาอีกด้วย
The Red Bull Cliff Diving World Series : การแข่งขันกระโดดน้ำบนหน้าผาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
นับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา การแข่งขัน Red Bull Cliff Diving World Series ได้เป็นเวทีในการนำเสนอความตื่นเต้นและเร้าใจของการกระโดดน้ำบนหน้าผาแบบไร้อุปกรณ์ใดๆ Free-Fall และเป็นการแข่งขันที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นที่จับตามองและแหล่งรวมของนักกีฬาชั้นเยี่ยมของวงการ เช่นเดียวกับการปั้นนักกีฬาที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ให้เติบโตขึ้นมา และในปี 2014 พวกเขาได้ขยายการแข่งขันไปสู่กลุ่มสุภาพสตรีด้วยการจัดรายการ Women’s World Series ขึ้นมา และในซีซั่นที่ 11 ของการแข่งขัน บรรดานักกีฬาชั้นเยี่ยมของโลกทั้งหลายได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อแสดงความสามารถของตัวเองในการกระโดดน้ำผ่านทางท่าต่างทั้งการพุ่ง บิดเกลียว หรือท่าตีลังกาจากความสูง 27 เมตรและพุ่งลงสู่พื้นน้ำด้วยความเร็ว 85 กิโลเมตร/ชั่วโมงโดยที่ไร้เครื่องป้องกันใดๆ และสิ่งเดียวที่พวกเขามีติดตัวคือ ความทุ่มเท สมาธิ ทักษะและความสามารถในการควบคุมร่างกายระหว่างการกระโดดน้ำซึ่งจะต้องมีขึ้นทั้งหมด 7 สนามทั่วโลก
The Ocean Star Diver 600 : ที่สุดแห่งการดำน้ำ
ที่สุดของความเที่ยงตรงและแม่นยำ สมรรถนะ และความงดงาม นี่คือ ส่วนประกอบที่เกิดขึ้นอยู่ใน Mido และการแข่งขัน Red Bull Cliff Diving World Series โดยแบรนด์นาฬิกาชื่อดังจากสวิตเซอร์แลนด์และผู้จัดการแข่งขันกีฬาเอ็กซ์ถือว่ามีความหลงใหลและความภาคภูมิใจที่คล้ายกัน และพร้อมที่จะร่วมแบ่งปันออกไปให้คนทั่วโลกได้รับรู้นั่นคือ การเอาชนะตัวเองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่ความสมบูรณ์แบบ สำหรับ Ocean Star Diver 600 ของ Mido คือ บทสรุปที่มาจากคุณค่าเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม นาฬิกาคอลเล็กชั่นนี้ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับความร่วมมือ เพราะนี่คือนาฬิกาดำน้ำชั้นเยี่ยมที่ถูกผสมผสานด้วยความเที่ยงตรงระดับสูง และความทนทานในการใช้งาน ตัวนาฬิกาได้ผ่านการทดสอบจนได้มาตรฐาน ISO 6425 ในเรื่องของการกันน้ำ และสามารถทนแรงดันได้ถึง 60 บาร์ (600 เมตร/1,968 ฟุต) และมาพร้อมกับระบบระบายก๊าซ Helium หรือ Helium valve ตัวเรือนผ่านการขัดแต่งอย่างลงตัวและติดตั้ง Bezel ที่มาพร้อมกับขอบเซรามิกซึ่งมีตัวเลขที่ชัดเจนและยังเคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova Grade X ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านการเรืองแสงที่ยอดเยี่ยมในการช่วยทำให้นักดำน้ำสามารถอ่านค่าของการใช้เวลาใต้น้ำได้อย่างเที่ยงตรงและแม่นยำไม่ว่าจะอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นใด หัวใจสำคัญของนาฬิการุ่นนี้ คือ นวัตกรรมที่ล้ำสมัย ซึ่งก็คือกลไกรุ่น Caliber 80 ที่มาพร้อมกับความเที่ยงตรงในการทำงาน โดยผ่านมาตรฐานการทดสอบของ COSC จนได้รับรองให้เป็นนาฬิกาแบบ Chronometer แถมตัวใยลานยังผลิตจากซิลิคอน มีความสามารถในการสำรองพลังงานได้ถึง 80 ชั่วโมง โดยที่มีความโดดเด่นในเรื่องความเที่ยงตรง และความทนทานต่อการกระแทก
Mido มีความยินดีในการเป็นพันธมิตรกับการแข่งขัน Red Bull Cliff Diving รวมถึงนักกีฬาที่มีชื่อเสียงและผลงานในระดับนานาชาติอีก 2 ท่าน คือ Jonathan Paredes จากเม็กซิโก และ Alessandro De Rose จากอิตาลี ซึ่งจะเข้าร่วมกับ Mido ในฐานะที่เป็น Friends of the Brand เสียงสะท้อนอันสมบูรณ์แบบระหว่างคุณค่าของการจัดการแข่งขันครั้งนี้ และสิ่งที่มีอยู่ในแบรนด์สัญชาติสวิสส์ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Mido เซ็นสัญญาในการเป็นพันธมิตรการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้
Franz Linder ประธานของ Mido ได้กล่าวถึงการเป็นพันธมิตรในครั้งนี้อย่างพอใจว่า ‘เรามีความยืนดีอย่างมากในการเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของ Red Bull Cliff Diving World Series 2019 การกระโดดน้ำบนหน้าผาเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยความเที่ยงตรงและแม่นยำอย่างที่สุด เช่นเดียวกับความโดดเด่นของประสิทธิภาพและฝีมือของนักกีฬา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความตรงกันและสอดคล้องกับคุณค่าที่มีอยู่ในคอลเล็กชั่นต่างๆ ของ Mido’
เดินสู่พื้นน้ำสีมรกตที่ฟิลิปปินส์
นักกระโดดน้ำบนหน้าผาชั้นนำของโลกจำนวน 24 คน ซึ่งเป็นชาย 14 คน และหยิง 10 คน จะเข้าร่วมการแข่งขันสนามแรกในวันที่ 13 เมษายนนี้ท่ามกลางความงดงามของผืนทะเลที่ El Nido เมือง Palawan ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นสนามแรกของการแข่งขัน Red Bull Cliff Diving World Series ซีซั่นที่ 11
สำหรับสนามต่อไปที่จะมีการจัดการแข่งขันประกอบด้วย :
- 12 พฤษภาคม : Dublin, Ireland
- 2 มิถุนายน : Polignano a Mare, Italy
- 22 มิถุนายน : São Miguel, Azores, Portugal
- 14 กรกฎาคม : Beirut, Lebanon
- 24 สิงหาคม : Mostar, Bosnia and Herzegovina
- 14 กันยายน : Bilbao, Spain
#SuperPrecise #OceanStarDiver600
#Midowatches
เกี่ยวกับ Mido
จอร์จ แชเรนได้เลือกวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สิ้นสุดลง ในการก่อตั้งแบรนด์ Mido ขึ้นมาและถือเป็นวันสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและเปี่ยมด้วยความกล้าแกร่งของผู้นำในการมองไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ในปี 2018 Mido มีอายุครบ 100 ปีและยังคงเดินหน้าต่อไปโดยยึกปณิธานและเส้นทางที่ถูกวางเอาไว้โดยจอร์จ แชเรน และด้วยโอกาสที่พิเศษในครั้งนี้ทาง Mido ได้นำเสนอเรือนเวลาที่เป็นคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งแต่ละรุ่นจะยังคงคุณค่าที่มีอยู่ใน DNA ของแบรนด์ Mido ตลอดช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องของการออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา การเลือกใช้วัสดุที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ และนวัตกรรมทางด้านเทคนิค
ในปัจจุบัน Mido มีสานักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเลอล็อค ใจกลางเทือกเขาจูรา ในสวิตเซอร์แลนด์ และชื่อ Mido มาจากคำภาษาสเปนว่า “Yo mido” ซึ่งมีความหมายว่า “ฉันวัด”
ปรัชญาของ Mido ตั้งอยู่บนพื้นฐานความคิดในการผสมผสานระหว่างนวัตกรรม การสร้างสรรค์ และประโยชน์ในการใช้งานที่ถูกหล่อหลมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดย Mido ได้นำเสนอถึงคุณค่าเหล่านี้ผ่านทางงานออกแบบในนาฬิกาแต่ละคอลเล็กชั่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของโลกแต่ละแห่งซึ่งมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
นอกจากนั้น ความล้ำสมัยของเทคโนโลยี กลไกอัตโนมัติที่ได้รับการปรับแต่งและถูกสร้างขึ้นภายใต้ความยอดเยี่ยมและคุณภาพที่สูงของวัสดุที่ประกอบอยู่ภายในนั้น ยังถือเป็น 3 จุดสำคัญที่ Mido ยึดถือเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาเรือนเวลาภายใต้ความเชี่ยวชาญที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครของตัวเอง อีกทั้ง Mido ยังให้ความสำคัญต่อความประณีต ซึ่งคุณจะสามารถสัมผัสได้ผ่านทางการออกแบบที่ปรากฏอยู่ในเรือนเวลาทุกรุ่นภายใต้แบรนด์ Mido ที่มีคุณภาพที่อยู่เหนือกาลเวลา และนอกจากการออกแบบเน้นความคลาสสิคโดยที่ไม่วิ่งไปตามเทรนด์หรือแฟชั่นซึ่งจะมีการหมุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนั้น เรือนเวลาของ Mido ยังมีความโดดเด่นในเรื่องของความทนทานอีกด้วย
ในฐานะของผู้ผลิตนาฬิกาจักรกลจากสวิตเซอร์แลนด์ Mido ได้สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับโลกแห่งเรือนเวลาระดับโลกตลอด 100 ปีที่ผ่านมา นาฬิกา Mido มีจำหน่ายที่ตัวแทนแต่งตั้ง 2,700 รายใน 70 ประเทศทั่วโลก Mido เป็นแบรนด์ในเครือ Swatch Group ผู้นาด้านธุรกิจนาฬิการายสาคัญของโลก
ข้อมูลทางเทคนิค
กลไก : กลไกอัตโนมัติ Mido Caliber 80 Si (พื้นฐานจาก ETA C07.821) มีความเที่ยงตรงระดับ Chronometer ตามมาตรฐาน COSC ขนาด 11½’’’ เส้นผ่าศูนย์กลาง 25.60 มม. หนา 5.22 มม.มี 25 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง / ขัดแต่งสวยงามตามเกรด Elabore /เมนสปริง ELINFLEX, ใยลานซิลิคอน,ตกแต่งชิ้นส่วนจักรกรอกแบบสะพานด้วยสัญลักษณ์ Si, ตกแต่งชิ้นส่วนเพื่อความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์และใช้น็อตยึดชิ้นส่วนสีฟ้า/ โรเตอร์ขึ้นลานขัดลายเจนีวาสไตรปส์และแกะสลักเป็นโลโก้ Mido / บอกชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ / ปรับตั้งเพื่อความเที่ยงตรงสูงใน 5 ตำแหน่ง / กำลังลานสำรองสูงถึง 80 ชั่วโมง
ตัวเรือน : ตัวเรือนสเตนเลสสตีล 316L ขัดลายซาตินสลับเงา / Bezel ขัดเงาสลับกับขัดลายซาตินพร้อมกับขอบเซรามิกซึ่งมีตัวเลขที่ชัดเจนและยังเคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova Grade X / หมุนทางเดียว / ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 43.5 มม. / ประกอบด้วย 2 ชิ้นส่วน / แซฟไฟร์คริสตอล เคลือบสารกันการสะท้อนแสงทั้งด้านนอกและด้านใน / เม็ดมะยมแบบขันเกลียว / ฝาหลังขันเกลียว / ฝาหลังสลักรูปปลาดาว / มี Helium Valve / ขัดแต่งกลไก Si ที่มีความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์/ กันน้ำถึงระดับ 60 บาร์ (600 เมตร/1968 ฟุต)
สาย : ผลิตจากสแตนเลสสตีล 316L ขัดลายซาตินสลับขัดเงา และมีบานพับ
หน้าปัด : สีน้ำเงินและเคลือบแล็คเกอร์ หลักชั่วโมงเคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-Luminova พร้อมช่องบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา
เข็ม : เข็มชั่วโมง-นาทีที่ออกแบบให้มีรูปทรงแบบไดมอนด์-คัต ขัดแต่งลวดลายซาติน และเป็นแบบเจาะทะลุ ซึ่งได้รับการเคลือบสารเรืองแสง Super-Luminova Grade X® เพื่อประสิทธิภาพในการมองเห็นในที่มืด
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/