Decompression นาฬิกาที่มาพร้อมกับสเกลสายรุ้งอันมีเอกลักษณ์ของ Mido กลับมาสู่ตลาดอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้เป็นการเพิ่มสีสันใหม่ แต่เป็นการอัพเกรดให้ตัวนาฬิกามีความสามารถเพิ่มขึ้นด้วยกลไก GMT สำหรับนักดำน้ำที่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และ Mido Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition จะมีจำหน่ายด้วยกัน 2 สีหน้าปัดบนตัวเรือนที่มีขนาด 40 มิลลิเมตร
Mido Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition อัพเกรดเพื่อนักเดินทาง
-
อัพเกรดคอลเล็กชั่น Ocean Star Decompression ด้วยรุ่น Worldtimer
-
ตัวนาฬิกายังมีขนาดเท่าเดิมที่ 40.5 มิลลิเมตร และมาพร้อมหน้าปัดแบบ Decompression Scale ผสานกับขอบตัวเรือนแบบ Worldtimer ในการบอกเวลาที่ 2
-
เริ่มจำหน่ายในเมืองไทยวันที่ 15 มีนาคมนี้กับราคา 44,000 บาท
หลังจากที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามใน 2 รุ่นแรกซึ่งเป็นการนำนาฬิการุ่นดังในยุคทศวรรษที่ 1960 กลับมาทำใหม่ ในตอนนี้ Mido ขยับตลาดครั้งใหม่ให้กับ Ocean Star Decompression ด้วยการอัพเกรดฟังก์ชั่นกับการติดตั้งกลไกที่สามารถบอกเวลาที่ 2 หรือ GMT เพิ่มเข้ามาในชื่อ Mido Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition โดยจะแตกต่างจาก 2 รุ่นแรกเพราะเป็นรุ่นพิเศษไม่ได้มีการผลิตจำกัด และมีจำหน่ายด้วยกัน 2 สีของหน้าปัด
Mido Ocean Star Decompression เปิดตัวในปี 2020 ด้วยรุ่นหน้าปัดสีดำที่มีการผลิตออกขาย 1,961 เรือนตามปีที่นาฬิการุ่นแรกเปิดตัว จากนั้นในปี 2021 จึงมีการเปิดตัวหน้าปัดสีขาว-ฟ้า ซึ่งมีการผลิตจำนวนเท่ากันตามออกมา ดังนั้น Mido Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition จึงถือเป็นนาฬิการุ่นแรกของคอลเล็กชั่นนี้ที่ไม่ได้มีการผลิตจำกัด แต่เป็นรุ่นพิเศษ หรือ Special Edition
ตัวนาฬิกาเป็นการนำนาฬิการุ่นดังในอดีตอย่าง Ocean Star Skin Diver (โอเชียน สตาร์ สกิน ไดเวอร์) ที่เปิดตัวในปี 1961 กลับมาทำใหม่ ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้มีจุดเด่นที่หน้าปัดสายรุ้งที่มีตาราง Decompression Scale (ดีคอมเพรสชั่น สเกล) เพื่อให้นักดำน้ำทราบถึงเวลาการพักขึ้นสู่ผิวน้ำได้อย่างปลอดภัย
สำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เด่นของหน้าปัดแบบดั้งเดิม ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT และขอบหน้าปัดที่แสดงเวลาจากทั่วโลกผ่าน 2 ดีไซน์ประสิทธิภาพสูง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเดินทางให้มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จ เฉกเช่นเดียวกันกับเรือนเวลาจากยุค 60s ของ Mido ที่ยังคงสร้างตำนานให้กับแบรนด์ได้ในทุกยุคสมัย
ตัวเรือนผลิตจากสแตนเลสสตีลขัดเงาที่แข็งแรงทนทานและมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.5 มิลลิเมตร บนหน้าปัดพื้นหลังสีน้ำเงินเข้ม สลักโลโก้ ‘Mido’ แบบดั้งเดิมที่ผ่านการขัดเงามาอย่างพิถีพิถัน โดยนาฬิกาเรือนนี้จะแสดงเวลาการบีบอัดของน้ำที่ระดับความลึก 6 เมตร
ซึ่งบ่งบอกจากมาตรวัดวงกลมสีเหลือง สีเขียว สีชมพู และสีน้ำเงิน ที่อยู่บนหน้าปัด พร้อมขอบหน้าปัดแบบหมุนได้จากวงแหวนอะลูมิเนียมสีน้ำเงิน และมีลูกศรสีแดงเพื่อระบุเขตเวลาในการเดินทาง รวมถึงเข็มชั่วโมง นาที และวินาที ที่ได้รับการเจียระไนเป็นทรงเหลี่ยมเพชร พร้อมเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® โดยมีการอ่านค่าวันที่อยู่ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา
กระจกหน้าปัดเป็นแบบ Sapphire ทรงยกสูงหรือ Boxed Shape ตามแบบฉบับนาฬิกาคลลาสิค พร้อมสายถักสแตนเลสสตีลและสายสีน้ำเงิน ที่ผลิตจากยางสำหรับเปลี่ยน โดยได้แรงบันดาลใจจากแฟชั่นในยุค 1960 พร้อมระบบการทำงานอัจฉริยะที่สามารถทำให้เปลี่ยนสายได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งรุ่นดีไซน์พิเศษที่มีตารางดีคอมเพรสชั่น สเกล (Decompression Scale) ไล่ระดับสีจากสีเหลืองไปสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ของ Mido บนผิวหน้าปัดสีดำที่มาพร้อมวงแหวนอะลูมิเนียมและสายยางที่เข้าคู่กัน
อีกหนึ่งจุดเด่นของ “Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition คือกลไกอัตโนมัติ ที่มาพร้อมฟังก์ชัน GMT อีกทั้งยังสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริง Nivachron™ ที่มีคุณสมบัติในการต้านทานต่อสนามแม่เหล็กและแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยม ส่วนในด้านการดำน้ำสามารถกันน้ำได้ในระดับสูงสุดถึง 20 บาร์ หรือ 200 เมตร
การทำตลาดจะมีขึ้นในวันที่ 15 มีนาคมนี้ โดยจะมีด้วยกัน 2 รุ่นย่อย และมีราคาเท่ากันที่ 44,000 บาท
รายละเอียดทางเทคนิค : Mido Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 40.5 มิลลิเมตร
- หนา: 13.4 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 46.99 มิลลิเมตร
- ความกว้างขาสาย: 21 มิลลิเมตร
- กระจก: Sapphire ทรง Box-Shape
- กลไก: อัตโนมัติ Calibre 80 พร้อมฟังก์ชั่น GMT
- ความถี่ : 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง
- กำลังสำรอง: 80 ชั่วโมง
- การกันน้ำ: 200 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline