Mido Ocean Star 200C สีสันใหม่บนขอบเซรามิก

0

มิโด้ เสริมทางเลือกใหม่ให้กับนาฬิกาในกลุ่ม Ocean Star กับรุ่นย่อย 200C ที่นอกจากจะมีการนำเซรามิกมาใช้ในการผลิตขอบตัวเรือนแล้ว ยังมีการเปลี่ยนหน้าปัดชุดใหม่อีกด้วย

- Advertisement -

Mido Ocean Star

Mido Ocean Star 200C สีสันใหม่บนขอบเซรามิก

  • มาพร้อมกับการใช้ Insert Ring บนขอบตัวเรือนด้วย Ceramic

  • มีให้เลือก 3 สีใหม่กับหน้าปัดลายใหม่ที่แตกต่างจากรุ่น Ocean Star 200

  • มีราคาเท่ากันทั้ง 3 รุ่นย่อย 35,900 บาท

Ocean Starคอลเล็กชั่นสปอร์ตยอดนิยมของ มิโด้ มีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่กับการเปิดตัว 3 รุ่นย่อยในรหัส 200C ที่มาพร้อมกับ 3 สีใหม่ของหน้าปัดและขอบตัวเรือ พร้อมด้วยการใช้ขอบตัวเรือนแบบเซรามิกที่ช่วยเพิ่มความทนทานและความสวยงามให้กับตัวนาฬิกาได้เป็นอย่างดี ขณะที่ราคาจำหน่ายในเมืองไทยขยับขึ้นอีกเล็กน้อยจากรุ่น Ocean Star 200

Mido Ocean Star

นอกจากนั้น งานนี้Mido (มิโด้) ยังได้เปิดตัวดาราชื่อดังอย่าง Kim Soo Hyun ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยออกแบบ Ocean Star 200C ให้มีความลงตัวอย่างที่ควรจะเป็นโดยถือเป็นความร่วมมือที่เปี่ยมไปด้วยพลังเพื่อมุ่งสู่ประสิทธิภาพสูงสุด

Mido Ocean Star

สำหรับรุ่น 200C จะมีจำหน่ายในช่วงต้นด้วยกัน 3 รุ่นคือ M042.430.11.091.00 หน้าปัดสีเขียว ตามด้วย M042.430.11.081.00 หน้าปัดสีเทา และ M042.430.11.041.00 หน้าปัดสีน้ำเงิน ซึ่งทุกรุ่นมีราคาเท่ากันที่ 35,900 บาท และมาพร้อมตัวเรือนและสายที่ผลิตจาก Stainless Steel โดยที่ตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42.5 มิลลิเมตร และความกว้างขาสาย 22 มิลลิเมตรเหมือนกับ Ocean Star 200 แต่สิ่งที่ต่างไปคือความหนา ซึ่งในรุ่น 200C จะมีตัวเลขที่ 12.25 มิลลิเมตรหรือเพิ่มขึ้นจากรุ่น 200 อยู่ที่ 0.5 มิลลิเมตร

Mido Ocean StarMido Ocean Star

คำว่า C ที่เพิ่มขึ้นมาในชื่อรุ่นคือ การใช้เซรามิก ซึ่งMido กับวัสดุเซรามิค – หนึ่งในวัสดุซึ่งเป็นที่นิยมนำมาใช้ในการผลิตนาฬิกา – ขอบตัวเรือนหมุนทิศทางเดียวของ Ocean Star 200C. หน้าปัดออกแบบด้วยลวดลายพิเศษและเพิ่มสารเรือแสงเคลือบบนหลักชั่วโมงด้วย  Super-Luminova® สีขาว . ความสามารถในการกันน้ำสูงสุดที่ 20 บาร์ เม็ดมะยมขันเกลียวพร้อมบ่ากันกระแทก ฝาหลังขันเกลียวสลักลายสัญลักษณ์ Ocean Star

ส่วนสิ่งที่ต่างออกไปอีกประเด็นคือหน้าปัด โดยเลือกใช้หน้าปัดที่มีลวดลายของเกลียวคลื่น พร้อมหลักชั่วโมงที่เปลี่ยนจากแบบแท่งเหลี่ยมมาเป็นวงกลมช่วยเพิ่มความแตกต่างให้อย่างชัดเจน ขณะที่สเกลจับเวลาบนขอบตัวเรือนนั้นจะมากับตัวเลขขนาดใหญ่ที่เริ่มในทุกๆ หลักสิบตั้งแต่ 10-50 ต่างจากรุ่น 200 ที่มีตัวเลขเฉพาะหลัก15-30-45

สำหรับกลไกยังเป็นหน้าที่ของ Caliber 80 ซึ่งถือเป็นกลไกอัตโนมัติที่ยอดเยี่ยมในแง่ของกำลังสำรองที่มีมากถึง 80 ชั่วโมงเหนือระดับจากนาฬิการะดับเดียวกันร่วมๆ 2 เท่า โดย Caliber 80 ได้รับการพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ ETA C07.621 เดินด้วยความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง พร้อมการติดตั้งด้วยลวดลาย Geneva Stripe บนโรเตอร์ขึ้นลาน

ในเมืองไทยมีการเปิดตัวและเริ่มวางจำหน่ายแล้ว ใครที่สนใจก็ลุยกันได้เลยกับราคา 35,900 บาท เพิ่มขึ้นจากรุ่นสตีลของ Ocean Star 200 เพียงแค่ 3,000 กว่าบาทเท่านั้น