Mido เปิดตัวเรือนเวลารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นล่าสุดกับคอลเลกชั่นที่ชื่อว่า “Multifort TV Big Date Limited Edition S01E01” โดดเด่นด้วยขอบตัวเรือนรูปทรงทีวีดีไซน์โฉมใหม่ ที่มีจำนวนจำกัด เพียง 999 เรือนทั่วโลก
Mido Multifort TV Big Date Limited Edition S01E01 ความพิเศษรุ่นใหม่ล่าสุด
Mido นำเสนอเรื่องราวอันน่าสนใจผ่านหน้าจอ TV ของนาฬิการุ่น Multifort TV ด้วยความพิเศษอย่าง Multifort TV Big Date Limited Edition S01E01 (มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท ลิมิเต็ด อิดิชั่น เอส01อี01
) เรือนเวลาที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดรูปทรงทีวีสุดคลาสสิก ถูกนำมาออกแบบและตกแต่งใหม่ในโทนสีที่สะท้อนถึงภาพทดสอบ (Test Card) หน้าจอทีวีในยุคอนาล็อก
นับเป็นการผสมผสานสไตล์คลาสสิกเข้ากับความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว มาพร้อมกับสายนาฬิกาที่มีให้เลือกแมทช์เข้ากับสไตล์ถึง 3 สาย ทั้งสายสแตนเลสสตีลให้ลุคที่ดูเรียบโก้ และสายนาฬิกายาง 2 เฉดสี ทั้งสีเหลืองสุดโดดเด่นและสีฟ้าเทอร์ควอยซ์สดใสให้ลุคที่ดูสปอร์ต ที่มีการผลิตและจำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 999 เรือนทั่วโลก
Mido แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ Georges Schaeren (จอร์จ แชแรน) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ปี 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน
Multifort TV Big Date Limited Edition S01E0 ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของเรือนเวลารุ่น Multifort TV ซึ่งเปิดตัวไปในปี 2023 ที่ผ่านมา ด้วยการนำทุกองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบนี้รวมกัน ทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโมเดลรุ่นลิมิเต็ด ซีซั่น 01 ตอนที่ 1 ที่เปิดตัวนี้ เปรียบเหมือนซีรีส์ใหม่ ที่จะเริ่มต้นขึ้นอย่างสวยงาม พร้อมความน่าหลงใหล เป็นที่จับตามอง
ตัวนาฬิกามาพร้อมกับหน้าปัดอันน่าทึ่งที่ผสมผสานดีไซน์คลาสสิกเข้ากับความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว ถ่ายทอดสู่ตัวเรือนที่มีกรอบหน้าปัดในรูปทรงทีวีสุดคลาสสิกด้วยขนาดหน้าปัดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร ตกแต่งหน้าปัดด้วยดีเทลที่สะท้อนถึงหน้าจอโทรทัศน์ในยุคอนาล็อกด้วยลวดลายภาพทดสอบ (Test Card) บนหน้าจอทีวี
ที่ถูกถ่ายทอดในรูปทรงพีระมิดขนาดต่างๆ บนพื้นผิวหน้าปัดช่วยเพิ่มมิติให้เสมือนมีภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ พร้อมการประดับหมุดเวลาในรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ถูกแทนที่ในตำแหน่ง 3, 6 และ 9 นาฬิกา และจุดบอกเวลาทรงกลมบนหน้าปัดที่แต่งบริเวณขอบสีดำพร้อมการเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาวลงหมุดบอกเวลา รวมถึงบนเข็มนาฬิกาทั้งเข็มชั่วโมงและเข็มนาที ช่วยให้สามารถอ่านเวลาได้ดีในช่วงค่ำคืนหรือในที่แสงน้อย โดยฟังก์ชันบอกวันที่ขนาดใหญ่ (Big Date) ถูกวางอยู่ในตำแหน่ง 12 นาฬิกา
มาพร้อมกับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่ถูกเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนบนหน้าปัดทั้งสองด้าน ช่วยให้มั่นใจได้ว่าหน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์เรือนนี้จะได้รับมุมมองที่สมบูรณ์แบบไร้แสงสะท้อน พร้อมการตกแต่งที่เผยโชว์ให้เห็นถึงกลไกผ่านกระจกหลังแบบเปลือยที่มองเห็นการทำงานของกลไกอัตโมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80)
ที่มีประสิทธิภาพสูงที่ให้ความแม่นยำอย่างน่าประทับใจ และตุ้มน้ำหนักแกว่งประดับด้วยลวดลาย Côtes de Genève และการแกะสลักกำกับด้วยโลโก้ MIDO โดยกลไกสามารถสำรองพลังงานสูงสุด 80 ชั่วโมง ที่มาพร้อมบาลานซ์สปริงผลิตจากนิวาครอง™ (Nivachron™) ซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานต่อสนามแม่เหล็กและการกระแทกเป็นพิเศษ สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและความใส่ใจในรายละเอียดแม้แต่ในส่วนที่เล็กที่สุด
โดยตัวเรือนมาพร้อมกับสายสแตนเลสสตีลขัดเงาสุดคลาสสิกช่วยเสริมลุคเพิ่มความเรียบโก้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเพิ่มลูกเล่นในสไตล์เรโทรสุดเท่ด้วยสายนาฬิกายาง 2 เฉดสีที่สามารถเปลี่ยนได้ ทั้งสีเหลืองและสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ที่มีดีไซน์ปั๊มลวดลายนูนให้ลุคที่ดูสปอร์ต โดยนาฬิการุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นนี้ถูกผลิตและจัดจำหน่ายเพียง 999 เรือนทั่วโลก มาพร้อมกล่องสุดพิเศษที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น โดยทุกตัวเรือนจะถูกสลักหมายเลขซีเรียลและ “ONE OF 999” บริเวณข้างหลังตัวเรือนเพื่อสือถึงจำนวนจำกัดในคอลเลกชั่นลิมิเต็ด อิดิชั่นนี้ด้วย
ร่วมสะสมเรือนเวลารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นกับคอลเลกชั่น Multifort TV Big Date Limited Edition S01E01 นาฬิกาคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้แล้ววันนี้ที่เคาน์เตอร์ Mido เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ MIDO Official Store ใน Shopee และ Lazada และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่เว็บไซต์ www.midowatches.com Facebook: Mido Watches และ LINE Official Account: @midothailand หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 02-610-0200
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline