ในช่วงของงาน Basel World 2018 นอกจากรุ่น Commander Shade ที่เป็น Special Edition แล้ว ทางด้าน Mido ยังฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งแบรนด์ด้วยนาฬิการุ่นพิเศษที่ผลิตจำนวนจำกัดอย่าง Multifort Datometer ออกมาด้วย
Mido Multifort Datometer ผลิตจำกัดเพื่อคนพิเศษ
Mido ได้นำความรุ่งเรืองในอดีตกลับมาอยู่บนข้อมือของคุณอีกครั้งด้วยเรือนเวลาในคอลเล็กชั่น Multifort Datometer รุ่นใหม่ โดยแบรนด์ได้เปิดตัวออกมาในช่วงของการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งบริษัท และคอลเล็กชั่นนี้ถือว่าเป็นนาฬิการุ่นสูงสุดหรือเรือธงของแบรนด์นับตั้งแต่เปิดตัวออกสู่ตลาดครั้งแรกเมื่อปี 1939 สำหรับเวอร์ชันของปี 2018 ได้นำเอาจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของตัวนาฬิการุ่นดั้งเดิมมาใช้พร้อมกับปรับปรุงให้สอดรับกับยุคสมัย และบนตัวเรือนที่ผลิตจากสแตนเลสสตีลและผ่านการขัดแต่งแบบซาตินอย่างประณีตนั้นมีการเคลือบ PVD โทนสีชมพู (Rose) ซึ่งทำให้ Multifort Datometer สามารถนำเสนอหน้าปัดที่มีความโดดเด่นด้วยโทนสีเงินที่ผ่านการพ่นทรายอย่างลงตัว และตกแต่งด้วยหลักตัวเลขสีดำ ซึ่งเป็นดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมและพาคุณย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาของปี 1939 นอกจากนั้น สิ่งที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและสำคัญยิ่งของเรือนเวลาดั้งเดิมรุ่นนี้คือ การแสดงวันที่ซึ่งจะใช้เข็มพิเศษที่ปลายด้านบนเคลือบด้วยน้ำมันขัดเงาสีแดง และภายในเรือนร่างที่ดูย้อนยุคของตัวนาฬิกานั้นมีการบรรจุกลไกที่มีความทันสมัยอย่าง Caliber 80 เอาไว้ข้างใน ซึ่งกลไกชุดนี้สามารถสำรองพลังงานได้สูงสุดถึง 80 ชั่วโมง การผลิตมีจำนวนจำกัดเพียง 1,918 เรือนเท่านั้นซึ่งเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับปีแห่งการก่อตั้งของ Mido และแน่นอนว่าด้วยความสวยโดดเด่นที่มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับความคลาสสิคดั้งเดิมนั้น Multifort Datometer คือ เรือนเวลาซึ่งอัดแน่นด้วยประวัติศาสตร์ของการผลิตนาฬิกา และเมื่อคุณสวมอยู่บนข้อมือจะสามารถดึงดูดทุกความสนใจได้เป็นอย่างดี
จากการเปิดตัวเมื่อปี 1934 หรือ 2 ปีหลังจากที่สะพานข้ามอ่าวซิดนีย์เสร็จสิ้นการก่อสร้าง เรือนเวลาในคอลเล็กชั่น Multifort ได้ร่วมแบ่งปันความโดดเด่นของโครงสร้างที่เป็นบุคลิกสำคัญของตัวนาฬิกาให้กับคนทั่วโลก นั่นคือ การผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างประโยชน์ใช้งานกับความงดงาม และนื่คือนาฬิกาที่อยู่เคียงคู่กับการเปลี่ยนแปลงแห่งกาลเวลาอย่างแท้จริง โดย Mido จัดการเฉลิมฉลองปีที่ 80 ของชื่อ Multifort เมื่อปี 2014 และตรงนี้ยิ่งทำให้เรือนเวลาในคอลเล็กชั่นนี้กลายเป็นชื่อรุ่นที่มีระยะเวลาในการผลิตเพื่อทำตลาดยาวนานที่สุดรุ่นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการผลิตนาฬิกาสวิสส์เลยทีเดียว
ในช่วงของการฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งบริษัท Mido ได้มีการนำคอลเล็กชั่นแห่งเรือนเวลาที่มีความคลาสสิคและมีเอกลักษณ์กลับมาอีกครั้งพร้อมกับมีการปรับปรุงให้ดูทันสมัยขึ้น โดยในเวอร์ชันปี 2018 ของ Multifort Datometer นั้นมาพร้อมกับตัวเรือนที่ลงตัวพร้อมเส้นสายที่มีความแข็งแกร่งและถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่โดยมีเวอร์ชันปี 1939 เป็นแรงบันดาลใจ โดยตรงนี้มีการปรับปรุงตัวนาฬิกาให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับช่วงเวลาในการทำตลาด โดยที่ยังคงสิ่งที่เป็นเอกลักณ์ดั้งเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วน ตัวเรือนผลิตจากสแตนเลสสตีลที่ผ่านการขัดและตกแต่งแบบลายซาติน และเคลือบ PVD โทนสีออกชมพู (Rose) โดยตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร กระจกหน้าแบบ Sapphire ทรงเหลี่ยม จะช่วยทำให้ผู้สวมใส่สามารถมองเห็นรายละเอียดของหน้าปัดได้ชัดเจนขึ้น เพราะทำหน้าที่เปรียบเสมือนกับแว่นขยาย และถือเป็นอีกเอกลักษณ์ที่ถูกส่งต่อมาจากรุ่นดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1939 สำหรับหน้าปัดที่มากับสีเงินและมีการยิงทรายอย่างประณีตนั้นถูกตกแต่งให้ดูเด่นขึ้นมาด้วยรายละเอียดบนหน้าปัดที่เป็นสีดำ แต่สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้ Multifort Datomerter ถูกจดจำได้ นั่นคือ การแสดงวันที่ของตัวนาฬิกาที่ใช้เข็มพิเศษแบบ 5N สีทองอมชมพูและบนปลายเคลือบด้วยสารขัดเงาสีแดงเป็นตัวในการชี้ตัวเลขบนหน้าปัดเพื่อบ่งบอกวันที่ ส่วนหลักชั่วโมงบนหน้าและเข็มชั่วโมง-นาทีก็ได้รับการเคลือบ PVD ด้วยสีอมชมพู ขณะเดียวกันเข็มวินาทีได้รับการตกแต่งด้วยสีดำเงาซึ่งตัดกันอย่างลงตัว มีการเคลือบสารสะท้อนแสง Super-LumiNova® สีดำบนตัวเลขของหลักชั่วโมงและเข็มชั่วโมง-นาที เพื่อความสะดวกในการมองเห็นตอนกลางคืน
ภายในเรือนร่างและรูปลักษณ์แบบวินเทจ Multifort Datometer มีการติดตั้งสิ่งที่มีความล้ำสมัยเข้าไป นั่นคือ กลไกอัตโนมัติที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษให้กับทาง Mido ซึ่งCaliber 80 ที่ติดตั้งอยู่ใน Multifort Datometer นั้นถือเป็นกลไกอัตโนมัติในเจนเนอเรชั่นต่อไปที่ได้รับการเพิ่มกำลังสำรองเป็น 80 ชั่วโมง และจากฝาหลังที่เป็นแบบโปร่งใสทำให้คุณสามารถมองเห็นชิ้นส่วนของกลไกที่ผ่านการขัดแต่งอย่างสวยงาม พร้อมโรเตอร์ขึ้นลานขัดลายเจนีวาสไตรปส์และแกะสลักเป็นโลโก้ Mido สำหรับสายของ Multifort Datometer จะเป็นหนังแท้สีน้ำตาล และมาพร้อมกับตัวรัดสายแบบหัวเข็มขัดผลิตจากสแตนเลสสสตีลและเคลือบ PVD สีชมพู ขณะที่ระดับการกันน้ำถูกเพิ่มเป็น 5 บาร์ (50 เมตร/165 ฟุต)
การผลิตมีจำนวนจำกัดเพียง 1,918 เรือน สอดคล้องกับตัวเลขของปีที่ Mido ได้ถูกก่อตั้งขึ้นมา โดย Multifort Datometer ถือเป็นเรือนเวลาที่คู่ควรกับทุกข้อมือซึ่งเป็นผู้ที่หลงใหลและชื่นชอบเรือนเวลาที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างสวย และคลาสสิค
สำหรับรุ่นพิเศษที่มีการผลิตแยกออกมานั้นจะเปิดตัวในช่วงปลายปี โดยจะเป็นเรือนสีทอง Gold Limited Edition ที่ผลิตออกมาเพียง 100 เรือนเท่านั้น
รายเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ : www.midowatches.com
รายละเอียดทางด้านเทคนิค
กลไก : กลไกอัตโนมัติ Mido Caliber 80 (พื้นฐานจาก ETA C07.611) / ขนาด 11½’’’ เส้นผ่าศูนย์กลาง 25.60 มม. หนา 4.74 มม. มี 25 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง / เมนสปริง NIVAFLEX NM / บาลานซ์สปริง ELINCHRON II / เครื่องขัดแต่งสวยงามตามเกรดรุ่นย่อย Elabore / โรเตอร์ขึ้นลานขัดลายเจนีวาสไตรปส์และแกะสลักเป็นโลโก้ Mido ฟังก์ชั่นทำงาน : บอกชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ / ปรับตั้งเพื่อความเที่ยงตรงสูงใน 3 ตำแหน่ง / กำลังลานสำรอง 80 ชั่วโมง
ตัวเรือน : ตัวเรือนสเตนเลสสตีล 316L ขัดแต่งลายซาติน เคลือบ PVD สีชมพู ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 มม. / ประกอบด้วย 3 ชิ้นส่วน / กระจก Sapphire แบบเหลี่ยม และฝาหลังแบบขับเกลียว สามารถมองเห็นชิ้นส่วนกลไกที่ผ่านการขัดแต่งตามเกรด Elaboreผ่านทางฝาหลังใส / สลักหมายเลขเครื่อง และเรือนที่ถูกผลิตจากจำนวน 1,918 เรือน / กันน้ำถึงระดับ 5 บาร์ (50 เมตร / 165 ฟุต)
สาย : สายหนังสีน้ำตาลที่ดูเป็นธรรมชาติ พร้อมตัวรัดสายแบบเข็มขัดเคลือบ PVD สีชมพู
หน้าปัด : หน้าปัดสีเงิน ขัดทรายอย่างประณีต ตัวเลขแสดงเวลาสีดำ พร้อมหลักชั่วโมงเคลือบ PVD สีชมพู และแต้มจุดด้วยสารเรืองแสง SuperLuminova สีดำบนตัวเลข
เข็ม : เข็มชั่วโมงและนาทีเคลือบ PVD สีชมพูเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่าสีดำ เข็มวินาทีเคลือบเงาสีดำ และเข็มแบบ 5N สำหรับแสดงวันที่มากับสีชมพูและปลายเข็มเคลือบเงาสีแดง
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/