นาฬิกาแบรนด์เก่าแก่ที่กำลังจะมีอายุครบ 100 ปีในปีหน้า และถือเป็นแบรนด์ที่คนไทยหลายคนเคยมีประสบการณ์ร่วมที่น่าประทับใจ และในวันนี้เรามาดู 10 เรื่องที่น่ารู้ของ Mido กัน
Mido กับ 10 เรื่องน่ารู้ผ่านการเดินทางแห่งห้วงเวลา
Mido ถือเป็นแบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์เก่าแก่แบรนด์หนึ่ง และในตลาดเมืองไทยเชื่อว่าหลายคนที่มีอายุอานามนำหน้าด้วยเลข 3 หรือ 4 อาจจะมีความหลังร่วมกับนาฬิกาเรือนนี้ ผ่านทางข้อมือของพ่อ เพราะต้องยอมรับว่านาฬิการุ่น Commander ได้รับความนิยมอย่างมากจากคนรุ่นพ่อ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ถูกส่งผ่านมายังเราที่เป็นรุ่นลูกในการได้สัมผัสกับนาฬิกาจักรกลเรือนแรกในชีวิต
แน่นอนว่าชื่อของ Mido ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน และในปีหน้าก็จะเข้าสู่วาระครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งแบรนด์ ดังนั้นในวันนี้ เรามาทำความรู้จักกับ 10 เรื่องที่น่ารู้ของ Mido ที่ผ่านการเดินทางมาตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ศตวรรษกัน
1.Mido ถือเป็นแบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ที่มีความเก่าแก่ และประวัติความเป็นมายาวนาน โดยGeorges Schaeren เริ่มก่อตั้งโรงงานของบริษัท Mido G. Schaeren & Co. AG เมือง Solothurn ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918
2.ชื่อแบรนด์ Mido มาจากภาษาสเปน จากคำว่า Yo mido” ซึ่งมีความหมายว่า “ฉันวัด” หรือ “I measure” เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม และการออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา
3.ในช่วงทศวรรษที่ 1920 Mido พยายามมองหาช่องว่างในตลาดและในยุคที่ตลาดรถยนต์กำลังเติบโต เขาค้นพบถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ในตลาดประเภทนี้ และได้ผลิตนาฬิกาที่มีรูปทรงคล้ายกับรูปทรงของหม้อน้ำรถยนต์ (รถยนต์โบราณวางหมอน้ำอยู่ทางด้านหน้ารถเสมือนทำหน้าที่เป็นกระจังหน้าไปในตัว) ให้กับแบรนด์อย่าง Buick, Bugatti, Fiat, Ford, Excelsior ฯลฯ และนั่นทำให้บรรดาชายหนุ่มที่หลงใหลในแบรนด์รถยนต์เหล่านี้เริ่มหันมามองนาฬิกาของ Mido กันมากขึ้น เพื่อเป็นการเชื่อมต่อกับโลก 4 ล้อที่พวกเขาหลงใหล
4.Mido Robot ถูกนำมาใช้ในเชิงสัญลักษณ์ของ Mido เป็นครั้งแรกในปี 1939 เพื่อแสดงให้เห็นถึง สัญลักษณ์ที่สื่อถึงการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งและความแข็งแกร่งของแบรนด์ ในทุกวันนี้เจ้าหุ่น”Robi ” ได้กลายมาเป็นตัวแทนของแบรนด์มิโด้ทั่วโลก และปีที่ Robi เปิดตัวออกมานั้นเป็นปีเดียวกับที่ Mido เปิดตัวนาฬิกาใหม่ในคอลเล็กชั่นที่ชื่อว่า Datometer
5.มีอยู่ช่วงหนึ่งของทศวรรษที่ 1940 ที่ Mido ให้ความสนใจในการพัฒนานาฬิกาสำหรับนักบินออกสู่ตลาด นั่นเป็นเพราะ Walter Schaeren ลูกชายของผู้ก่อตั้งได้ขึ้นนั่งเป็นประธานบริษัท และเขาเคยเป็นอดีตนักบินของกองทัพอากาศ Swiss Air Force ก็เลยทำให้ Mido หันมาสนใจนาฬิกาประเภทนี้
6.การเปิดตัวรุ่น Multifort ในปี 1934 ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการนาฬิกาในยุคนั้น เพราะเป็นนาฬิกาเรือนเดียวที่รวบรวมความโดดเด่นในยุคนั้นเข้าด้วยกัน เช่น กลไกอัตโนมัติ การป้องกันสนามแม่เหล็ก การป้องกันแรงกระแทก และการกันน้ำ จนทำให้ Multifort มียอดขายที่ดีมากตลอดช่วงทศวรรษที่ 1930-1950 ซึ่งในปัจจุบัน เนมพลทหรือชื่อของ Multifort ก็ยังมีขายอยู่ในปัจจุบัน
7.Mido ยังเป็นผู้นำในโลกของนาฬิกาอย่างต่อเนื่องในปี 1959 พวกเขาเปิดตัวนาฬิการุ่น Ocean Star ออกมาด้วยตัวเรือนแบบ Monoshell ไม่มีฝาหลังจึงหมดห่วงของเรื่องการกันน้ำ และยังมีการนำเทคโนลี Aquadura ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1930 ซึ่งเป็น ระบบการปิดซีลเม็ดมะยมแบบจุกคอร์กมาใช้งานร่วมด้วย และ Mido ได้นำแนวคิดนี้มาใช้กับนาฬิการุ่นต่อมา ซึ่งก็คือ Commander ด้วย
8.กิจการของ Mido มีการเปลี่ยนมือใหญ่ๆ อยู่ 3 ครั้ง คือ ในปี 1972 เมื่อกลุ่ม ASUAG เข้ามาซื้อกิจการ จากนั้นอีกไม่นานก็ขายให้กับกลุ่มธุรกิจ SMH ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ Swatch Group ตั้งแต่ปี 1985 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
9.นาฬิการุ่น All Dial ที่เปิดตัวในปี 2002 ถือเป็นนาฬิกายอดนิยมอีกรุ่นที่มีความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบ ซึ่งทาง Mido เผยว่า ได้รับแรงบันดาลใจและจิตวิญญาณทางศิลปะมาจาก โคลอสเซียมแห่งกรุงโรม ที่ถูกนำเอารูปแบบทางสถาปัตยกรรมและโครงสร้างมาเป็นแบบเพื่อสร้างสรรค์เป็นผลงานคอลเลกชั่นสุดพิเศษ ที่สื่อสารผ่านรูปทรงและดีไซน์ของตัวเรือนและหน้าปัด
10.ด้วยปรัชญาของ MIDO ที่เป็นการผสมผสานระหว่างความงาม ความเป็นต้นตำรับและความมีอรรถประโยชน์ การออกแบบที่อ่อนช้อย ทำให้ผลิตภัณฑ์รุ่นต่างๆอยู่เหนือกาลเวลา แฟชั่นหรือเทรนด์ที่มีวันเปลี่ยนแปลง MIDO จึงเป็นนาฬิกาที่ทนทานเฉกเช่นสิ่งก่อสร้างที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นหรือมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ต่างๆ และในปี 2014 MIDO ได้ลงนามเป็นพันธมิตรกับสหภาพสถาปนิกโลกซึ่งเป็นเครือข่ายสถาปนิกระดับอาชีพที่มีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านรายทั่วโลกและมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ทั้งนี้ MIDO มีส่วนสัมพันธ์กับงานสถาปัตยกรรมอยู่แล้วด้วยผลงานการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งสร้างอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของโลก ดังนั้นการลงนามในครั้งนี้จึงเป็นพัฒนาการที่ต่อเนื่องบนพื้นฐานแห่งค่านิยมที่มีร่วมกันระหว่าง MIDO และสหภาพสถาปนิกโลก
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/