ช่วงนี้กำลังเข้าสู่ความเคลื่อนไหวสำหรับงานแสดงนาฬิการะดับชั้นแนวหน้าของโลกอย่าง Basel World ทำให้หลายๆ ค่ายเริ่มทยอยเปิดเผยทีเด็ดที่พวกเขาจะเปิดตัวออกมาในงานนี้ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22-27 มีนาคมนี้ที่เมือง Basel ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ Mido คือ หนึ่งในแบรนด์ที่จะมีทีเด็ดสำหรับจัดแสดงที่งานแห่งนี้
Mido Commander Shade เผยโฉมลุยงาน Basel World 2018
ในวาระพิเศษของการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งในปีนี้ ทาง Mido นำเสนอความพิเศษโดดเด่นของเรือนเวลาผ่านทางนาฬิการุ่นที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์และผ่านการพิสูจน์ถึงความคลาสสิคมาแล้วผ่านทางระยะเวลาแห่งการทำตลาดที่ยาวนานมากกว่าครึ่งศตวรรษ และด้วยโดดเด่นที่มีความแตกต่างออกไป ทำให้ Commander Shade กลายเป็นสิ่งที่สามารถสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจได้เป็นอย่างดีเมื่อมีการอวดโฉมด้วยหน้าปัดใหม่ที่ถูกจัดวางอยู่บนตัวเรือนทรงดั้งเดิมที่เปิดตัวออกสู่ตลาดครั้งแรกเมื่อปี 1959 โดยคราวนี้เป็นการเปิดตัว Mido Commander Shade Ref. M8429.4.27.11 ที่เป็น Special Edition
ตัวนาฬิกามาพร้อมกับตัวเรือนแบบชิ้นเดียว (Monocase) ทรงกลมพร้อมด้วยแนวทางการออกแบบที่ฉีกแนวและเปิดกว้างทางความคิด และด้วยการได้รับอิทธิพลโดยตรงกับรุ่นที่เปิดตัวในปี 1979 หน้าปัดสีรมควันถูกขัดซาตินเป็นลายซันเรย์ สามารถดึงดูดสายตาทุกคู่ได้เป็นอย่างดี และจากการเลือกใช้การตกแต่งในแบบทูโทนด้วยโทนสีดำ-เงินในทุกรายละเอียด ทำให้ Commander Shade เป็นเรือนเวลาที่มีความโดดเด่นและชวนให้หลงใหล โดยตัวสายเป็นแบบสายเหล็กถัก Milanese พร้อมกับขัดแต่งด้วยลายซาติน ช่วยทำให้สวมใส่สบายและแนบไปกับข้อมือ และสำหรับการสดุดีต่อจิตวิญญาณของการออกแบบนาฬิกาในยุคทศวรรษที่ 1970 ตัว Commander Shade ถือเป็นอีกตำนานที่จะได้รับการตอบรับจากผู้ที่หลงใหลในเรือนเวลาที่มีรูปแบบโดดเด่นไม่เหมือนใคร และมีดีไซน์ที่อยู่เหนือกาลเวลา
ไม่แตกต่างจากหอไอเฟลที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีส ตัวเรือนแบบทรงกลมและผลิตจากเหล็กคือเอกลักษณ์ของคอลเล็กชั่น Commander และเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็นึกถึงและทราบได้ทันทีแม้ว่าจะมองแบบผ่านๆ และด้วยโครงสร้างของตัวนาฬิกาที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร Commander ยืนหยัดและท้าทายกาลเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลง โดยที่ยังคงสัมผัสและความรู้สึกถึงความเยาว์วัยและพลังแห่งวัยหนุ่ม-สาวได้เป็นอย่างดี และสิ่งที่ยืนยันถึงเรื่องนี้คือ การที่ Commander เป็นนาฬิกาเพียงคอลเล็กชั่นเดียวของ Mido ที่ยังมีการผลิตและทำตลาดอย่างต่อเนื่องมานับตั้งแต่ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1959 และแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบๆ 6 ทศวรรษแล้ว แต่ทุกรายละเอียดที่ฝังอยู่ใน DNA ของนทาฬิการุ่นนี้ก็ยังมีอยู่ และถูกหล่อหลอมขึ้นมาจนเป็นชื่อเสียงที่ผู้ที่หลงใหลในเรือนเวลาทั่วโลกต่างรู้จักกันปเป็นอย่างดี และเช่นเดียวกับการที่หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีส นาฬิกาในคอลเล็กชั่น Commander ถือเป็นสัญลักษณ์ที่แท้จริงของ Mido และยังแสดงให้เห็นความเชี่ยวชาญและธรรมเนียมปฏิบัติที่ถูกถ่ายทอดออกมาของผู้ผลิตนาฬิกาสัญชาติสวิสส์
ในปี 1959 Mido ได้เปิดตัวคอลเล็กชั่นแรกของ Commander ออกสู่ตลาด และในตอนนี้ นาฬิการุ่นนี้ที่มีความโดดเด่นที่มีเอกลักษณ์ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้ง Mido และการนำมาผลิตใหม่อีกครั้งนั้นได้มีการยึดรูปแบบที่เกือบจะเป็นการปฏิบัติในเชิงอุดมคติออกมาเลย นั่นคือ การคงความดั้งเดิมที่เคยเกิดขึ้นเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้วเอาไว้เกือบครบถ้วน โดย Commander Shade มาพร้อมกับตัวเรือนทรงกลมที่ผ่านการขัดแต่งอย่างประณีต พร้อมเส้นสายที่เฉียบคตมและสวยงาม และเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มและทำให้หน้าปัดของนาฬิกามีความโดดเด่นขึ้นมา และเพื่อให้คงความคลาสสิคในเชิงของสเป็ก ตัวนาฬิกาจะมาพร้อมกับกระจกหน้าปัดแบบ Acrylic ที่มีการปั๊มโลโก้ของ Mido ด้วยความร้อน ซึ่งจะถูกติดตั้งอยู่บนตัวเรือนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 37 มิลลิเมตร โดย Commander Shade มาพร้อมกับหน้าปัดสีรมควันถูกขัดซาตินเป็นลายซันเรย์ ที่ชวนย้อนให้ระลึกถึงความคลาสสิคที่สะดุดตาของคอลเล็กชั่นในปี 1979 การตกแต่งด้วยการใช้สีในแบบทูโทนในสไตล์ดำ-เงินถือเป็นการจับคู่สีที่มีความสวยคลาสสิค และยากที่ใครจะเดินตามแบบได้อย่างแท้จริง นอกจากนั้น ยังมีการรับเอาแนวคิดที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างหอไอเฟลมาใช้ รูปทรงถูกนำมาใช้กับหลักชั่วโมงบนหน้าปัด มีการขัดและเคลือบด้วยน้ำมันขัดเงาสีดำ และเพื่อให้การมองเห็นเวลาในยามค่ำคืนเป็นไปได้อย่างสะดวกและง่ายดาย หลักเวลาทั้ง 12 จุดได้รับการขัดและแต้มด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova® และก็รวมถึงเข็มชั่วโมงและเข็มนาที Diamond-Cut แบบแบน ขณะที่ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกาจะเป็นช่องสำหรับแสดงทั้งวันที่และวันประจำสัปดาห์ Commander Shade มากับตัวเรือนที่ผลิตจากสแตนเลสสตีลทั้งเรือนและมีรูปทรงที่คลาสสิคอยู่เหนือกาลเวลา และเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในการแสดงให้เห็นถึงหลักปรัชญาในการสร้างสรรค์เรือนเวลาที่ถูกฝังอยู่ในยีนของ Mido นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเมื่อปี 1918
Commander Shade มาพร้อมกับกลไกอัตโนมัติที่มีความโดดเด่นในเรื่องความเที่ยงตรงและทนทานต่อการใช้งานอย่างสูง ถูกปิดด้วยฝาหลังแบบทึบที่คงรูปแบบและตราสัญลักษณ์ดั้งเดิมของ Mido เอาไว้ ส่วนการกันน้ำนั้นอยู่ที่ 5 บาร์ (50 เมตร/165 ฟุต) และเพื่อความสบายสูงสุดในขณะสวมใส่ สายสแตนเลสถักแบบ Milanese ได้รับการขัดแต่งแบบซาติน และมาพร้อมกับตัวปรับสายที่สามารถเลื่อนปรับให้เข้ากับทุกขนาดข้อมืออย่างสะดวก ซึ่งทั้งหมดทำให้ Commander Shade เป็นเรือนเวลาข้ามเวลาด้วยรูปลักษณ์สุดสวยตามแบบฉบับของนาฬิกาในยุคทศวรรษที่ 1970 แต่ทว่ายังมีความคลาสสิคที่ยังเข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
สำหรับอีกเวอร์ชันหนึ่งของการฉลอง 100 ปีในคอลเล็กชั่นนี้จะมากับตัวเรือนแบบเคลือบ PVD สีชมพู
รายเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ : www.midowatches.com
รายละเอียดทางด้านเทคนิค
กลไก : กลไกอัตโนมัติ ETA 2836-2 / ขนาด 11½’’’ เส้นผ่าศูนย์กลาง 25.60 มม. หนา 5.05 มม. มี 25 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง / เมนสปริง NIVACHOC และ NIVACOUBRE, NIVAFLEX NO / บาลานซ์สปริง NIVAROX II / เครื่องขัดแต่งสวยงามตามเกรดรุ่นย่อย Elabore / โรเตอร์ขึ้นลานขัดลายเจนีวาสไตรปส์และแกะสลักเป็นโลโก้ Mido ฟังก์ชั่นทำงาน : บอกชั่วโมง นาที วินาที วันที่ และวันประจำสัปดาห์ / ปรับตั้งเพื่อความเที่ยงตรงสูงใน 3 ตำแหน่ง / กำลังลานสำรอง 38 ชั่วโมง
ตัวเรือน : เป็นแบบชิ้นเดียวตัวเรือนสเตนเลสสตีล 316L ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 37 มม. / ประกอบด้วย 2 ชิ้นส่วน / กระจก Acrylic Crystal ปั๊มโลโก้ Mido ด้วยความร้อน / ฝาหลัง สลักหมายเลขเครื่อง / กันน้ำถึงระดับ 5 บาร์ (50 เมตร / 165 ฟุต)
สาย : สายโลหะถักแบบ Milanese ผลิตจากสเตนเลสสตีลเกรด 316L ขัดซาติน / รวมเป็นชิ้นเดียวกับตัวเรือน / ตัวปรับสายสามารถเลื่อนได้เพื่อรัดกระชับกับข้อมือทุกขนาด
หน้าปัด : หน้าปัดแบบทูโทน สีดำ-เงิน ขัดซาตินเป็นลายซันเรย์ หลักชั่วโมงขัดเงาเคลือบด้วยน้ำมันขัดเงาสีดำ และแต้มจุดด้วยสารเรืองแสง SuperLuminova สีธรรมชาติ หน้าต่างวันที่และวันประจำสัปดาห์ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา
เข็ม : เข็มชั่วโมงและนาทีไดมอนด์คัทแบบแบน เคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่าสีธรรมชาติเพื่อความสะดวกในการอ่านค่าเวลากลางคืน
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/
