การพลิกบุคลิกให้กับนาฬิกาคอลเล็กชั่นดังของ Mido (มิโด้) อย่างรุ่น Commander ด้วยการเติมความสปอร์ตด้วยหน้าปัดแบบใส และใช้ชื่อในการทำตลาดว่า Mido Commander Geradient
Mido Commander Gradient เติมความสปอร์ตบนหน้าปัดใส
-
เสริมทางเลือกใหม่ในแบบสปอร์ตด้วยรุ่นหน้าปัดใสแบบ Gradient
-
มีจำหน่ายด้วยกัน 4 รุ่นย่อยทั้งตัวเรือนเงิน ดำ และ Rose Gold
-
ราคาเริ่มต้นที่ 32,400 บาท
ผลผลิตใหม่ของค่าย มิโด้ กับนาฬิกาสุดสปอร์ตรุ่นใหม่ที่ใช้พื้นฐานของรุ่น Commander กับหน้าปัดแบบไล่เฉดจนโปร่งใสเห็นกลไก และใช้ชื่อในการทำตลาดว่า Commander Gradient โดยจะมีจำหน่ายด้วยกัน 4 ทางเลือก
ถึงเวลาให้การต้อนรับสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น กับรุ่นใหม่อย่าง Commander Gradient ที่ทาง มิโด้ มีความภูมิใจที่จะนำเสนอสิ่งที่คาดไม่ถึงกับการสร้างสรรค์นาฬิกาจักรกลที่มาพร้อมกับหน้าปัดแบบเล่นแสงเงาและสีเทาควันบุหรี่ที่ถูกไล่เฉดสีไปจนถึงความโปร่งใสที่สามารถมองทะลุได้
ซึ่งจากตรงนี้ทำให้คุณสามารถมองเห็นชุดเฟืองของกลไกที่อยู่ใต้หน้าปัดจากทั้ง 2 ฝั่งของตัวนาฬิกาไม่ว่าจะผ่านทางด้านหน้าหรือผ่านทางฝาหลังแบบใส และถือเป็นครั้งแรกสำหรับแบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์
ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่านาฬิกาเรือนนี้คือการสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นการยกย่องกับกลไกที่มีความยอดเยี่ยมอย่าง Caliber 80 ที่สามารถให้กำลังงานสำรองสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง ความเที่ยงตรงและการออกแบบที่มีความโดดเด่นของ Commander Gradient ได้เปิดเผยให้เห็นถึงรูปแบบของความแตกต่างกัน เช่น ขอบตัวเรือนสีดำที่มีการขัดเงา ตัวเรือนสีดำที่มีการขัดลายซาติน
และสัมผัสที่สวยเด่นของหลักชั่วโมงและชุดเข็มที่มากับสีส้มซึ่งถือเป็นโทนสีที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ และแน่นอนว่าด้วยรูปแบบที่โดดเด่นและชวนให้แปลกใจนั้นจะทำให้นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดจากคอลเล็กชั่นที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์จะส่องประกายความโดดเด่นอยู่บนข้อมือของใครก็ตามที่ใช้ชีวิตด้วยความเร็ว
สถาปัตยกรรมที่อยู่เบื้องหลังสไตล์อันโดดเด่น
เส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์และอยู่บนตัวเรือนของนาฬิกาในคอลเล็กชั่น Commander ของ มิโด้ ถือเป็นภาพสะท้อนของเงาโครงสร้างของหอไอเฟล และด้วยตัวเรือนที่มีจุดเด่นอยู่ที่ขอบตัวเรือนบางเฉียบและมาพร้อมกับการขัดลายซาตินั้น รูปทรงที่เป็นแบบกลมได้แสดงให้เห็นถึงแนวโค้งของสถาปัตยกรรมแห่งนี้
ขณะที่หลักชั่วโมงและชุดเข็มที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมาพร้อมกับการขัดเงาบนพื้นผิวของชิ้นงานที่เป็นโลหะนั้น ชวนให้ระลึกถึงโครงเหล็กของตัวหอคอยแห่งนี้ ต้องยอมรับว่าสถาปัตยกรรมแห่งนี้มีความโดดเด่นเหนือกาลเวลาและยืนท้าทายความเปลี่ยนแปลงของเวลามานานถึง 5 ทศวรรษ
ซึ่งทาง มิโด้ เองก็ผลิตคอลเล็กชั่นนี้ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องนับจากรุ่นแรกที่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 19591 เช่นเดียวกับหอคอยที่มีชื่อเสียงของชาวปารีส คอลเล็กชั่น Commander ถือเป็นสัญลักษณ์แท้จริงของแบรนด์ ซึ่งก็คือสัญลักษณ์ของธรรมเนียมปฏิบัติที่สอบทอดกันมาและองค์ความรู้ในการผลิตนาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์
เผยให้เห็นถึงความดั้งเดิม
เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ที่ถูกใส่ใจในการดูแลรักษาอยู่เสมอ หน้าปัดแบบโปร่งใสของ Commander Gradient เป็นการเปิดโอกาสและเชิญชวนให้กับสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ชิ้นส่วนกลไกที่อยู่ข้างใน ยังมีสิ่งที่มีความคล้ายหน้าปัดดั้งเดิมที่เป็นสีเทาควันบุหรี่ แต่เพิ่มความน่าสนใจด้วยการไล่เฉดสีออกไปทางขอบนอกของหน้าปัด ขณะที่ช่องวันที่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกาถูกจัดวางอย่างลงตัวเมื่ออยู่บนพื้นแบ็คกราวน์สีขาว
ไม่ต่างจากแผงหน้าปัดควบคุมระบบทั่วไปที่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจนเมื่ออยู่ในที่มืด ซึ่งกับการที่หลักชั่วโมงได้รับการขัดเงา และชุดเข็มชั่วโมง-นาทีมีการออกแบบให้มีรูปทรงแบบไดมอนด์คัตพร้อมกับการเคลือบสารเรืองแสง Super-Luminova สีส้ม
สำหรับเข็มวินาทีมีการเคลือบเงาด้วยโทนสีสัญลักษณ์ของ มิโด้ และทั้งหมดคือความโดดเด่นที่แตกและเข้ากันอย่างลงตัว สำหรับกระจกของตัวนาฬิกาจะเป็นแซฟไฟร์ทรงโดม ซึ่งถือว่าเข้ากันและช่วยสร้างความโดดเด่นเมื่อมีหน้าปัดสีเทาควันบุหรี่เป็นแบ็คกราวน์อยู่ทางด้านหลัง
ความแตกต่างที่สุดเซอร์ไพรส์
มิโด้ จัดการเพิ่มความสวยให้กับตัวเรือนของ Commander Gradient ด้วยโทนสีดำเข้มซึ่งตัดกันอย่าง
ลงตัวกับการขัดแต่งและพื้นผิวที่อยู่บนตัวเรือน ซึ่งมาพร้อมกับขอบตัวเรือนสีดำที่มีการขัดเงา และตัวเรือนสีดำที่มีการขัดลายซาติน โดยทั้ง 2 ส่วนนี้ผลิตจากเหล็กที่มีการเคลือบ PVD สีดำ และเพิ่มความสปอร์ตด้วยสายผ้าใบสีดำที่มีการเดินด้ายสีส้มและตัวรัดสายแบบบานพับ
ฝาหลังแบบใสและขันเกลียวได้รับการผลิตจาก Stainless Steel ซึ่งมีส่วนให้ Commander Gradient เป็นมิตรกับผู้สวมใส่และรองรับกับการใช้งานที่หลากหลายแม้แต่ในสภาพการใช้งานที่โหดๆ งตรงนี้ต้องขอขอบคุณความสามารถในการกันน้ำระดับ 5 บาร์ (50 เมตร/165 ฟุต)
ขณะที่ระบบกลไกไม่เพียงแต่จะสามารถมองเห็นชิ้นส่วนได้จากทางด้านหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นจากทางด้านหลังได้ด้วยโดยผ่านทางฝาหลังแบบใส มีการตกแต่งลวดลายเจนีวา สไตรป์บนชุดโรเตอร์ของกลไก Caliber 80 ซึ่งถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการบ่งบอกถึงการเป็นกลไกแบบอัตโนมัติ โดยเมื่อมีการขึ้นลานจนเต็ม กลไกชุดนี้จะมีกำลังสำรองสูงสุดนานถึง 80 ชั่วโมงเลยทีเดียว
สำหรับทางเลือกของ Commander Gradient มีด้วยกัน 4 รุ่น และราคาจำหน่ายในเว็บของ มิโด้ ในเมืองไทย คือ
- ตัวเรือนสตีลสีเงินพร้อมสายโลหะ Ref. M021.407.11.411.00 ราคา 32,400 บาท
- ตัวเรือนเคลือบ PVD ดำสายผ้าใบสีดำ Ref. M021.407.37.411.00 ราคา 34,100 บาท
- ตัวเรือนเคลือบ PVD สี Rose Gold สายหนังสีดำ Ref. M021.407.36.411.00 ราคา 34,100 บาท
- ตัวเรือนพร้อมสายโลหะเคลือบ PVD สีดำ Ref. M021.407.33.411.00 ราคา 38,200 บาท
รายละเอียดทางเทคนิค
- กลไก: กลไกอัตโนมัติ Mido Caliber 80 (พื้นฐานจาก ETA C07.661) ขนาด 11” เส้นผ่าศูนย์กลาง 60 มม. หนา 4.74 มิลลิเมตร มี 25 จีเวล ทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง / ขัดแต่งสวยงามตามเกรด Elabore / โรเตอร์ขึ้นลานขัดลายเจนีวาสไตรปส์และแกะสลักเป็นโลโก้ Mido / บอกชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ / ปรับตั้งเพื่อความเที่ยงตรงสูงใน 3 ตำแหน่ง / กำลังลานสำรองสูงถึง 80 ชั่วโมง
- ตัวเรือน : ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดลายซาตินเคลือบ PVD สีดำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร / ประกอบด้วย 3ชิ้นส่วน / แซฟไฟร์คริสตอลทรงโดม / ฝาหลังแบบขันเกลียว สามารถมองเห็นกลไกนาฬิกาที่ขัดแต่งมาเป็นอย่างดีตามเกรด Elabore ผ่านทางฝาหลังแบบใส / ฝาหลังมีการสลักหมายเลขประจำเรือน / กันน้ำถึงระดับ 5 บาร์ (50 เมตร/165 ฟุต)
- สาย : ผ้าใบสีดำเดินด้วยด้ายสีส้ม ตัวรัดสายแบบบานพับผลิตจาก Stainless Steel เคลือกบ PVD สีดำ
- หน้าปัด : อะครีลิก ตรงกลางเป็นแบบใสและมีการไล่ความเข้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงขอบนอก (เป็นโทนสีเทาควันบุหรี่) / หลักชั่วโมงมีการขัดเงาและเคลือบด้วยสารกันการสะท้อนแสง Super-Luminova สีส้ม / ช่องแสดงวันที่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา
- เข็ม : เข็มชั่วโมงและนาทีเป็นรูปทรงแบบแฟล็ต ไดมอนด์คัต เคลือบด้วยสารกันการสะท้อนแสง Super-Luminova สีส้ม เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการมองยามค่ำคืน / เข็มวินาทีเคลือบเงามีสีส้ม
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/