ในปีนี้พวกเขาจะฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งแบรนด์ และ Mido ก็ลุยตลาดตั้งแต่ต้นปีกับ Commander Big Date ที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของขนาดตัวเรือน และกลไกที่มีการปรับปรุงอีกเล็กน้อยจากรุ่นปกติ
Mido Commander Big Date ประเดิมปีที่ 100 ด้วยรุ่นใหม่
- เปิดอีกทางเลือกของในคอลเล็กชั่น Commander
- ตัวเรือนใหญ่ขึ่นเป็นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร
- กลไก Caliber 80 มีการปรับรายละเอียดภายในจากรุ่นทั่วไปอีกเล็กน้อย
2018 จะเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองของแบรนด์ Mido เพราะพวกเขาจะมีอายุครบ 1 ศตวรรษ และแน่อนว่า งานนี้คงไม่ได้มีแค่การเฉลิมฉลองอย่างเดียว แต่ยังมีคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ออกมาเอาใจแฟนๆ ทั่วโลกด้วย อย่างล่าสุดที่มีการเผยโฉมออกมาคือรุ่น Mido Commander Big Date นาฬิกาเดรสส์สุดหรูที่มาพร้อมกับกลไกอันเลื่องชื่อในรหัส Caliber 80 ที่สามารถสำรองพลังงานได้ถึง 80 ชั่วโมง
เราเคยเล่าถึงเรื่องราวของ Mido มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งคุณสามารถตามหาอ่านจาก Scoop เก่าๆ ของเรา แต่ถ้ายังไม่ทราบ Mido เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 และเป็นแบรนด์ที่บุกเบิกด้วยการนำนวัตกรรมที่น่าสนใจมากมายมานำเสนอในโลกของเรือนเวลาอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นนาฬิกาที่เคยได้รับความนิยมอย่างมากอยู่พักหนึ่งในบ้านเรา โดยเฉพาะรุ่น Commander รุ่นแรกที่ถือว่าเป็นตัวสร้างชื่อกันเลยทีเดียว
สำหรับในรุ่นนี้ถือเป็นคอลเล็กแรกที่ถูกเปิดตัวออกมาในช่วงเวลาของการเฉลิมฉลอง และสิ่งที่ทำให้ Commander น่าสนใจขึ้นคือ การเติมช่องหน้าต่างวันที่ (Date) ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา โดยเป็นช่องหน้าต่างคู่ขนาดใหฯที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกับชื่อ Big Date กันมาเป็นอย่างดี และถือว่าช่วนทำให้หน้าตาของ Commander II มีความเปลี่ยน แปลงที่ดูแปลกตาไปจากเดิมอย่างชัดเจน จากเดิมที่มีช่อง Day/Date อยู่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา
ตัวเรือนมีขนาด 42 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าแฟนๆ ของ Mido ที่กำลังมองหา Commander II ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นน่าจะถูกใจ เพราะใหญ่กว่ารุ่น Day/Date อยู่ 2 มิลลิเมตร และเท่ากับตัว Commnader Icone ตัวเรือนผลิตจาก Satinless Steel 316L พร้อมฝาหลังเปลือยแสดงให้เห็นชิ้นส่วนของกลไก Caliber 80 พร้อมความสามารถในการกันน้ำระดับ 50 เมตร
เท่าที่มีการเปิดเผยออกมานั้น ในตอนนี้มีขายด้วย 4 รุ่นย่อยคือ หน้าเงินสายเหล็ก ref M021.626.11.031.00, หน้าเทาสายเหล็ก ref M021.626.11.061.00, ตัวเรือนทูโทน Rose Gold แบบ PVD สายเหล็ก ref M021.626.22.031.00 และตัวเรือน Rose Gold PVD หน้าปัดดำ สายหนัง ref M021.626.36.051.00
โดยทั้งหมดใช้กลไก Caliber 80 ที่อ้างอิงพื้นฐานจาก ETA CO7.651 แต่มีการปรับแต่งเล็กน้อย โดยทาง Mido เรียกว่า Caliber 80Si สามารถสำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมงเหมือนกัน มีโครงสร้างของกลไกคล้ายกัน แต่มีการปรับปรุงในบางจุดเพื่อการทำงานที่ดีขึ้น รวมถึงยังมีการขัดแต่งชิ้นส่วนกลไกตามมาตรฐาน Côtes de Genève และเดินด้วยความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมงหรือ 3Hz
สำหรับราคาในบ้านเราเปิดออกมาแล้ว ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว ถ้าเป็นรุ่นหน้าเงินและหน้าเทาสายเหล็กจะเท่ากันที่ 33,000 บาท ตามด้วยหน้าดำสายหนัง 34,600 บาท และรุ่นทูโทน Rose Gold PVD สายเหล็กจะอยู่ที่ 37,000 บาท ใครที่สนใจก็ลองติดต่อตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราแล้วลุยได้เลย
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/